บทที่ 11 11
วิลเลียมใช้เวลาอาบน้ำเกือบยี่สิบนาทีก็เดินออกมาพร้อมกลิ่นสบู่หอม ร่างใหญ่สวมชุดนอนสีน้ำตาลเข้มยกผ้าขนหนูผืนเล็กที่คงหยิบจากในห้องน้ำขึ้นซับผมตัวเอง นัยน์ตาเข้มจ้องมองข้าวปั้นที่นั่งหันหลังทำงานอยู่
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ผมไม่ชอบนอนกับคนไม่อาบน้ำ”
ข้าวปั้นที่กำลังแก้งานที่ยังค้างอีกนิดหน่อยสะดุ้งก่อนจะหันมองวิลเลียมที่ยืนซับผมอยู่ด้านหลัง
“คุณไปนอนก่อนเลย ฉันยังแก้งานไม่เสร็จ” ข้าวปั้นหันกลับมาทำงานต่อ แต่ถูกวิลเลียมแย่งเอกสารและปากกาที่อยู่ในมือไป ก่อนจะพูดเสียงเข้มอีกครั้ง
“อาบน้ำเองหรืออยากให้ช่วยอาบ”
ข้าวปั้นหน้าตูมสนิทก่อนจะยอมเดินไปอาบน้ำทันที
ใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาทีร่างขาวเนียนอมชมพูที่มีผ้าขนหนูพันรอบอกไว้ก็เดินออกจากห้องน้ำ เท้าเล็กชะงักค้างกลางอากาศเมื่อเห็นร่างใหญ่นอนอ่านหนังสือนิยายรักของนลินบนเตียงของเธอ
“ทำไมคุณไม่ลงไปนอนโซฟาที่ห้องรับแขก” ข้าวปั้นเดินเข้าไปหยุดข้างเตียงแล้วถามวิลเลียมที่ยังนอนนิ่งไม่สนใจคำถาม
วิลเลียมวางหนังสือนิยายลงบนเตียงนอน แล้วหันมองข้าวปั้นที่มีผ้าขนหนูสีชมพูลายคิตตี้พันรอบอก ผมยาวสลวยถูกรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้านวลสวยไร้เครื่องสำอางยิ่งทำให้น่ามอง ผิวสีชมพูอ่อนบอบบางน่าถนอม กลิ่นครีมอาบน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยเข้าเตะจมูกจนอยากโผเข้าสูดดมให้ทั่วทั้งตัว เนินอกอวบที่ดันออกมาให้เห็นราง ๆ มันเขย่าใจชายให้สั่นไหวราวกับเด็กหนุ่ม
“อืม...ซ่อนรูปกว่าที่คิดเอาไว้”
“ว้าย!” ข้าวปั้นเมื่อเห็นสายตาวิลเลียมสำรวจรูปร่างของตัวเองอยู่ก็รีบวิ่งไปหยิบชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักเข้าห้องน้ำเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย
ข้าวปั้นเดินออกจากห้องน้ำอีกครั้งหลังเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ทว่าเมื่อมองไปที่เตียงกลับไม่เห็นวิลเลียมนอนอยู่แล้ว
“สงสัยลงไปข้างล่างแล้ว”
หญิงสาวเดินไปปิดประตูลงกลอนให้สนิทแล้วกดปิดไฟกลาง เตรียมจะหันหลังเดินกลับขึ้นเตียงนอนก็ถูกวิลเลียมที่เข้าใจว่าลงไปข้างล่างแล้วเดินย่องมาด้านหลัง จัดการช้อนอุ้มร่างของเธอขึ้นมาท่ามกลางแสงไฟอ่อน ๆ ที่ส่องมาจากโคมไฟหัวเตียง
“ว้าย! คุณจะทำอะไร” ร่างบอบบางถูกวางลงบนเตียงนอนนุ่มพร้อมกับร่างใหญ่ที่ล้มลงนอนแนบข้าง ก่อนจะตวัดผ้านวมเข้ามาคลุมร่างทั้งสองเอาไว้ ลำแขนใหญ่โอบกอดเอวเล็กคอด มือกดที่ท้ายทอยของข้าวปั้น บังคับให้เธอนอนเกยบนตัวเอง
“เป็นเด็กอย่านอนดึกรู้ไหม” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับแสงจากโคมไฟบนหัวเตียงดับลง
“ฉันอายุยี่สิบสามแล้ว” ข้าวปั้นยังต่อปากต่อคำกับวิลเลียมไม่เลิกรา ก่อนจะโดนคำพูดของอีกฝ่ายปิดปากสนิท
“จากที่เห็นเมื่อกี้...ไม่เด็กแล้ว”
เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับแรงกดบนกระหม่อมบางจากจมูกที่อยากพิสูจน์ความหอมของเส้นผมและกลิ่นกายของเธอ วิลเลียมยิ้มผ่านความมืดที่ทำให้ข้าวปั้นหยุดพูดลงได้ ก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก ฝ่ามือใหญ่จับให้มือเล็กโอบรอบเอวสอบก่อนจะลูบไล้เบา ๆ ราวกับกล่อม
สัมผัสวาบหวามที่ส่งผ่านจากปลายนิ้วและความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากร่างใหญ่ทำให้เธอคลายความเกร็งลง แล้วค่อย ๆ หลับตาลงนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา ผิดกับอีกคนที่ต้องข่มอารมณ์ร้อนที่ปะทุขึ้นทุกครั้งที่ได้สัมผัสร่างนุ่มจนต้องถอนหายใจแรง ๆ
“หาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ ไอ้วิลเลียม”
วิลเลียมสบถออกมา มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องมานอนในห้องแคบ ๆ และยังเกงาน ไม่ยอมบินกลับสวิตเซอร์แลนด์ ซ้ำยังชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งผู้หญิงคนหนึ่ง และชื่นชอบที่จะมีเธอนอนหลับอยู่ในอ้อมแขน
ผ่านไปไม่กี่นาทีเขาก็หลับตามข้าวปั้นไป
ตอนสายของวันรุ่งขึ้นข้าวปั้นที่หลับสนิทยิ่งกว่าทุกคืนก็ลืมตาตื่น ลุกขึ้นบิดขี้เกียจทั้งที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะค่อยลืมตาขึ้นรับแสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดม่านไว้เล็กน้อยแล้วหันมองรอบห้องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนมีแขกวีไอพีมานอนที่บ้านด้วย แถมยังนอนบนเตียงเดียวกับเธอ แต่กลับพบความว่างเปล่า มีเพียงที่นอนที่เย็นเฉียบทิ้งไว้ให้ลูบหาความอบอุ่นที่มอบให้เธอตลอดทั้งคืน
“หรือว่าเราฝัน”
ข้าวปั้นพึมพำออกมาอย่างสับสน เมื่อวานเธอยังไปกินข้าวกับเขา แถมยังถูกชวนขึ้นเตียงอีกด้วย แต่วันนี้กลับว่างเปล่า แต่ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เสียงนาฬิกาหัวเตียงก็ดังขึ้นบอกเวลาอีกสามสิบนาทีเจ็ดโมงครึ่ง
"ตายแล้ว! สายขนาดนี้เลยหรือ” ข้าวปั้นรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงาน
เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย กำลังจัดข้าวของเตรียมไปทำงานก็นึกขึ้นได้
ว่างานที่เอามาแก้เมื่อวานเธอยังไม่ได้ทำ ทว่ารายงานทั้งหมดกลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ข้าวปั้นหยิบรายงานมาดูความเรียบร้อยอีกครั้งพลางหยิบมือถือขึ้นมากดรับสายจากนลิน
(“เธออยู่ไหนแล้วตอนนี้”) เสียงนลินดังมาตามสายทำให้ข้าวปั้นละสายตาจากรายงานแล้วยกข้อมือขึ้นมองเวลา
“แปดโมง! ฉันกำลังจะออกบ้าน เจอกันที่ทำงาน” ข้าวปั้นรีบกดวางสายนลินก่อนอีกฝ่ายทันได้พูดจบ
(“เดี๋ยว...”)
