บทที่ 5 4
ฉันมองสันคางคมๆ ของคลื่นเลยไปถึงลูกกระเดือกที่คอแล้วกลืนน้ำลายอึก ความร้อนพรั่งพรูออกมาจากด้านใน เหงื่อเริ่มชื้นตามตัว รู้สึกว่าเสื้อผ้าชิ้นน้อยที่สวมอยู่มันเกะกะจนอยากจะสะบัดทิ้ง แต่ฉันยังพอมีสติอยู่
ต่อให้รู้สึกรำคาญขนาดไหนก็ไม่บ้าพอจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้น
ฉันกำคอเสื้อตัวเองแน่น ลมหายใจอึดอัดขึ้นทุกขณะ ความร้อนไม่ทุเลามีแต่จะระอุขึ้นเรื่อยๆ
นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย
“ร้อนจังคลื่น ...นี่ทำอะไรสักอย่างสิ ฉันร้อน ไม่ไหวแล้วนายเป็นหมอไม่ใช่เหรอ”
“อยากให้ช่วย?” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตายังคงมองถนนเบื้องหน้าไม่ไหวติง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววยะเยือก
“อื้อ ไม่ไหวแล้ว”
ฉันพยายามควบคุมลมหายใจเข้าออก ความรู้สึกทุรนทุรายเหมือนตัวจะปริแตกทำให้โน้มตัวข้ามคอนโซลกลางไปคว้าไหล่แกร่งอย่างต้องการความช่วยเหลือ อะไรก็ได้ ช่วยทำให้ฉันหลุดพ้นจากความทรมานนี่สักที
“ใจเย็นก่อน อีกนิดเดียวก็จะถึงคอนโดแล้ว”
“คอนโด?” ฉันชะงัก เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกแต่ก็ลืมแทบจะทันที หน้าอกและสะโพกรู้สึกบิดเกร็งแปลกๆ ช่วงล่างอ่อนไหวมากเป็นพิเศษจนต้องถูขาไปมาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกหนักอึ้งที่สุมอยู่ด้านใน
“ถึงคอนโดแล้วจะดีเหรอ”
“ดีสิ รับรองเธอได้รู้สึกดีอย่างไม่เคยลองมาก่อนเลยล่ะ”
ชั่วเวลาไม่กี่สิบนาทีที่ต้องทนนั่งอัดอั้นอยู่ในรถฉันรู้สึกเหมือนตกนรก แต่ความรู้สึกทั้งหมดก็เบาลงเมื่อคลื่นขับรถเข้ามาจอดในอาคารจอดรถของคอนโด ฉันรีบเปิดประตูลงไปข้างล่างทันทีเพราะเข้าใจว่าที่ห้องหมอนั่นต้องมียาแก้อาการแปลกๆ นี่ ทันทีที่เหยียบลงบนพื้น ร่างฉันทรุดฮวบลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ระวัง!”
พริบตาที่ฉันกลั้นหายใจคิดว่าต้องเจ็บตัวแน่ๆ วงแขนแข็งแกร่งของคลื่นก็เอื้อมมารั้งเอวฉันเอาไว้ แรงฉุดทำให้ร่างที่อ่อนปวกเปียกของฉันเซไปกระแทกกับเขาอย่างจัง หน้าอกเบียดเข้ากับลำตัวแกร่ง ความรู้สึกวาบหวิวทำฉันเผลอครางเสียงแปลกๆ ออกมาจากลำคอ
“อ๊า~”
แก้มฉันร้อนจัด รีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่มองลงมาของคลื่นเลิ่กลั่ก
“ขะขอโทษ อื้อ...คลื่น!?”
ฉันผวาคว้าต้นคอเขาอย่างตกใจ คลื่นช้อนร่างฉันขึ้นอุ้มโดยไม่พูดไม่จามีเพียงสายตาดุดันที่มองลงมา แบบที่ทำให้ฉันไม่กล้าปริปาก อยู่นิ่งๆ ในวงแขนของเขาเหมือนลูกนกที่กำลังหนาวสั่น ไม่สิ สำหรับฉันต้องเรียกว่าร้อนจนสั่นไปทั้งตัวถึงจะถูก
“คลื่น...” ลมหายใจฉันติดขัด สมองเริ่มเบลอ สายตาพร่ามัวมองเห็นจุดขาวโพลนเต็มไปหมด ยิ่งโดนอากาศข้างนอกก็ยิ่งอบอ้าวเหงื่อผุดขึ้นตามรูขุมขนรู้สึกชื้นแฉะไปทั้งตัว
มันทั้งอึดอัดทั้งไม่สบาย กระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก
เขาวางฉันลงในลิฟต์ แต่เพราะขาที่อ่อนแรงทำให้ทรงตัวยังไม่ได้
ฉันทิ้งน้ำหนักตัวลงบนร่างสูง คลื่นเซถอยหลังไปพิงกับผนังลิฟต์ระหว่างเอื้อมมือไปกดปุ่ม
“ขอโทษ...”
ฉันเอ่ยอย่างรู้สึกผิด พยายามดันตัวออกห่าง แต่แรงสัมผัสที่เสียดสีของร่างกายมันชวนเคลิบเคลิ้มเสียจนไม่อยากถอยออกมา ระหว่างที่ฉันกำลังต่อสู้กับอารมณ์ชั่ววูบคลื่นกลับเชยคางฉันขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในตาฉันราวกับจะสะกดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดนิ่ง ระยะห่างลดลงเรื่อยๆ พร้อมกับแรงลมหายใจที่เป่ารดบนผิวหน้า
ริมฝีปากของเราทั้งคู่ประกบกันราวกับแม่เหล็กคนละขั้วที่ถูกดึงดูด สัมผัสที่แนบสนิทสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายฉันอย่างยากจะทานไหว หัวใจฉันเต้นแรง แตกตื่นกับจูบที่กะทันหันของคลื่น
คำถามมากมายไหลเข้ามาในหัว แต่จูบที่เร่าร้อนของคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันลืมเหตุผลทั้งหมดไป
ฉันซุกตัวเข้าหาร่างแกร่ง แอ่นหน้ารับสัมผัสที่ชวนหวามไหวของคลื่นด้วยความเสน่หา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแต่มันรู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้ถ้าต้องเบือนหน้าหนีริมฝีปากหวานฉ่ำของเขา
ติ้ง~
เสียงประตูลิฟต์เปิด ฉันรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่ถูกฝ่ามือหนาผลักไหล่ออกห่าง
“คลื่น...”
ฉันส่งสายตาเรียกร้องไปให้ ไม่สนว่าประตูลิฟต์จะเปิดหรือปิด แต่คนตรงหน้าดันส่งสายตาเซ็กซี่กลับมาทรมานฉันเล่น
“ตรงนี้ไม่ได้นะคนสวย”
“อ๊ะ”
ฉันรู้สึกร้อนที่แก้มไปจนถึงใบหู คำพูดหวานหูของคลื่นทำฉันอ่อนระทวยไปทั้งตัวและหัวใจ
