บทที่ 7 บทที่ 3 แรกพบ 100%

“จีซูหาคนไปทวงหนี้แก้วกัลยาด้วยเข้าใจไหม?”

“เอ๋ ทะ ทวงหนี้?” บอดี้การ์ดหนุ่มเอียงศีรษะเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่งแปลกๆ ของเจ้านาย นี่ผู้ชายอย่างคิมคยองซูต้องลงทุนทำเรื่อง ‘ชั่วช้า’ ขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆ ที่ปกติทำตัวเหย่อหยิ่งผู้หญิงที่เลือกควงแต่ละคนคัดแล้วคัดอีก เลือกแล้วเลือกอีก จนพอใจ ขนาดเลือกอย่างดียังควงไม่เกินอาทิตย์แล้วเตะทิ้ง แต่ผู้หญิงตัวเล็กที่เจ้านายอุ้มขึ้นมาบนห้องด้วยตัวเองแถมพาไปนอนในเขตหวงห้ามคนนั้นไม่มีอะไรตรงสเปกเลย และที่สำคัญเธอยังเป็นสตรีที่มีเจ้าของแล้ว

“แกได้ยินที่ฉันสั่งไหมชเวจีซู”

“อะ เอ่อ ครับ ได้ยินครับ”

“ได้ยินก็ไปจัดการตามที่สั่งสิวะ”จีซูถอนหายใจก่อนจะโค้งลาแล้วเดินออกไป

คยองซูคุยงานกับซึงโฮสิบนาทีก่อนจะสั่งงานชิ้นสุดท้ายให้ลูกน้องไปทำเพื่อไล่ก้างขวางคอออกไปให้หมด เวลาที่ชายหนุ่มรอคอยก็มาถึง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยุดยืนที่ข้างเตียงมองร่างเล็กไร้สติอย่างมีเลศนัย แววตาวาววับยามนั่งลงที่ข้างเตียง มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยไรผมที่ปรกละใบหน้าหวานออกเบาๆ หัวใจน้ำแข็งเต้นรัวแรงจนต้องชักมือกลับมาแตะที่อกข้างซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ เป็นอะไรไปนะ…

“หลับสบายเลยนะยัยตัวดี” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปอ่อนโยนจนคนพูดเองยังแทบจะไม่เชื่อตัวเอง ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับ ‘หัวใจ’ และร่างกายของเขามากจนน่าตกใจ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วยกขาสอดเข้าไปเอนตัวลงนอนแล้วรั้งร่างเล็กเข้ามากกกอดเอาไว้แน่นพร้อมหลับตาลงตามคนในอ้อมแขนไป

แก้วกัลยากระพริบตาถี่ๆ เมื่อแสงไฟจากภายนอกห้องสาดมากระทบดวงตาของเธอ หญิงสาวสะลืมสะลือตื่นมาก่อนจะพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งแต่ร่างกายกลับรู้สึกถึงอะไรหนักๆ ที่กำลังพาดอยู่ช่วงเอว คิ้วสวยขมวดหม่นเพราะอาการตื่นนอนก่อนจะเลิกผ้าห่มที่คลุมกายขึ้นเพื่อหาความผิดปกติ

พึ่บ!

“คุณ!” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่พาดอยู่บนเอวของเธอ แก้วกัลยามองตามท่อนแขนเพื่อตามหาเจ้าของของมันและยิ่งตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อพบว่าแขนที่ว่ามันเป็นของใคร หญิงสาวสะบัดแขนคนข้างกายออกจากตัวสุดแรงก่อนจะลนลานลงจากเตียงด้วยความตกใจระคนเขินอาย ความงัวเงียจากอาการของคนเพิ่งตื่นนอนหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของแขนชัดเจน!

“อือ ตื่นแล้วเหรอ ตัวนุ่มเธอดีนะ หอมด้วย นอนกอดแล้วหลับสบายดี”คำพูดของคนเพิ่งตื่นนอนทำให้แก้วกัลยาต้องกัดริมฝีปากตัวเองแรงๆ ใบหน้าหวานแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายที่นอนให้เขากอดได้ครึ่งค่อนวัน ที่สำคัญเธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนที่หลับถูกเขาฉวยโอกาสอะไรกับร่างกายไปบ้าง ภาพเหตุการณ์เมื่อกลางวันกลับมาให้หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวหวาดกลัวสิ่งที่อาจเกิดขึ้น มือเรียวยกขึ้นกอดแขนตัวเองหวาดๆ สายตาทอดมองคนเพิ่งตื่นที่หน้าตายไร้ความรู้สึกใดๆ เขม็ง

“อะไร?” คยองซูขมวดคิ้วแกล้งถามหลังจากเห็นอาการหวงตัวเองแบบไร้เหตุผลของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มหาวสองสามทีก่อนจะลุกเดินลงจากเตียง แก้วกัลยามองไปที่ประตูห้องก่อนจะหมุนตัวหมายจะวิ่งหนีให้พ้นจากคนหน้าไม่อายตรงหน้า

หมับ

“จะไปไหน?” คยองซูยิ้มมุมปากพร้อมใช้แขนรวบตัวคนอวดเก่งที่แค่มองตาก็รู้ว่าคิดแผนอะไรเอาไว้แน่น แผ่นหลังบางถูไถไปมาตามแรงดิ้นรนของคนตัวเล็ก กลิ่นหอมละมุนจากกายสาวปั่นป่วนความรู้สึกของเขา ชายหนุ่มคลายกอดออกเล็กน้อยแล้วเกยคางบนไหล่เล็กเพื่อกระซิบถาม “ฉันถามว่าเธอจะไปไหน?”

“ปล่อยนะ!”  แก้วกัลยาย่นจมูกออกแรงสะบัดตัวไปมาเมื่อเขาเพิ่มแรงกอดรัดจากด้านหลังมากขึ้น ร่างกายที่ใกล้ชิดสร้างความรู้สึกปั่นป่วนให้หัวใจของเธอราวพายุ หญิงสาวละอายใจที่ปล่อยให้คนแปลกหน้าที่พบพานกันครึ่งวันเข้าใกล้และทำอะไรกับร่างกายของเธอตามใจชอบแบบนี้

“ไม่ปล่อย”

“ฉันบอกว่าให้ปล่อย!”

“ทำไมต้องปล่อย!” คยองซูตอบเสียงเรียบพร้อมซุกหน้าลงไปที่ซอกคอขาว สูดดมความหอมจากกายสาวอย่างแนบชิด ริมฝีปากหนากดจูบลงไปตามลำคอเบาๆ ราวกับต้องการตีตราจองร่างกายในอ้อมกอดเอาไว้

“ไอ้บ้า!” แก้วกัลยาสบถเสียงรอดไรฟัน เมื่อไม่สามารถขัดขืนได้อย่างต้องการ เรี่ยวแรงของเธอช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับผู้ชายตัวโตอย่างเขา ร่างกายที่แนบชิดเกินไปสร้างความรู้สึกบางอย่างขึ้นในหัวใจ ทั้งโกรธทั้งอายที่ไม่สามารถต่อต้านเขาได้อย่างที่ใจต้องการ

“หึ ฉันจะรอฟังคำตอบ…ที่น่าพอใจก่อนกลับเกาหลีในเย็นวันพรุ่งนี้นะ” คยองซูกระซิบเสียงพร่าพร้อมกดจูบหนักๆ ที่ข้างแก้ม ก่อนจะคลายกอดออกจากร่างเล็กเพื่อให้เธอได้หายใจสะดวก แม้จะรู้ดีว่าการฉวยโอกาสกับร่างกายของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอกันมันค่อนข้างจะมากเกินไปแต่เขาเลิกสนใจและไม่คิดจะสนอะไรทั้งนั้นนอกพอใจที่ได้ทำและพอใจที่เธอเผลอใจตอบรับสัมผัสของเขาแบบไม่รู้ตัว

“คนบ้า!” แก้วกัลยากัดริมฝีปากตัวเองแรงๆ ก่อนจะวิ่งพรวดออกไปจากห้องนอนทันที หัวใจเต้นแรงและว้าวุ่นไปกับสัมผัสของเขาจนควบคุมไม่ไหว

คยองซูยกยิ้มมุมปากแล้วเดินตามออกไปเงียบๆ เธอจะหนีเขาไปไหนได้ ห้องก็ห้องของเขาแถมยังมีคนของเขาอยู่เต็มโรงแรม

“คนบ้า คนโรคจิต” ในขณะที่ออกตัววิ่งไม่มองทางปากเล็กก็บ่นพึมพำก่นด่าคนบ้าที่เดินตามหลังมาไปหลายยก ทั้งโกรธทั้งอายทั้งเกลียดเพราะหัวใจไม่รักดีมันกำลังเต้นรัวไปกับการกระทำของเขา…ทั้งๆ ที่ต้องรังเกียจแต่ข้างในกลับตอบรับเขา

ผลัก!

แก้วกัลยาทะเล่อทะล่าออกมาจนร่างของใครอีกคนจนร่างเล็กกระเด็นลงไปนั่งที่พื้นส่วนคนถูกชนย่นคิ้วแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “เป็นอะไรมากไหมครับ?”หญิงสาวชะงักก่อนจะหันไปมองร่างสูงเพียวที่กำลังค้อมตัวพร้อมยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือแต่หัวใจที่กำลังทำงานผิดปกติสั่งให้เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

“มาก็ดีแล้ว” เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงความไม่พอใจทำให้ซึงโฮต้องพับเก็บความหวังดีของตัวเองเข้ากระเป๋าแล้วชักมือกลับพร้อมเดินเลี่ยงสุภาพสตรีที่ยังนั่งอยู่บนพื้นออกมา เลขาหนุ่มโค้งแสดงความเคารพเจ้านายเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่คม

คยองซูปรายตาคาดโทษลูกน้องแบบไม่มีเหตุผล ก่อนจะหันไปสนใจคนตัวเล็กที่พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วหันรีหันขวางอยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อรั้งร่างบอบบางน่ากอดมาไว้ในอ้อมอก

“พาแก้วกัลยาไปส่งบ้านให้เรียบร้อย” พูดเสียงกระซิบริมใบหูร่างเล็กโดยไม่สนใจสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของลูกน้อง

“ครับผม”

“ส่วนเธอ…อย่าลืมที่ฉันบอก ฉันจะรอฟังคำตอบที่น่าพอใจ” แก้วกัลยาหดคอหนีพร้อมเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของคนบ้าหน้าไม่อายที่บังอาจเข้าใกล้จนทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ หญิงหลบสายตาสื่อความหมายของเขา ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินตรงไปที่ประตูห้องโดยไม่ตอบอะไร

คยองซูยิ้มมุมปากแล้วเสยผมขึ้นก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอน

แก้วกัลยานั่งนิ่งราวตุ๊กตาไร้ชีวิตอยู่บนรถ เธอทำเพียงถอนหายใจออกมาราวกับแบกโลกเอาไว้ทั้งใบส่งผลให้บรรยากาศภายในรถอึดอัดจนเหมือนร่างกายกำลังขาดอากาศหายใจ กว่า 15 นาทีเต็มที่แก้วกัลยาต้องอดทนกับความอึดอัดที่คับแน่นอยู่ภายในรถ เธอรู้สึกว่าบ้านอยู่ไกลกว่าปกติและเวลาก็ยาวนานนับร้อยปี ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวไม่รีรอหรือแม้กระทั่งกล่าวลา ร่างเล็กคว้ากระเป๋าที่เขาส่งคืนแล้วพรวดพลาดลงจาดรถทันที

หากช้ากว่านี้เธอคงขาดอากาศตายไม่ก็กลั้นใจตายเสียเอง...

แก้วกัลยาถอนหายใจอยู่หน้าบ้านครู่ใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินไปที่ประตูด้วยใจหัวว้าวุ่นและสับสน

เธอจะทำอย่างไรต่อไปดี

บทก่อนหน้า
บทถัดไป