บทที่ 7 7

วิลเลียมเปรยขึ้นก่อนจะขยับตัวเข้าหาข้าวปั้น ในขณะที่คนสนิทเดินมาเปิดประตูฝั่งของเธอ ทำให้ต้องรีบขยับลงจากรถโดยเร็ว แฟ้มเอกสารในมือถูกแย่งไปโยนไว้บนเบาะนั่งก่อนจะปิดประตูลง

“เอ๊ะ! คุณ นั่นมันเอกสารฉันนะคะ” ข้าวปั้นพยายามจะไปเปิดประตูรถหยิบมันออกมา แต่ถูกวิลเลียมจับข้อมือเล็กลากให้เข้ามาด้านในร้านเสียก่อน

“ทิ้งมันไว้นั่นแหละ ไม่มีใครอยากได้หรอก” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากเดินเข้ามาด้านใน

เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ เจ้าหน้าที่ที่ยืนรอต้อนรับก็ผายมือแล้วเดิน

นำไปยังโซนที่นั่งพิเศษ ยิ่งความเป็นส่วนตัวมีมากเท่าไร ข้าวปั้นก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น ถึงจะเป็นร้านอาหารก็ตาม

“คุณพาฉันมาด้วยทำไม” ข้าวปั้นถามวิลเลียมที่ยังรักษามาดนิ่งของตัวเองเอาไว้ไม่มีหลุดจนน่าหมั่นไส้

“ผมบอกไปแล้ว” วิลเลียมถอดเสื้อนอกออกและแกะกระดุมแขนเสื้อทั้งสองข้าง พับมันขึ้นเสมอข้อศอก ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้แล้วรับออร์เดอร์มาดูเงียบ ๆ

“คุณหิว แต่ฉันไม่หิว จะลากมาด้วยทำไม”

ข้าวปั้นพูดขึ้นเสียงขุ่นทั้งที่เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทว่า...

โครก...

“หึ หึ”

“เจ้าท้องบ้า จะร้องอะไรตอนนี้” ข้าวปั้นยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองพร้อมต่อว่า

“ถ้าหิวผมให้นั่งกินด้วย เชิญ” วิลเลียมปรายตามองข้าวปั้นยืนกุมท้องที่ส่งเสียงร้องครางครวญไม่ยอมหยุด

“ขอบคุณค่ะ”

ข้าวปั้นมองวิลเลียมอย่างลังเลใจอยู่สักพักก็ยอมนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเขาแล้วรับออร์เดอร์ ก่อนจะสั่งเป็นภาษาเยอรมันเช่นเดียวกับวิลเลียม เพราะชื่อเมนูเป็นภาษาเยอรมันทั้งหมด

เวลาผ่านไปไม่นานอาหารหน้าตาน่ากินพร้อมกลิ่นหอมยั่วน้ำลายคนหิวจัด เพราะตอนเที่ยงคิดไม่ตกกับเรื่องที่ตุลาการบอกจนพลอยไม่ได้กินข้าว และวันนี้ยังทำงานผิดพลาดต้องแก้จนเย็น ความหิวจึงรุมเร้าให้เธอตักมันเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยจนคนนั่งมองพลอยเจริญอาหารไปด้วย ทั้งที่เขากิน

มาบ้างแล้ว

อาหารถูกลำเลียงมาวางไว้บนโต๊ะอีกสองจานใหญ่ ทำให้ข้าวปั้นน้ำลายสอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยอมเก็บช้อนตัวเองเอาไว้ เพราะจานของเธอนั้นหมดลงแล้ว แต่ความหิวมันยังไม่ยอมสงบ

วิลเลียมจงใจสั่งเมนูโปรดที่เธอชอบมาเพิ่ม ก่อนจะเลื่อนจานมาตรงหน้าตัวเอง ลงมือตักชิมอย่างใจเย็น ทั้งที่จานก่อนหน้าเขากินไปไม่กี่คำเท่านั้น

“ขอร้องผม แล้วคุณจะได้กิน” วิลเลียมพูดขึ้นเสียงเรียบขณะจ้องมองข้าวปั้นสะบัดหน้าไปอีกทาง

ไม่ยอมหรอก คนชอบแกล้ง ข้าวปั้นคิดในใจเพราะไม่กล้าพูดออกไป

“ก็ตามใจ แต่น่าเสียดาย คงต้องทิ้งเพราะผมเริ่มอิ่มแล้ว”

“เดี๋ยว เอ่อ...คือขอข้าวปั้นกินจานนั้นนะคะ”

ข้าวปั้นสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะข่มความอายแล้วเค้นความกล้าพูดด้วยเสียงออดอ้อนหวานหยด พร้อมส่งสายตาขอร้องออกไปให้ชายตรงหน้าต้องตกอยู่ในมนตร์สะกดจนยากที่จะสามารถถอนตัวจากสาวน้อยได้

ข้าวปั้นใช้เวลารับประทานอาหารสองจานเพียงไม่นานก็อิ่ม เรียกได้ว่ากินแบบไม่มีความอาย เพราะความหิวทำให้เธอลืมอายไปจนหมด แต่กลับตีรวนขึ้นมาตอนหลังกินอิ่ม ข้าวปั้นยกน้ำขึ้นมาดื่มแล้ววางลงที่เดิม ก่อนจะเงยหน้ามองวิลเลียมที่กำลังนั่งมองเธอนิ่ง ๆ ตามแบบของเขา

คนบ้าอะไร มีหน้าเดียวหรือยังไงกัน ข้าวปั้นนึกหมั่นไส้

“คุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ” ข้าวปั้นถามขึ้นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ แต่เธอรู้ว่ามันยังไม่มีคำตอบจากเขาเลย

วิลเลียมนั้นค้นพบความชื่นชอบแบบใหม่ของตัวเองคือการได้เห็นคน

ตรงหน้าโกรธเคืองหรือแก้มแดงก่ำ และมันจะดีที่สุดหากใบหน้านั้นจะทำให้เขาเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาจะต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะต้องบังคับ หรือต้องจับเธอใส่กรงทองของเขาตลอดกาล

ข้าวปั้นมองวิลเลียมอย่างสงสัยและเริ่มจะไม่สบอารมณ์มากขึ้นเพราะถามไปแล้วไม่ได้คำตอบกลับมาเลยสักครั้ง

“ถ้าคุณไม่ตอบ ฉันขอตัวกลับก่อน ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ” ข้าวปั้นลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินไปทางประตูห้องอาหาร มือเล็กกำลังเอื้อมไปจับลูกบิดเตรียมเปิดประตู

“ถ้าคุณคิดว่าออกไปได้ก็ลองดู” เสียงทุ้มคล้ายกำลังสบายอารมณ์ ทว่าดวงตานั้นกลับคมกล้าส่งสัญญาณเตือน

ข้าวปั้นไม่สนใจคำท้าทายนั้น จับลูกบิดเพื่อเปิดประตู แต่พบว่ามันเปิดไม่ได้ จึงหันกลับมาเตรียมต่อว่าวิลเลียม แต่กลับถูกสายตาคมกล้าคู่นั้นสะกดเอาไว้ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ทั้งยังกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้า ๆ ในห้องนี้

“ก็...คุณไม่ยอมคุยธุระสักที ฉันก็อยากกลับบ้านด้วย” ข้าวปั้นพูดเสียงอ่อนลง อยากจะหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเธอคงทำกิริยาให้คนตรงหน้าไม่พอใจ

ใบหน้าเศร้าชวนให้วิลเลียมมองซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่มีเบื่อหน่าย และพนันได้เลยว่าเขาไม่อาจจะละสายตาจากเธอได้แน่ เมื่อร่างบอบบางเปลือยเปล่าบนเตียงนอนสีเทาเข้มหลังใหญ่ของเขา และบิดตัวไปมาพร้อมส่งเสียงครางแสนไพเราะเสนาะหู แค่คิดกายชายก็ปวดร้าวจนต้องเปลี่ยนท่านั่งแล้วหยุดคิดเรื่องที่อยากทำใจแทบขาด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป