บทที่ 12 ดอกไม้ริมทาง
“.....” คำตอบของเขาคือเงียบ
นี่เขาไม่คิดจะบอกจะพูดอะไรสักอย่างเหรอ มันอึดอัดนะที่ต้องมานั่งเดาอารมณ์เขาอยู่แบบนี้
แต่ก็ทำได้แค่ลอบถอนหายใจ มองออกไปนอกกระจก มองดูริมสองฝั่งถนน ที่มีดอกไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม สลับกับดอกไม้ข้างทางที่มีสีสันสวยงาม ที่สวยงามไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ราคาแพง แต่มันกลับดูด้อยค่า เพียงแค่มันเป็นดอกไม้ริมทาง
“ภูผา...จะมองเราเป็นแค่ดอกไม้ริมทางไหมนะ” น้ำอุ่นหันไปมองเขาด้วยสายตาที่สับสน แล้วมันก็อดคิดเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ ตัวเธอเองเปรียบเสมือนดอกไม้ริมทางที่อาจจะดูสวยงาม แต่มันก็ดูด้อยค่า เมื่อเทียบกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเขา
เฮ้อ...แต่ก็ได้แค่ถอนหายใจ แล้วมองเขาให้เต็มตา ก่อนที่ดอกไม้ริมทางดอกนี้ จะร่วงโรยราลงสู่พื้นดิน พื้นหญ้าแล้วหายไปในสักวัน...
“วันนี้วันเกิดอุ่น เราแค่อยากอยู่กับอุ่น” เขาหันมามองหน้าสลับกับมองทาง
“วันเกิด วันนี้วันเกิดอุ่นเหรอ?” เด็กสาวจ้องหน้าแฟนหนุ่มอย่างสงสัย ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างครุ่นคิด
“....จริงด้วย...อุ่นลืมไปเลย” เธอยิ้มแห้ง ก็มันไม่ได้สำคัญอะไร จะวันไหนมันก็มีค่าเท่าเดิม ไม่เคยมีของขวัญ ไม่เคยเป่าเค้ก นี่คือสิ่งที่เธอเจอมาตลอด 18 ปี
“.....” พอนึกถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาคู่สวยหมองซึมลงทันที ก่อนที่เธอจะเงียบเอนหลังพิงกับเบาะ สายตาเหม่อลอยมองไปยังข้างทาง เพราะทุกปีถึงจะไม่เคยมีงานวันเกิด ไม่มีเค้ก ไม่มีใครสนใจ เธอจำได้ว่าตัวเองจะชอบแอบไปขอพรหลังบ้าน ขอให้ได้เจอหน้าพ่อแม่สักครั้ง แต่...พรนั้นกลับไม่สำแดงฤทธิ์
ภายนอกอาจจะดูสดใส แต่มีเด็กคนไหนบ้างล่ะที่ไม่ต้องการพ่อแม่ ถึงจะมีคุณแม่ที่คอยดูแลใส่ใจ แต่น้ำอุ่นเองก็หวังจะได้เจอหน้าพ่อแม่ตัวเองสักครั้งในชีวิต
“......” ภูผาที่เห็นแฟนสาวนั่งเหม่อซึม เขาเข้าใจเธอดีทุกอย่าง และรู้ว่าเธอหวังจะได้เจอหน้าพ่อแม่สักครั้ง แต่มันนาน นานถึง 18 ปี จากคำบอกเล่าของแม่ครูผู้ดูแล และเห็นเธอที่ถูกทิ้งไว้หน้าบ้านกลางดึก ไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรสักอย่างที่จะสามารถตามสืบหาบุคคลดังกล่าวได้
แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม ขอให้คุณอาหนุ่มช่วยตามหา ถึงมันจะเป็นแค่ความหวังที่ริบหรี่ แต่ก็ดีกว่าเขาไม่ทำอะไรเพื่อคนที่รัก และนี่คือการแสดงความรักของเขา ว่าเขาจริงใจกับเธอมากแค่ไหน
“อุ่น! น้ำอุ่น” ภูผาสะกิดเรียกแฟนสาวที่เผลอหลับไป เสียงนุ่มละมุนเรียกกระซิบข้างหู ทำเอาคนขี้เซาไม่อยากจะตื่น ด้วยเสียงนุ่มๆ ใบหน้าหล่อคม
“นี่เธอตายแล้วเหรอถึงได้เจอเทวดา” แพขนตางอนค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมองใบหน้าหล่อคมคายตรงหน้า ด้วยแสงแดดยามเย็นที่แยงตา ทำให้ดวงตาคู่สวยพร่ามัวมองหน้าเขาไม่ชัดเจน จนคิดว่าตัวเองฝันเพ้อ พูดบ่นรำพึงรำพันในใจคนเดียว
“ตื่นได้แล้ว....เรามีอะไรจะให้” ริมฝีปากอุ่นนุ่มแตะลงกลางหน้าผากเล็ก พร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น ที่เธออยากเห็นมานาน
“เวลาภูผายิ้มแล้วหล่อจัง ปีนี้อุ่นขอรอยยิ้มภูผาเป็นของขวัญวันเกิดได้ไหม” เธอพูดยิ้มๆ หลงอยู่ในมนต์สะกดรอยยิ้มเขา ดวงตาที่หมองเศร้า เปล่งประกายความสุขขึ้นทันควัน
“เราให้อุ่นได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ตื่น แล้วรีบลงจากรถ!” แต่ความสุขมักอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเขาทำเสียงขรึมใส่
“.....” น้ำอุ่นเม้มปากพยักหน้า แล้วรีบลงจากรถตามที่เขาสั่ง
“..........” แต่เธอกลับต้องอ้าปากค้าง นี่มันฝันหรือว่าเรื่องจริงกันแน่
“สุขสันต์วันเกิด” ภูผาเดินลงจากรถพร้อมเค้กก้อนโต ที่แวะซื้อตอนที่เธอหลับ
“ภูผา...” น้ำอุ่นเอ่ยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเม็ดใสไหลอาบสองแก้ม อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เธอมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันตื้นตัน ซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าคนที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่เดือนเดียว แต่เขาจะรู้จักเธอทุกอย่างแบบนี้
พรึบ!!
