บทที่ 10 10
“ก็น้ำอยู่ตรงนั้น” ข้าวปั้นอยากจะกรี๊ดให้ประสาทหูของผู้ชายตรงหน้าดับไปนัก ไม่รู้ว่าแต่ละวันไม่มีใครให้เขาแกล้งหรืออย่างไร ถึงได้มาแกล้งที่เธอเพิ่งรู้จักกัน แล้วยังกวนประสาทเป็นที่หนึ่ง
“อื้อ แล้ว?” วิลเลียมยังถามต่อพร้อมยกมุมปากขึ้นอย่างชอบใจที่เห็นท่าทางของสาวน้อยคนสวยตรงหน้า ข้าวปั้นอ้าปากค้าง ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาต่อว่าในความหน้าทนของวิลเลียม
“ฉันว่าคุณรีบดื่มแล้วรีบกลับเถอะค่ะ ตอนนี้มันมืดแล้ว และอีกอย่างชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองมันไม่งาม คนไทยเขาถือ” ข้าวปั้นสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้งก่อนจะพูดไล่ตรง ๆ
“เป็นห่วงผม?” วิลเลียมชอบไล่คนอื่นมากกว่าถูกไล่ แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดส่งเสียงหนวกหูเขาจะไม่ยอมทน แต่กับเธอคนนี้เขากลับชอบใจที่ได้ต่อปากต่อคำด้วย กิริยาที่เจ้าหล่อนแสดงออกมานั้นสะกดสายตาของเขาได้อยู่หมัด
“ไม่ได้เป็นห่วง แค่ไม่อยากให้ตำรวจเรียกไปสอบปากคำ”
“พอดีผมขี้เกียจขับรถกลับ” วิลเลียมล้มตัวลงนอนเหยียดขายาวล้ำโซฟาตัวใหญ่ หลับตานิ่ง ไม่อยากสนทนาใด ๆ อีกต่อไป
“แล้วทำไมคุณไม่ให้ลูกน้องของคุณมารับ” ข้าวปั้นเดินเข้าไปใกล้วิลเลียม เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะนอนที่นี่จริง ๆ ถึงแม้ว่ามันจะเกือบสี่ทุ่มแล้วก็ตาม
"พวกมันคงนอนไปหลายตลบ เวลาผมง่วงแล้วยังโดนขัดมันทำให้หงุดหงิดแล้วรู้ไหมผมระบายมันยังไง” วิลเลียมลืมตาขึ้นมองข้าวปั้นที่ยืนอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือถึงและเร็วเท่าความคิด มือใหญ่เอื้อมไปดึงร่างบางให้ล้มลงนอนทับบนตัวเขา
“ยังไง ว้าย!” ข้าวปั้นร้องเสียงหลงเมื่อถูกอีกฝ่ายดึงข้อมือจนล้มทับบนกายหนาและแข็งแรง ลำแขนใหญ่ทั้งสองตวัดเข้ากอดรัดร่างเธอไว้แน่น
“ทำรักแบบโต้รุ่งยันเช้า” เสียงทุ้มกระซิบตอบคำถามข้างใบหูเล็กขาวสะอาดแล้วเม้มมันด้วยริมฝีปากร้อนของตัวเอง
ข้าวปั้นตัวแข็งทื่อ ไม่กล้ากระดิกตัวไปไหน น้ำเสียงทุ้มและสัมผัสจากริมฝีปากร้อนมันทำให้เธอขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง ลมหายใจร้อนเป่ารดหูของเธอจนรู้สึกได้
วิลเลียมกระชับอ้อมกอดไว้แน่นขึ้นก่อนที่จะห้ามตัวเองไม่อยู่ พลางข่มอารมณ์รักที่ปะทุขึ้นจนน่าตกใจ
“ปล่อยได้แล้ว มันอึดอัด” ข้าวปั้นพูดขึ้นเบา ๆ เพราะขืนอยู่ในท่านี้นาน ๆ เธอไม่อยากจะคิดเลย
“อยากอาบน้ำ” วิลเลียมพูดขึ้น ยังกอดร่างนุ่มไว้ไม่ยอมปล่อย
“คุณจะนอนที่นี่จริงหรือ” ข้าวปั้นเงยหน้าขึ้นถามวิลเลียมเพื่อความมั่นใจ
“ถ้ายังถามไม่เลิกผมจะเปลี่ยนให้เป็นเสียงคราง เลือกเอาว่าจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยน หรืออยากอาบน้ำด้วยกัน เนื้อแนบเนื้อ” วิลเลียมดันร่าง
ข้าวปั้นให้ลุกขึ้นพลางจ้องมองคนช่างถามอย่างเอาเรื่อง
“รอสักครู่ค่ะ” ข้าวปั้นรีบวิ่งขึ้นไปเปิดห้องของพ่อเธอเพื่อเอาชุดนอนมาให้เขาเปลี่ยน สรุปกับตัวเองได้ว่าอย่าถามมาก เพราะคนที่จะเสียเปรียบคือเธอ
ใช้เวลาเพียงครู่เดียว เมื่อข้าวปั้นลงมาอีกทีก็ไม่เห็นวิลเลียมนั่งอยู่ด้านล่างแล้ว
“อ้าว หายไปไหน หรือว่ากลับไปแล้ว” ข้าวปั้นมองรอบห้องรับแขกก็ไม่เห็นจึงวางเสื้อบนโต๊ะแล้วเดินออกไปล็อกประตูบ้าน เพราะตอนที่วิลเลียมขับรถเข้ามาจอดเธอแค่ปิดเอาไว้เฉย ๆ
“จะไปไหน” เสียงทุ้มดังขึ้น จังหวะเดียวกับร่างใหญ่ที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเดินเข้ามาด้านในบ้าน
“ก็จะไป...”
“ผมบอกว่านอนที่นี่ ก็ตามนั้น” วิลเลียมเดินเข้ามาใกล้ข้าวปั้นก่อนจะเดินเลยไปหยิบเสื้อผ้าที่วางบนโต๊ะ
“ถ้าคุณนอนที่นี่ก็ต้องนอนตรงนั้น” ข้าวปั้นหันกลับมาพูดอย่างเป็นต่อ นิ้วเรียวชี้ไปยังโซฟาตัวย่อมเป็นการบอกว่าตรงนั้นคือที่นอนของเขา แล้วพูดต่อ “ส่วนห้องน้ำในห้องครัวมีฝักบัวใช้อาบน้ำได้ ฝันดีนะคะ” บอกแล้วก็เตรียมเดินขึ้นด้านบน แต่เสียงทุ้มดังขึ้นก่อน
“ไม่มีแชมพู ครีมอาบน้ำ และผ้าเช็ดตัว”
ข้าวปั้นหันมองวิลเลียมแวบหนึ่งก่อนจะวิ่งขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง เพราะเธอจำได้ว่าในห้องเธอมีแชมพูและครีมอาบน้ำขนาดทดลองที่มักจะได้ฟรีตอนไปเที่ยวห้างกับนลิน
ข้าวปั้นเปิดประตูห้องเดินเข้ามาค้นตู้เสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเตรียมของ
ให้วิลเลียม ทว่าคนที่คิดว่ารออยู่ด้านล่างกลับปิดไฟห้องรับแขกแล้วเดินตามขึ้นมาด้านบนแทน
“คุณขึ้นมาบนนี้ทำไม” ข้าวปั้นยืนนิ่งงันเมื่อเห็นวิลเลียมเดินเข้ามาในห้องแล้วใช้ส้นเท้าปิดประตู
“อาบน้ำ ห้องคุณหวานกว่าที่ผมคิด” วิลเลียมเดินไปหยุดที่ชั้นวางหนังสือซึ่งมีหนังสือนิยายรักที่นลินชอบเอามาทิ้งไว้บ้านเธอ รวมถึงนิตยสารเล่มล่าสุดที่มีข่าวของวิลเลียมอยู่ในนั้นด้วย มือใหญ่หยิบขึ้นมาดูเพราะเห็นมันเปิดหน้าที่เขาให้สัมภาษณ์อยู่ก่อนจะถูกข้าวปั้นแย่งไป
“คุณจะอาบน้ำไม่ใช่หรือ รีบเข้าไปอาบสิคะ ฉันจะได้อาบต่อ” ข้าวปั้นดันหลังวิลเลียมให้ก้าวเดินไปยังห้องน้ำพร้อมส่งผ้าขนหนูกับของใช้ที่เขาถามหาให้ แล้วรีบปิดประตูห้องน้ำทันที
“เกือบไปแล้วเชียว” ข้าวปั้นรีบเอานิตยสารเล่มนั้นไปวางไว้บนหลังชั้นวางหนังสือก่อนที่เขาจะหยิบมาอ่านและแกล้งเธออีก
