บทที่ 9 หิว

“บอกพ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก เดี๋ยวพี่ตากผ้าเสร็จนี่ก็เข้าบ้านแล้ว เอออิน กลับกันวันมะรืนใช่มั้ย”

“จ้าพี่ อยู่บ้านคนเดียวห้ามแอบพาหนุ่มเข้าบ้านนะ”

“บ้า หนุ่มอะไรมีที่ไหนกัน แค่นี้ก่อนนะอิน พี่ตากผ้าก่อนซักไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า”

เสียงในโทรศัพท์หัวเราะคิกคัก ปฏิพัทธ์เห็นสาวน้อยทำหน้ายู่ใส่หน้าจอก่อนเธอจะหัวเราะแล้วเก็บโทรศัพท์สอดใส่กระเป๋ากางเกงยีนขาสั้น

เขาไม่ทันสังเกตว่ามีประตูเล็กด้านหลังเพราะสองห้องแรกทำกันสาดยื่นออกมา วางข้าวของระเกะระกะบนพื้นที่ว่างประมาณด้วยสายตาแล้วกว้างราวเมตรเศษ เหลือช่องแค่พอเดินผ่านไปยังหลังห้องอื่นๆ เล็กน้อย ห้องของเธอเป็นห้องที่สาม จากที่ได้ยินทำให้เขารู้ว่าคืนนี้สาวน้อยอยู่ห้องคนเดียว

ปฏิพัทธ์ส่งบุหรี่เข้าปากขณะมองร่างอรชรบอบบางก้มๆ เงยๆ หยิบผ้ามาสะบัด ใส่ไม้แขวน เขาสนใจเธอ นั่นคือสิ่งที่รับรู้

ร่างสูงก้าวเนิบช้า ฝีเท้ามั่นคงตรงไปยังสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราน่ารักสมวัย หุ่นดีพอใช้ ผิวพรรณนุ่มเนียน หากท่าทางไม่ประสีประสาที่เธอแสดงออกมาตอนเขากอด รวมถึงท่าทางอยากกระโจนหนีเขาตลอดเวลา ทั้งหมดทั้งมวลนั่นที่ทำให้เขาสนใจ

กลิ่นบุหรี่ลอยมาปะทะจมูกทำให้อรนลินมองหาในตอนที่เกี่ยวเสื้อตัวสุดท้ายบนราวตากผ้า เสื้อผ้าพวกนี้เธอใส่เครื่องปั่นเสร็จตั้งแต่ก่อนไปทำงาน แล้วต้องนิ่งขึงอีกครั้ง เมื่อมองเห็นหน้าคมดุและสบสายตาเย็นชาที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวผู้ชายคนนี้ เธอนิ่วหน้า

เขาเดินตามเธอมาหรือไงนะ

“ทะ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”

“หิว ทำอะไรให้กินหน่อย” เขาทิ้งบุหรี่ลงพื้นก่อนจะเหยียบด้วยเท้า

แค่ฟังเธอก็งงจัดแล้ว ร่างสูงสง่ายังถือวิสาสะก้าวขึ้นไปในบ้านของเธออีกด้วย

“เดี๋ยวๆ คุณ”

อรนลินไม่กล้าเสียงดัง กลัวว่าจะเรียกความสนใจจากห้องข้างๆ เธออยู่ที่นี่มาหลายปี ลุงป้าน้าอาละแวกนี้รู้จักกันเป็นอย่างดี ขืนพวกเขามาเจอว่ามีผู้ชายมาห้อง คงไม่แคล้วเอาไปพูดให้พ่อกับแม่เธอฟังแน่ๆ

ห้องเช่าของเธอไม่กว้างมาก ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดนี้แบ่งเป็นสี่ส่วน สองส่วนแรกด้านหน้าตรงประตูทางเข้า มีห้องนอนหนึ่งห้องและพื้นที่ว่างนั่งเล่นดูทีวี ถัดเข้ามาเป็นห้องนอนเล็กห้อง ติดกับห้องครัวและห้องน้ำ โดยมีประตูเล็กอยู่ตรงโซนที่ทำครัว เธอพบเจ้าใหญ่นายตัวโตของเธอนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาไม้ตัวเดียวที่มีห้องซึ่งไว้สำหรับนั่งเล่น แม้จะยังเกร็งๆ กลัวๆ ทำตัวไม่ค่อยถูกที่เขามาป้วนเปี้ยนกับพนักงานตัวเล็กๆ อย่างเธอ อรนลินไม่รู้จะไล่ยังไงดี

พอเธอเข้าไปยืนตรงข้างทีวี เขาเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม

“คือ บ้านฉันไม่มีอาหารดีๆ ให้คุณกินหรอกค่ะ ฉันว่าคุณกลับไปกินที่ร้านของคุณดีกว่า”

อีกอย่างคือ เธออยู่คนเดียวด้วย ผู้หญิงผู้ชายอยู่ในห้องกันตามลำพังไม่ดีแน่ แล้วเขาเดินตามเธอมามีจุดประสงค์อะไรไม่รู้ เธอหวาดๆ หวั่นๆ บอกไม่ถูก

“ไข่มีมั้ย ไข่เจียวก็ได้ ฉันกินง่าย”

เธอนิ่วหน้า มึนงงและสับสน

“มาม่าล่ะ ต้มมาม่าก็ได้ ถ้าไข่ไม่มี”

เสียงราบเรียบกับสีหน้าเฉยชานั้นทำให้เธอพูดไม่ออก ได้แต่มองอย่างระแวดระวังมากกว่าเดิมขณะตัดสินใจว่า เจียวไข่ให้เขาสักฟอง กินอิ่มแล้วเขาคงกลับไป

ปฏิพัทธ์ชำเลืองมองเมื่อร่างเล็กหมุนกลับไปหาตู้เย็นและหยิบไข่ไก่ออกมา ภายในห้องเช่านี้สภาพไม่ต่างจากที่เขาวาดภาพไว้นัก นั่นช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น ทำไมเด็กสาวแบบเธอเลือกไปทำงานที่นั่นแทนที่จะอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย

ถ้าเลือกได้ ใครบ้างไม่อยากมีชีวิตดีๆ เพียงแต่สภาพแวดล้อมมันบังคับให้ทางเลือกเหลือน้อยลง งานมีให้เลือกแต่ไม่ใช่ทุกงานจะมีค่าตอบแทนสูง สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รายได้รายวันตามค่าแรงขั้นต่ำแทบชักหน้าไม่ถึงหลังกับคนที่มีภาระหน้าที่หลายอย่าง

“มีต้นหอมไหม เจียวไข่ใส่ต้นหอม ฉันอยากกิน”

เขาเอ่ยออกไปพร้อมกับหยิบหนังสือสองสามเล่มที่วางอยู่มุมเก้าอี้แต่ตามองเธอ พบว่าร่างที่กำลังง่วนกับการตีไข่สะดุ้งน้อยๆ เห็นแล้วมุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้ม กลัวเธอจะเครียดจัดที่มีเขาอยู่ด้วยจึงดึงสายตากลับมามองหนังสือในมือโดยมีเสียงภาพยนตร์ในทีวีช่องหนึ่งที่เธอเปิดทิ้งไว้

หน้าปกหนังสือเป็นชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เปิดให้เรียนทางไปรษณีย์ด้วย เล่มอื่นๆ มีลักษณะเดียวกันเพียงแต่คนละวิชา เขาปรายตาไปมองร่างบาง วางหนังสือไว้ที่เดิม

ไม่นานกลิ่นไข่เจียวหอมฉุยยั่วน้ำย่อยลอยมาเตะจมูก ไม่กี่นาทีจากนั้นคนตัวบางก็ถือจานข้าวไข่เขียวมายื่นส่งให้ มันเป็นไข่เจียวใส่ต้นหอมแบบที่เขาบอกไป

“ของเธอล่ะ”

เขาได้ยินเสียงเธอเทไข่ลงกระทะสองรอบ แต่กลับถือจานมาใบเดียว

“คือ ฉันจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยกิน”

“งั้นไปอาบสิ” เขาวางจานไว้บนพื้นไม้โซฟาข้างตัว “ฉันรอกินพร้อมเธอ กินคนเดียวไม่อร่อย”

“แต่กินร้อนๆ อร่อยกว่านะคะ”

“ไม่เป็นไร”

สาวน้อยนิ่วหน้า มีทีท่าขัดใจเล็กๆ ครู่เดียวก็หมุนกลับเข้าครัวและเดินออกมาพร้อมจานข้าวโปะไข่เจียว อีกมือถือขวดซอสพริกมาด้วย เธอเหลือบมองเขาเหมือนจะค้อน วางขวดลงบนพื้นกระเบื้องตรงหน้าเขา ส่วนตัวเธอนั่งบนพื้นเยื้องห่างออกไป ตักข้าวไข่เจียวใส่ปากไม่พูดไม่จา

ปฏิพัทธ์เลิกคิ้วนิดๆ หยิบจานของตนเองขึ้นมาตักกินบ้างโดยไม่ได้ใส่ซอสพริกเพิ่ม มีแต่คนตัวเล็กที่หยิบไปเทราดบนไข่เจียวหลายครั้ง ดูจะชอบมากเป็นพิเศษ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป