บทที่ 2 น้ำรินและเมริญา
ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง น้ำรินยืนกอดอกอยู่ริมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟังเสียงเกลียวคลื่นซัดสาดเขากระทบฝั่งระคนเสียงดังระงมของสัญญาณเตือนไฟไหม้
ดวงตากลมโตทอดมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเรียบ วาดนิ้วเรียวลูบเล่นอยู่บนจี้นาฬิกาลูกสนิชที่แขวนอยู่บนคอเรียวระหง ท่ามกลางผู้ชายที่อยู่ในอาการมึนเมานับสิบชีวิต ซึ่งกำลังวิ่งหนีตายจากเหตุการณ์ไฟไหม้หลอก ๆ
"ผมจัดการตามที่คุณน้ำรินสั่งแล้วครับ"
"ขอบคุณนะเจโร บอกคนของเราอีกสิบนาทีเราต้องออกจากที่นี่"
เจ้าของใบหน้าสวยหวานหันมากล่าวขอบคุณเลขาหนุ่มมือซ้ายของพ่อบุญธรรมที่พาเธอบุกป่าฝ่าดงมาจนถึงที่นี่ เจโรค้อมศีรษะให้แล้วเดินตรงไปทางท่าเรือตามคำสั่ง
น้ำรินใช้เวลาสองวันถ้วนหาตัวเมริญา คราวนี้น้องสาวต่างสายเลือดหนีมาซ่อนแอบไกลถึงเกาะกลางทะเล
ทว่าหากไม่มีเรื่องด่วนที่กระทบต่อธุรกิจของวงศ์ตระกูล เธอคงไม่มารบกวนความสุขของเมริญาให้เกินความจำเป็น
"มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะ"
เสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกล เมริญาวิ่งเข้าไปสวมกอดเจ้าของร่างบางที่ยืนหันหลังอยู่ริมสระว่ายน้ำ ทันทีที่เจอกันมันน่าจับตีนักที่เธอมาซื้อเกาะส่วนตัวอยู่ที่นี่ เกาะที่เข้า-ออกได้เฉพาะตอนเช้า
"อี๋...ถอยไปเลยนะญ่า กลิ่นละมุดชวนอ้วกไม่ไหวอ่ะ" น้ำรินยกมือขึ้นปิดจมูก
"ไม่เอาจะกอด คิดถึงจังเลยค่ะริน พี่น่าจะมาให้ทันปาร์ตีเมื่อคืน หนุ่ม ๆ แซ่บ ๆ ทั้งนั้น"
แทนที่เมริญาจะโกรธเธอกลับหัวเราะคิกคักแล้วหอมแก้มของน้ำรินทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา โดยที่ไม่สนใจว่าคนที่นับถือเป็นพี่สาวจะทำหน้าเหม็นเปรี้ยวใส่ แม้อายุเท่ากันแต่เมริญาสะดวกเรียกน้ำรินว่าพี่และเรียกมานานถึงสิบปีแล้ว
“แล้วนี่ทำไมขอบตาคล้ำขนาดนั้น บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ใช้ตัวที่ไม่แรงอ่ะ”
น้ำรินจับแก้มของเมริญาเอียงไปมา เมื่อพบว่าหญิงสาวอยู่ในสภาพตาเยิ้ม ขอบขาดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้นอนมาหลายวัน
“ยาตัวใหม่น่ะ ดีดทั้งวันสนุกมาก”
เมริญาบอกอย่างอารมณ์ดี แต่พอเห็นใบหน้าบูดบึ้งของน้ำรินก็รู้ได้ทันทีว่าได้ทำเรื่องหนักใจให้คนตรงหน้าเข้าอีกแล้ว
"เกมจบแล้วญ่า พักความสนุกแล้วกลับบ้านเราเถอะ คุณพ่อท่านเป็นห่วง"
"กลับแน่ แต่ไม่ใช่กลับไปแต่งงานกับอีตามาเฟียนั่นนะ" เมริญาประกาศกร้าวถึงว่าที่สามีที่พ่อยัดเยียดให้แต่งงานด้วย
"เสียใจด้วย กำหนดงานแต่งอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้วค่ะ" น้ำรินยักคิ้วใส่ เรื่องงานแต่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการเองทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ยินยอมทั้งคู่
"ไม่เอา ญ่าจะอยู่กับริน เราแต่งงานกันเองดีมั้ย ญ่าสัญญาว่าจะเลิกเกเรค่ะ"
เมริญายกมือขึ้นทำท่าสาบาน แต่ก็ต้องลดมือลงทำหน้าหงอยเมื่อน้ำรินส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
"อย่าพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กลับไปเตรียมตัวนะคะ ทุกคนรออยู่"
"อะไรกัน รินก็รู้ว่าญ่าเป็นอะไร ยังไงก็แต่งกับตานั่นไม่ได้เด็ดขาด"
เมริญาอ้างถึงโรคประจำตัวที่เธอเป็นอยู่ ซึ่งแม้แต่พ่อแท้ ๆ ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้มีเพียงน้ำรินเท่านั้นที่รู้
"น้ำรินนัดหมอเฉพาะทางเอาไว้แล้ว ญ่าต้องหาย แล้วกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ"
"แต่ญ่าชอบอยู่แบบนี้มากกว่า"
"แบบนี้มันมีแต่เสียนะ"
น้ำรินรีบแย้งทันควัน ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาตัวเมริญากลับไปให้ได้ เธอเสียเวลาเล่นเกมนี้มาหลายวันแล้ว
"ญ่าเลิกทำตัวเล่นไปวัน ๆ แล้วกลับไปคุยกับคุณพ่อเรื่องนี้เถอะ"
"ไหนรินบอกว่าเข้าใจสิ่งที่ญ่าเป็น เอาเข้าจริงก็ไม่เข้าใจสักนิด"
มือเล็กยกขึ้นเสยผมสลวยเสมองไปทางอื่นอย่างขัดใจ และเริ่มโวยวายเสียงดัง
"อย่าใช้อารมณ์สิเมญ่า" น้ำรินกดเสียงต่ำ ทำให้เมริญาเริ่มสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วพูดต่อ
"ก็รินไม่ยอมเข้าใจญ่าเลย บอกแล้วว่าไม่อยากกลับ"
"ไม่กลับไม่ได้ เรื่องแต่งงานถึงบ้านแล้วเราค่อยคุยกัน สำคัญคือตอนนี้ญ่าต้องกลับไปหาคุณพ่อก่อน หนีมาแบบนี้ท่านเป็นห่วงมากนะรู้มั้ย อีกอย่างน้ำจะลงแล้วน้ำรินไม่อยากติดอยู่ที่นี่"
"แต่ญ่า...ยังสนุกอยู่เลย
"เกมนี้รินชนะ ญ่าอย่าโกงสิ" น้ำรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและสีหน้าขึงขัง จนในที่สุดเมริญาไม่กล้าขัด
"ก็ได้ ๆ ..."
เมริญาพยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เกมนี้เธอแพ้ก็ต้องทำตามผู้ชนะ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เธอกำหนดเอง ว่าถ้าหากน้ำรินตามหาตัวเธอจนเจอก็จะยอมกลับบ้านแต่โดยดี
ตอนอายุสิบห้าขวบเมริญาสูญเสียแม่ไปจากอุบัติเหตุ หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพราะคนเป็นพ่อเอาแต่ทำงานงก ๆ จนไม่มีเวลาดูแล นอกจากอัดฉีดเงินให้ตามที่เธอต้องการ โชคดีที่เด็กกำพร้าอย่างน้ำรินถูกรับเข้ามาเลี้ยงพอดี เมริญาจึงมีคนคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ
ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาความผูกพันระหว่างเธอกับน้ำรินมีมากกว่าพ่อแท้ ๆ เสียอีก ฉะนั้น ไม่ว่าน้ำรินจะชี้แนะไปทางไหนเมริญาจะทำตามเสมอ ทว่าคงไม่ใช่เรื่องนี้
...เรื่องแต่งงานไม่เคยมีในสมองคนรักสนุกอย่างเธอ
