บทที่ 4

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ถือสาเขาหรอกค่ะคุณหญิง” เธอตอบ.

มิล่ายิ้มจนปากแทบจะฉีกถูกหู ท่าทางพอใจมาก

เพียงเท่านี้ ญาสุมินทร์ก็ได้รับความเอ็นดูจากมิลาอย่างง่ายดาย มิลาส่งเธอกลับบ้านในวันนั้น

ก่อนที่ญาสุมินทร์จะก้าวเข้าไปในบ้าน ครอบครัวของเธอก็รู้ข่าวกันแล้ว

“ญาสุมินทร์ เธอนี่โชคดีนะ” ดารณีพูดเสียงดัง "ครอบครัวศรีอมรรัตนเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองภูเก็ต! ในอนาคตหากได้ดีแล้วก็อย่าลืมพวกเราล่ะ นี่เป็นโอกาสดีที่ลินดามอบให้เธอนะ!"

ญาสุมินทร์ยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบกลับ

ได้ดีงั้นเหรอ?

ลินดาให้โอกาสนี้กับฉันงั้นเหรอ?

พวกเขาช่างไร้ยางอายสิ้นดี ญาสุมินทร์คิดในใจ

ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ต้องการโต้เถียงกับพวกเขา วันหนึ่ง เธอจะเหยียบย่ำคนที่เคยเหยียบย่ำเธอ!

ญาสุมินทร์ตั้งใจแน่วแน่ ว่าอีกไม่นานเธอต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเธอให้ได้

ณ โรงแรมเอ็มเพอเรอร์ ในงานเลี้ยงวิวาห์ของเศรษฐเสถียรกับญาสุมินทร์...

“นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่เจ็ดของเขา ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในตระกูลศรีอมรรัตนได้นานแค่ไหน”

“แถมยังหน้าตาสะสวยอีกด้วย น่าสงสาร”

“ผู้หญิงพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเห็นแกเงิน มีอะไรให้น่าสงสารกัน”

ญาสุมินทร์สงบเงียบท่ามกลางบทสนทนาที่ไม่ค่อยจะเบาสักเท่าไหร่ของบรรดาแขกเหรื่อในงานแต่งงาน

เธอนั่งลงตรงบริเวณสำหรับพักผ่อนพร้อมกับชื่นชมไวน์แดงในมือ

ทันใดนั้น หญิงสาวแรกรุ่นคนหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เธอดูใสซื่อบริสุทธิ์และไร้เดียงสามาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเธอ ดวงตากลมโตของเธอกระจ่างสดใส

“สวัสดีค่ะ พี่สะใภ้ที่รัก ทิพย์มณี น้องสาวของพี่เศรษฐเสถียรค่ะ” ทิพย์มณียื่นมือไปหาญาสุมินทร์ “ทิพย์รีบกลับทันทีที่ทราบข่าว แต่ก็ยังช้าไปหน่อย”

ญาสุมินทร์ จับมือทิพย์มณีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ต้องขอโทษด้วยนะคะ พวกเราดำเนินงานกันเร็วไปหน่อย"

เพียงแค่แวบแรก ญาสุมินทร์ก็ชอบหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาแต่ตรงไปตรงมาคนนี้มาก

“ทิพย์มณี พี่ชายของคุณแต่งงานนานที่สุดแค่ไหน?” ญาสุมินทร์กระซิบถามทิพย์มณีด้วยความสงสัย

“อืม... สองเดือน? สามเดือน?” ทิพย์มณีเอียงศีรษะพยายามนึกคำตอบ

“คุณควรถามคนที่เกี่ยวข้องนะ” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นด้านหลังพวกเธอ หญิงสาวทั้งสองรู้สึกเย็นยะเยือกในกระดูกสันหลัง

“คุณเศรษฐเสถียร—” ญาสุมินทร์ยังคงสงบนิ่ง

“พี่ชาย พี่ตั้งใจจะทำให้น้องตกใจตายใช่ไหม” ทิพย์มณีหรี่ตามองเขาอย่างไม่พอใจ

"นินทาคนอื่นลับหลังมันไม่ดีนะ" เศรษฐเสถียรดึงทิพย์มณีออกมาพร้อมเหน็บแนมญาสุมินทร์ "ครั้งที่นานที่สุดคือสามเดือน เพราะฉะนั้น จงใช้ช่วงเวลาที่คุณร่ำรวยและมีอำนาจให้คุ้มค่า เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่สั้น" เศรษฐเสถียรกล่าว

ญาสุมินทร์ พยักหน้าแล้วก็ส่ายหัวให้เขา “ฉันบอกคุณแล้ว ฉันจะเป็นภรรยาคนสุดท้ายของคุณ”

“อวดดี!” เศรษฐเสถียรเย้ยหยันในความโอหังของญาสุมินทร์

อีกด้านหนึ่ง ทิพย์มณีปรบมืออย่างตื่นเต้นและร้องเสียงแหลม "ญาสุมินทร์ ฉันชื่นชมเธอ! โชคดีนะ!"

เศรษฐเสถียรเหลือบมองทิพย์มณีแล้วไล่เธอออกไป “ไปได้แล้ว นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ”

จากนั้น อยู่ดีๆ เขาก็คว้าข้อมือญาสุมินทร์ และลากเธอออกจากห้องเต้นรำ

“คุณเศรษฐเสถียร คุณคิดจะทำอะไร” ญาสุมินทร์ตกใจมองเศรษฐเสถียรราวกับว่าเขาเป็นโจร

“กลับบ้านกันเถอะ” เศรษฐเสถียรตอบห้วนๆ

“แต่งานเลี้ยงยังไม่เลิกเลยนะคะ แขกก็ยังอยู่ที่นั่น เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจะออกจากงานเลี้ยงก่อนงานจะเลิกได้ยังไง” เธอพูดตะกุกตะกัก

“ผมไม่มีอารมณ์จะอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าคุณอยากอยู่ที่นี่ให้เป็นที่น่าสมเพช ก็อยู่ไป”

นี่เศรษฐเสถียรพยายามปกป้องความรู้สึกของเธองั้นเหรอ ญาสุมินทร์ ถูกทิ้งให้งุนงง

เขาไม่เหมือนใครจริงๆ

ญาสุมินทร์พูดไม่ออก ไม่ได้โต้ตอบแต่อย่างใด เธอทำได้เพียงตามเศรษฐเสถียรเข้าไปในรถทั้งสองกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลศรีอมรรัตน

เศรษฐเสถียรไม่ได้พูดอะไรกับเธอสักคำตลอดทางกลับบ้าน

ญาสุมินทร์ก็เงียบมาตลอดทางเช่นกัน

ขณะที่เธอเปิดประตูห้องหอห้องใหม่เข้าไป เธอก็ต้องถอนหายใจทันที ญาสุมินทร์ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

เธอวาดฝันไว้ว่าหากพวกเขาเป็น "คู่แต่งงาน" ห้องจะเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ แสงไฟอันอบอุ่น หรือเป็นผ้าปูที่นอนสีชมพูเหมือนคู่บ่าวสาวทั่วไป แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงขาวดำ ไม่มีบรรยากาศอบอุ่นหรือโรแมนติกใดๆทั้งสิ้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป