บทที่ 8 ไฟเจอน้ำมัน

ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าบริเวณรอบตัวมีเพียงความมืดมิด

ร่างเล็กค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง พยายามปรับม่านสายตาเผื่อจะมองเห็นอะไรขึ้นมาบ้าง แต่เปล่าเลยในนี้มืดไปหมด ขณะนั้นเองมือเล็กก็ปัดไปโดนของเหลวบางอย่าง

“แหวะ! นะ...นี่มันอะไรกัน” ยกมือขึ้นมาดมพอได้กลิ่นชัด ๆ ก็ถึงกับอาเจียนออกมา กลิ่นสาบเหม็นคาวบางอย่างคล้ายเลือดตีขึ้นจมูกอย่างรุนแรงจนทนไม่ไหว

“ใครอยู่ข้างนอก ช่วยปล่อยฉันออกไปที ช่วยด้วย...”

ตะโกนขอความช่วยเหลือจนคอแทบแตก ทว่ามีเพียงเสียงของตัวเองสะท้อนกลับมาเท่านั้น คนตัวเล็กตกอยู่ในความหวาดกลัว ปากก็ส่งเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกไม่หยุด

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันออกไปที” กำปั้นเล็กทุบไปตามผนังห้อง แต่นอกจากเสียงของตัวเองแล้วก็ไม่มีเสียงของใครอีกเลย

สองวันแล้วที่ปฐพีสั่งให้ลูกน้องขังน้ำรินไว้ในคุกมืด ตั้งใจว่าจะทำให้เธอสติแตกแล้วหนีกลับบ้านไปซะ

"ไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอครับ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ โดนขังไม่ให้กินอะไรมาสองวันแล้ว ตอนนี้ร่างกายคงซูบผอมจนหนังห่อกระดูก แถมพี่โรมันยังบอกอีกว่าในคุกใต้ดินมีหนู แมลงสาบยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ป่านนี้คงแทะกินเนื้อคุณน้ำรินไปแล้วแน่ ๆ"

"ก็ดีนี่ จะได้ไม่ต้องไปเก็บศพให้ยุ่งยาก"

"โธ่~ นาย"

ต้นกล้าเด็กหนุ่มหัวใจหญิงซึ่งเปรียบดั่งเป็นพ่อบ้านของที่นี่เดินวนไปวนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของปฐพี เขากำลังขอร้องให้เจ้านายปล่อยตัวน้ำรินออกมาจากคุกใต้ดิน ทว่าคนเป็นนายกลับทำเป็นไม่สนใจ ถึงแม้ว่าเขาจะอ้อนวอนอยู่แบบนี้มาสองวันแล้วก็ตาม

"กล้าขอร้องล่ะ"

ฟุบ!

ต้นกล้ากอดขาปฐพีเอาไว้แน่น มาเฟียหนุ่มสะบัดขาออกแต่ต้นกล้าไม่ยอมปล่อย วันนี้เป็นไงเป็นกันยังไงก็ต้องช่วยน้ำรินออกมาให้ได้

"อะไรของมึงวะ" ดวงตาคมกริบหลุบมองลูกน้องที่กำลังกอดแข้งกอดขาเขาอย่างหงุดหงิด

"ถ้าวันนี้นายไม่ยอมปล่อยคุณริน ผมก็จะกอดอยู่แบบนี้ล่ะ ไม่ทำกับข้าว ไม่ทำความสะอาดบ้าน"

"ออกไป! เกะกะลูกตา" มาเฟียหนุ่มตวาดไล่ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเอาปืนออกมายิงทิ้งแล้ว แต่นี่เขายังเมตตาต้นกล้าอยู่บ้าง

"นาย...ปล่อยคุณรินออกมาเถอะ กล้าขอล่ะ"

"ฉันบอกให้ออกไปไง หรือต้องให้ฉันใช้ความรุนแรงกับแกฮะ ต้นกล้า!" เสียงเข้มตวาดไล่

"ยะ...อย่านะครับ"

ต้นกล้าถอยกรูดก้นจ้ำเบ้าหวาดกลัวจนตัวสั่น เด็กหนุ่มเคยถูกทารุณด้วยการทำร้ายร่างกายมาตั้งแต่เด็กจากมาเฟียอีกแก๊ง โชคดีที่ปฐพีพบเข้าเลยเอามาชุบเลี้ยงตั้งแต่เขาอายุ15ปี แต่ผ่านมาเกือบห้าปีเขาก็ยังหวาดกลัวทุกครั้งเวลาที่ถูกดุหรือเห็นเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง

"ใจดีกับคุณริน ให้เหมือนกับที่ใจดีกับกล้าเถอะนะครับ กล้าว่านายไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น"

"ไปชงกาแฟมาให้ฉันไป"

น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่สายตาที่ส่งไปดุดันเหมือนกำลังจะแผ่รัศมีความเกรี้ยวกราด ทำให้ต้นกล้ารีบพยักหน้ารับคำสั่ง ลุกขึ้นแล้วออกไปชงกาแฟมาให้คนเป็นนายทันที

ปฐพีทำเป็นสนใจงานตรงหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จริง ๆ แล้วภายในใจกลับกำลังกังวลอยู่ที่เรื่องของน้ำรินอยู่

ถ้าไม่ทำแรง ๆ แบบนี้ เธอก็คงไม่ยอมออกไปจากชีวิตเขาง่าย ๆ พื้นฐานชีวิตของปฐพียืนอยู่บนเส้นทางอันตรายทุกย่างก้าว ในเมื่อเขาเลิกเป็นมาเฟียไม่ได้ เขาก็ไม่ควรดึงเธอเข้ามาอยู่บนเส้นทางอันตรายนี้ด้วยกัน มันเสี่ยงเกินไปและเขาไม่ต้องการมีจุดอ่อน

“ดิน! ทำไมใจร้ายขนาดนี้!”

เสียงแหลมดังมาตั้งแต่หน้าประตู มิเชลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของปฐพีเดินตึงตังเข้ามาภายในห้องทำงานด้วยท่าทางโมโห

“อะไร” ปฐพีแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามิเชลหมายถึงอะไร

“ถ้าเธอกลัวจนช็อกตายขึ้นมาจริง ๆ นายจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง”

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงมาชาวีร์ก็เพิ่งโทรขอให้มาดูน้ำรินที่นี่ คิดไม่ถึงว่าเพื่อนมาเฟียจะลงมือทำเลวกับภรรยาตั้งแต่วันแรกที่รับเข้ามาในบ้าน

“ก็ตายไปสิ อย่างมากแม่ฉันก็แค่ไม่มีหลานให้อุ้ม”

“นายนี่โคตรระยำเลยว่ะดิน คอยดูนะฉันจะฟ้องป้าวีร์”

“อย่าลืมบอกแม่ฉันมาลากตัวยัยนี่กลับไปด้วยก็แล้วกัน ฉันไม่เอา!”

ปฐพีปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คลงแล้วเดินผ่านมิเชลออกจากห้องทำงาน แต่แล้วก็ต้องหยุดฝีเท้าอยู่หน้ากรอบประตู เมื่อเขาเจอน้ำรินยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง

เจ้าของดวงตาคมกริบไล่สายตามองคนตัวมอมแมมตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเมื่อเจอครั้งแรก ผมยาวของเธอฟูฟ่องถอดแบบออกมาจากหญิงบ้าคนหนึ่ง เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง ดวงตาของเธอแดงก่ำแสดงออกว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนัก น้ำรินกำลังจ้องเขม็งมาทางเขาอย่างกับซอมบี้ที่กำลังจะปรี่เข้าขย้ำเหยื่อ

“เลวที่สุด คุณคิดว่าคุณเป็นใครฮะ!”

เพียะ!

ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดฟาดลงบนแก้มสากข้างซ้ายของปฐพีสุดแรง ใบหน้าคมสะบัดไปตามแรงตบ ขึ้นเป็นรอยแดงราวกับถูกประทับตราลงด้วยเลือดที่ติดมาจากฝ่ามือเธอ น้ำรินรู้สึกคันยิบ ๆ ทั่วฝ่ามือแต่ไม่สู้เจ็บไปทั้งใจที่เขากล้ารังแก

มาเฟียหนุ่มรู้สึกแสบไปทั้งแก้มขวา ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงของเหลวรสฝาดที่ส่งกลิ่นคลุ้งอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้ามาตบเขาจนเลือดกบปาก สงสัยยัยนี่จะวอนตายก่อนแก่เสียแล้ว

“หึ! โกรธมากงั้นเหรอที่ฉันไม่เอาเธอ” เข้าใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มบริเวณที่เป็นแผลด้วยสีหน้ากวนๆ

“เฮ้ยดิน! ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกัน” มิเชลรีบเข้ามากอดแขนปฐพีเอาไว้ พยายามห้ามแต่ถูกเขาสะบัดแขนเล็กออก

“หลบไปเชล นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ฆ่ายัยนี่อย่ามาเรียกฉันว่าปฐพี!”

“ฆ่าเลย!" น้ำรินท้าทายต่อ "คุณมันก็ดีแต่ใช้กำลัง คิดว่าคุณทำถูกนักเหรอที่มารังแกคนอื่นแบบนี้”

คนตัวเล็กตะเบ็งเสียงสู้ แม้จะกลัวแค่ไหนแต่คนนิสัยแย่แบบเขาจะต้องได้รับการตอบโต้ซะบ้าง ไม่ใช่ทะนงตัวว่ากุมอำนาจอยู่ฝ่ายเดียว คนอื่นก็มีตีนมีมือเหมือนกัน

"เธอมันรนหาที่เอง"

"คุณมันก็เด็กไม่รู้จักโต พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง"

“ปากดีนักนะ” มือหนากระชากคอเสื้อของน้ำรินเข้ามาประชิดตัว "อยากตายมากใช่มั้ยวะ!"

“ปล่อยฉันนะไอ้หมาบ้า คุณมันถ่อย”

“ถ่อย เหอะ! เธอเองไม่ใช่เหรอที่ดึงดันว่าจะอยู่ที่นี่ และนั่นคือความจริงที่เธอต้องได้รู้ว่าฉันมันถ่อย เลือดเย็น เลวทราม และฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิง...อย่างเธอ”

นิ้วชี้เรียวจิ้มลงหน้าผากของน้ำรินอย่างแรงแล้วปล่อยมือออกจากคอเสื้อ จนเธอเซถอยหลังไปสองก้าวแล้วหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น

ตุ๊บ!

“ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของคุณแม่ ส่วนคุณไม่ต้องการก็อยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้เวลามันผ่านไปเฉย ๆ ก็ได้นี่”

อยู่เฉย ๆ ที่หมายความว่า ครบหนึ่งปีถึงแม้น้ำรินไม่ท้องหนี้หลายร้อยล้านก็หายวับไปกับเธอน่ะสิ

“หน้าด้าน เห็นแก่ตัว” มือหนาบีบลงบนไหล่เล็กทั้งสองข้าง จนทำให้น้ำรินรู้สึกเจ็บปวดจนร้องเจ็บออกมา

“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ”

“ดินพอได้แล้ว ปล่อยเธอเถอะ” มิเชลเข้ามาแกะมือของปฐพีออก เกรงว่ากระดูกของน้ำรินจะหักคามือ ผู้หญิงคนนี้ก็กล้าเหลือเกิน อารมณ์ตอนนี้ไม่ต่างจากไฟเจอน้ำมันเลย รุนแรงทั้งคู่ รู้บ้างมั้ยว่าชะตาน้ำรินจะขาดอยู่รอมร่อ

“ใครอยู่ข้างล่างมาลากตัวยัยนี่ออกไป!” ปฐพีเดินชนไหล่มิเชลออกไปตะโกนโหวกเหวกเรียกลูกน้อง ไม่นานชายชุดดำจำนวนมากก็วิ่งกรูกันเข้ามา

“ครับนาย”

“ลากตัวยัยนี่ไปทิ้งหน้าบ้าน แม่งน่ารำคาญชิบ!”

