บทที่ 7 หน้าที่อีตัว
รถตู้คันหรูทะยานสู่ถนนใหญ่โดยมีแทนไทเป็นคนขับ น้ำรินนั่งนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปฐพี เขากำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับบางอย่างที่ลูกน้องเพิ่งส่งมาให้ทางโทรศัพท์ ตั้งแต่ขึ้นรถมาด้วยกันเขาก็ไม่ได้คุยกับเธอสักแอะ
มือทั้งสองข้างกุมกันแน่นจนชื้นเหงื่อ รู้สึกอึดอัดจนแทบระเบิดเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน รู้เพียงว่ามาชาวีร์ขนข้าวของของเธอไปไว้ที่บ้านของปฐพีเรียบร้อยแล้ว ฉับพลันคำพูดของแม่สามีก็แว่วเข้ามาในหู
‘แม่ต้องการให้ริน ช่วยพี่ดินปลุกนกเขาของเขาให้ขันได้อีกครั้ง’
‘คะ...หมายความว่าพี่ดินเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเหรอคะ'
‘เขาบอกแม่อย่างนั้นนะ เอาจริง ๆ แม่ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพี่เขาจะใช้งานส่วนนั้นไม่ได้จริง ๆ แต่ถึงจะจริงหนูต้องปลุกมันขึ้นมาให้ได้ เพราะมันจะส่งผลต่อข้อตกลงข้อที่สองของเรา’
น้ำรินเลื่อนสายตามองสามีในนามด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จังหวะนั้นเองสายตาก็หยุดอยู่ที่เป้ากางเกงของมาเฟียหนุ่มโดยอัตโนมัติ เธอถึงกับเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง จินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่าอะไรซ่อนอยู่ภายในนั้น คิดไปคิดมาก็ถึงกับขนลุก แต่พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าปฐพีกำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาแสดงความไม่เป็นมิตร ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเธอทำเรื่องเสียมารยาทเข้าเสียแล้ว
"เธอจะมองเป้ากางเกงฉันอีกนานมั้ย หรือต้องงัดมันออกมาให้ดูถึงจะพอใจฮะ!"
“มะ...ไม่ต้องค่ะ ฉันขอโทษที่เสียมารยาท”
น้ำรินถึงกับต้องรีบยกมือไหว้ขอโทษทันที ภาวนาให้ปฐพีแค่ไล่เธอลงไปจากรถระบายความโกรธ ไม่ใช่ชักปืนออกมายิงเธอจนไส้ไหลอยู่บนรถ
“ถามตรง ๆ เลยนะ นอกจากมาเป็นเมียฉันแลกกับการช่วยเหลือบริษัทพ่อเธอแล้ว แม่ฉันให้เธอทำอะไรอีก”
น้ำรินเงยหน้าขึ้นตอบคำถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ปฐพีกำลังจ้องมาอย่างคาดคั้นคำตอบ
“คุณแม่ให้ฉันช่วยปลุกนกเขาของคุณให้กลับมาใช้งานได้ปกติค่ะ”
“พรืด~”
เป็นแทนไทที่กลั้นขำเอาไว้ไม่ได้ รวมถึงลูกน้องอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ต้องกลั้นขำเอาไว้จนจมูกบาน ผลทั้งหมดมันเกิดจากความปลิ้นปล้อนของเจ้านายเขาเองทั้งนั้น ที่คิดแผนตื้น ๆ ไปหลอกมารดาตัวเองว่าเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
“แกอยากเดินกลับใช่มั้ยแทนไท เดี๋ยวเถอะพวกมึง มาแต่งแทนกูเลยมั้ย” ปฐพีคาดโทษด้วยท่าทางหงุดหงิด จากนั้นก็หันกลับไปคุยกับน้ำรินต่อ
“ทำแค่อย่างเดียว”
“เอ่อ...อีกข้อก็คือ ฉันต้องท้องกับคุณหลังคลอดเสร็จฉันจึงจะหย่าได้”
"หย่า! แล้วลูกล่ะเอาไง"
"แม่คุณจะเลี้ยงดูเองค่ะ"
น้ำรินบอกออกไปเสียงสั่น อันที่จริงเธอยังไม่ได้คิดถึงเรื่องท้องเลยด้วยซ้ำ จู่ ๆ มาชาวีร์ก็ยื่นข้อเสนอให้เธอและจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะก้าวผ่านขั้นตอนปลุกนกเขาได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนปฐพีไม่คิดแบบนั้น...
“เหอะ! เธอก็เลยเอาแต่จ้องเป้ากางเกงฉันเนี่ยนะ เพราะอยากมีลูก อยากหย่าแล้วก็หนีไปใช้ชีวิตของตัวเอง ให้ตายเถอะเธอนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ” ปฐพีเค้นเสียงอย่างเย้ยหยัน
ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครไร้ยางอายอย่างคนบ้านนี้มาก่อน นี่เธอกะจะตั้งท้อง คลอดแล้วจากไปแบบไม่คิดจะเลี้ยงลูกของตัวเองเลยอย่างนั้นน่ะเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าน้ำรินจะเป็นสะใภ้ที่แม่เขาอยากได้นัก อยากได้หนา ขนาดหมาตัวเมียมันยังดูรักลูกของมันมากกว่าผู้หญิงตรงหน้าเลย
“ฉันไม่ได้อยากจ้องไอ้นั่นคุณหรอกนะ แค่กำลังคิดหาวิธีว่าถ้าทำข้อแรกไม่สำเร็จแล้วจะทำข้อที่สองได้ยังไง”
“หึ! เธอนี่มันหมกมุ่นได้โล่จริง ๆ”
“ก็มันเป็นหน้าที่” เธอเอ่ยอย่างอ่อนใจ
"เหอะ หน้าที่อีตัว"
"นะ...นี่คุณ! มันจะมากเกินไปแล้วนะ" เธอถึงกับหัวร้อน ผู้ชายอะไรปากหมาชะมัด
"ที่ฉันพูดมีคำไหนไม่จริง เอาตัวมาแลกเงินตั้งหลายร้อยล้าน นี่แม่ฉันจะขาดทุนมั้ยวะ" ปฐพียังมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยันไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
"..." น้ำรินถึงกับพูดไม่ออก ในใจโกรธจนสั่นไปหมดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ไอ้แทน จอดเซเว่นหน้าปากซอยให้กู” ปฐพีออกคำสั่ง ซึ่งแทนไทก็รีบจอดรถเทียบฟุตบาททันที
“นายจะซื้ออะไรครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้” แทนไทอาสา
“ไม่ต้อง ให้ยัยนี่ลงไปซื้อมา”
“ซื้อ...ซื้ออะไรเหรอคะ” น้ำรินมองปฐพีสลับกับร้านสะดวกซื้ออย่างไม่ไว้ใจนัก
“ถุงยาง บอกตรง ๆ ว่าฉันไม่ไว้ใจเธอ ไม่รู้ผ่านมาแล้วกี่คน พรุ่งนี้ไปตรวจเอดส์แต่เช้าด้วย” แต่ละคำคือตั้งใจพูดดูถูก
“ไม่คิดว่าพูดแรงเกินไปหน่อยเหรอคะ” คราวนี้น้ำรินไม่ยอมให้เขาว่าอยู่ฝ่ายเดียว จริงอยู่ว่าเธอยอมเป็นภรรยาของเขาก็เพราะเงิน แต่เรื่องผ่านมือผู้ชายเธอไม่ขอยอมรับ
“มีแรงกว่านี้อีก ลงไปซื้อมาเอาไซซ์หกสิบสองกับเจลหล่อลื่น เธอชอบกลิ่นอะไรก็เลือกมา!”
มาเฟียหนุ่มไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยัง แต่ออกคำสั่งต่อแบบหน้าตาเฉยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ กลายเป็นน้ำรินที่มองซ้ายมองขวาอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อเลย เพราะยังไงตรงนั้นของคุณมันใช้การไม่ได้อยู่ดี”
คำพูดของน้ำรินเปรียบดั่งไม้หน้าห้าที่ฟาดลงใส่หน้าหล่อ ๆ ของเขา ถ้าให้ตรวจความดันตอนนี้คงพุ่งอยู่ที่เจ็ดร้อย ริมฝีปากหนากระตุกขึ้นยกยิ้มมุมปาก ทำเอาหญิงสาวถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“เธอเคยได้ยินมั้ย ว่าสิบตาเห็นไม่เท่าสัมผัสเอง เจอของจริงขาถ่างแน่ ลงไป!”
ปฐพีตะคอกใส่น้ำรินอย่างเดือดดาล ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งโหยง รีบกระชับสายกระเป๋าที่คล้องอยู่บนบ่าแล้วลงไปจากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงเขาตะโกนไล่หลังตามมาอีก
“ไปซื้อมาแล้วเดินกลับเข้าบ้านเอง ฉันไม่รอ!”
น้ำรินได้แต่มองตามจนไฟท้ายรถลับตาไปจึงเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“ไซซ์หกสิบกับเจลหล่อลื่น...ใหญ่ขนาดนั้นเลยเรอะ นั่นจุด ๆ ๆ หรือว่าหม่ำเมืองพล”
หญิงสาวนึกแล้วก็ขำความคิดของตัวเอง อมยิ้มเหมือนคนบ้า เธอลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังชั้นวางผลิตภัณฑ์ที่ปฐพีสั่งให้ซื้อ ซึ่งชั้นวางของเหล่านั้นตั้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน ที่มากไปกว่านั้นคืออยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าเป๊ะ ๆ เพียงแค่เดินไปหยุดอยู่หน้าชั้นประตูอัตโนมัติก็เลื่อนเปิดพร้อมส่งเสียงดัง
ตี๊ดดี่ ตี๊ดดี่ ตี๊ดดี่
คนตัวเล็กถึงกับหายใจติดขัดเมื่อลูกค้าที่กำลังยืนเลือกของอยู่บริเวณนั้นหันมามองเธอเป็นตาเดียว ให้ตายเถอะนี่เป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาจำความได้เลย ไม่เข้าใจว่าทำไมร้านสะดวกซื้อถึงต้องเอาถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่นมาวางไว้ใกล้เคาน์เตอร์และประตูด้วย
‘เธอชอบกลิ่นอะไรก็เลือกเอา’
ใครจะเลือกก็เลือกไปเถอะ เพราะน้ำรินกวาดทุกอย่างลงตะกร้าและรีบยื่นให้พนักงานคิดเงินอย่างรวดเร็ว
อีกด้าน
"นายจะทิ้งคุณรินให้เดินกลับจริง ๆ เหรอครับ"แทนไทถามด้วยความเป็นห่วงน้ำริน ต่างจากปฐพีที่นั่งนิ่งไม่ได้ใส่ใจภรรยาในนามเลยสักนิด
"ผู้หญิงเจนจัดแต่บอบบางอย่างนั้นน่ะเหรอ จะให้มาเป็นเมียฉัน"
"นายก็รู้ว่าเราไม่ควรประเมินคนแค่ภายนอก"
"อย่ามาเป็นภาระกูก็แล้วกัน"
"ผมว่าไม่ ดูท่าทางคุณรินไม่ได้ตกอกตกใจที่ต้องแต่งงานกับบุคคลอันตรายอย่างนาย นั่นแปลว่าเธอศึกษาอมูลมาแล้ว ที่สำคัญมีคุณรินอยู่คุณวีร์ก็ยอมผ่าตัด ... นายจะไม่ลองคิดดูใหม่จริง ๆ เหรอ"
แทนไทลดความเร็วรถลง เปิดโอกาสให้คนเป็นนายได้คิดทบทวนและเตรียมกลับรถทุกเมื่อ ทว่าจนรถเคลื่อนตัวผ่านรั้วคฤหาสน์คนเป็นนายก็ไม่ได้เปลี่ยนใจ
น้ำรินต้องเดินกลับเพราะหน้าปากซอยไม่มีรถรับจ้างและแท็กซี่ไม่ยอมจอดรับ คนขับรถบอกว่าด้านในเป็นซอยตันไม่มีทางกลับรถ กว่าจะเดินตากแดดมาถึงบ้านของปฐพีก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
แต่พิษไข้ที่ยังไม่หายดีบวกกับอากาศร้อนแล่นเข้าเล่นงานร่างกายของน้ำริน สายตาที่กำลังมองไปเบื้องหน้าเริ่มมองเห็นภาพทุกอย่างเป็นภาพซ้อน ก่อนที่ร่างเล็กจะล้มพับลงไปหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์กลางพื้นซีเมนต์ร้อนฉ่า
ตุ๊บ!
“เฮ้ย! มีคนเป็นลมหน้าบ้าน”