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ” น้ำอุ่นวิ่งเข้าไปกอดแฟนหนุ่มทั้งน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นทะเลจริงๆ ไม่ใช่แค่ในนิตยสารท่องเที่ยว หรือในทีวี ในละครที่เคยดู
นอกจากอยากเจอพ่อแม่ ก็มีท้องทะเลสีครามยามเย็นนี่แหละที่อยากจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขา คนเย็นชาที่แสนอบอุ่น
“.....” ภูผากอดร่างเล็กไว้แนบอก เพราะเข้าใจความรู้สึกเธอดี ถึงตอนนั้นเขาจะยังเด็ก ถึงจะไม่ได้ลำบากเท่าเธอ แต่เขาก็รู้ดีว่าความลำบาก ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์มันเป็นยังไง ถึงตอนนี้จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อแม่ที่รักและคอยเกื้อหนุน แต่ทุกช่วงเวลาที่เห็นแม่ลำบาก เขาไม่เคยลืม
“อึก” น้ำอุ่นยังคงหลับร้องไห้ น้ำตาเม็ดใสไหลพรั่งพรูออกมา อย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เขาคือคนแรกที่ทำอะไรแบบนี้ให้เธอ
“เราให้อุ่นร้องไห้แค่วันนี้วันเดียว” เสียงราบเรียบที่แฝงไปด้วยความรักความห่วงใย พูดปลอบประโลม มือข้างหนึ่งถือเค้กชิ้นโต ฝ่ามือหนาอีกข้างลูบลงเบาๆ ที่หัว กลีบปากนุ่มพรมจูบเบาๆ เพื่อปลอบให้คนในอ้อมกอดรู้สึกดี เหมือนที่เขาปลอบน้องสาวทุกครั้งที่เธอร้องไห้
“อุ่น อึก...” ใบหน้าหวานเปื้อนเลอะไปด้วยน้ำตาค่อยๆ เงยหน้ามองหน้าเขา ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เขาคือความหวัง คือพลังที่ทำให้เธอยิ้มได้
“......” น้ำอุ่นพูดอะไรไม่ออก คลี่ยิ้มบางให้เขา มองสบตาเย็นชาคู่นั้น สองเท้าค่อยๆ เขย่ง สองมือสอดคล้องลำคอหนา ขยับใบหน้าหวานเข้าไปใกล้ จนกลีบปากเล็กนุ่มแตะริมฝีปากร้อนอุ่น จูบเขาแทนคำขอบคุณ
“รู้ไหมนี่เป็นเค้กก้อนแรกในชีวิตอุ่นเลยนะ” คนตัวเล็กพูดทั้งน้ำตา มองไปยังเค้กวานิลลานมสดที่ตัวเองชอบ ในระหว่างที่สองแขนยังคล้องลำคอหนาเอาไว้อยู่
“.....” ภูผาได้แต่ยืนนิ่ง มองจ้องคนตรงหน้าไม่ละสายตา เห็นเธอยิ้มทั้งน้ำตาแบบนี้ทำให้นึกถึงน้องสาว ที่เคยร้องไห้อยากกินเค้ก ทั้งสองคนมีอะไรที่คล้ายๆ กัน และเป็นคนที่เขารักมาก
“ขอ....กินได้ไหม” ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง มองเค้กก้อนโต ยิ่งได้กลิ่นครีมนมหอมๆ ยิ่งชวนให้น้ำลายสอ
“ฮึ....ก็กอดไว้แบบนี้จะได้กินไหม” คนหน้านิ่งถึงกับหลุดขำออกมา ปากบอกอยากจะกินแต่สองแขนเธอไม่ยอมปล่อยเขา
“ภูผายิ้มให้อุ่นแล้ว” ดวงตากลมโตเปล่งประกายแวววาว เมื่อเห็นรอยยิ้มเขาอีกครั้ง.....