ว่าจบเขาก็เดินตรงไปยังห้องพักส่วนตัว ทิ้งเอาไว้เพียงลูกน้องที่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีใครทำตามคำสั่งของเขาสักคน เพราะผู้หญิงตรงหน้าคนหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของนาย ส่วนอีกคนก็เป็นเพื่อนสนิทของนาย แถมยังเป็นถึงลูกสาวมาเฟียอีก

“เจ็บมั้ย ดูสิ แดงไปหมดเลย พี่ว่าเธอรีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ” มิเชลรีบเข้าไปช่วยพยุงน้ำริน

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย”

น้ำรินยกมือไหว้ขอบคุณมิเชล หากไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้เข้าไปช่วยออกมาเธอคงต้องนอนอยู่กับศพผู้ชายคนนั้นไปอีกหลายคืน พอนึกถึงคุกนั่นน้ำตาที่แห้งเหือดไปก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง

“กลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ถ้าหนูหนีไป คุณป้าจะยกเลิกการช่วยเหลือบริษัทของคุณพ่อทั้งหมด ยังไงหนูก็จะทนอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่างน้อย ๆ ก็จนกว่าบริษัทจะหาทางออกได้”

“เอายังไงดีล่ะเนี่ย” มิเชลพึมพำพลางกดโทรศัพท์โทรออกหาใครบางคนที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้

“มิเชล เห็นนายมั้ย”

แต่ระหว่างนั้นแทนไทออกมาจากลิฟต์พอดี เขาตรงมาทางมิเชลด้วยสีหน้าแตกตื่น ลางสังหรณ์กำลังบอกว่ากำลังมีเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นแน่ ๆ

“ดินน่าจะอยู่ในห้องนอน ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องรีบขนาดนี้” มิเชลใช้มือช่วยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้แทนไท

“คุณวีร์มีอาการปวดหัวใจกะทันหัน ตอนนี้หมอต้องผ่าตัดด่วนแต่คุณวีร์ไม่ยอม”

“ทำไมจู่ ๆ กลายเป็นแบบนี้คะ”

“คุณแม่” น้ำรินก็ตกใจไม่แพ้กัน จนลืมเรื่องที่ถูกรังแกไปชั่วขณะ

แกร้ก!

“มึงว่าไงนะ” ปฐพีปรี่เข้ามาถามซ้ำ

“หัวใจคุณวีร์กำลังจะหยุดเต้น แต่ท่านไม่ยินยอมผ่าตัด”

“บ้าเอ๊ย!”

ปฐพีสบถอย่างหัวเสียรีบเดินทางมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ มารดาของเขามีกำหนดผ่าตัดในอีกสามวันข้างหน้า ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

“ว่าแล้ว นี่มันลางบอกเหตุชัด ๆ ถึงว่าสิทำไมคุณป้าถึงโทรมาฝากให้ฉันดูแลน้ำริน ที่แท้ท่าน...”

“ไม่เอาน่าเชลเรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ เพราะถ้าไม่ได้เจอคุณรินคุณวีร์ก็จะไม่ยอมผ่าตัด”

"รอก่อนนะคะ รินขอไปล้างคราบพวกนี้ออกก่อน"

“ตามกล้ามาทางนี้เลยครับ”

ต้นกล้าพาน้ำรินไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจากนั้นก็เดินทางไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป