บทที่ 14 กับดักจับปลา
หลังจากที่นายช่างเข้ามาดูที่ดินของพวกเขาแล้วและรับปากว่าอีก 5 วันจะเข้ามาทำการก่อสร้างกำแพงให้ก่อน ตอนนี้เขาต้องไปจัดการเตรียมอิฐให้เพียงพอเสียก่อนจากนั้นจึงจะทยอยขนอิฐและคนงานเข้ามาทำการก่อสร้าง
ซึ่งลี่ถิงบอกกับนายช่างใหญ่ว่าจะมีอาหารกลางวันให้หนึ่งมื้อ ขอนายช่างอย่าได้เกรงใจเพียงแค่สร้างกำแพงบ้านของนางให้งดงามก็พอ พอนายช่างได้ยินนางพูดแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
แม่นางคนนี้ช่างตลกเสียจริงกำแพงอิฐมันจะงดงามได้ขนาดไหนกันอย่างมากก็งดงามกว่ากำแพงดินล่ะนะ
“ท่านพี่ ปลาขายได้ราคาหรือไม่เจ้าคะ”
“ได้นะหากเป็นปลาสด ๆ และตัวขนาดใหญ่หากเป็นปลาที่ยังไม่ตายจะได้ราคาดีไม่น้อย”
“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ ถ้าอย่างนั้นท่านพี่ช่วยไปตัดไม้ไผ่มาให้ข้าได้หรือไม่ เอามามากหน่อยนะเจ้าคะ”
“ได้ ๆ เดี๋ยววันนี้พี่จะเข้าป่าไปตัดมาให้ หรือเจ้าจะไปด้วยกันก็ย่อมได้ ให้น้องรองกับน้องเล็กอยู่เฝ้าบ้าน”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าขอไปเตรียมอาหารก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะ งานในสวนพี่จะทำให้เองต่อไปเจ้าไม่ต้องไปหาบน้ำมารดผักแล้วพี่จะหาถังใบใหญ่เอามาวางไว้แล้วค่อยไปตักน้ำมาเติมเจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก”
“เจ้าค่ะท่านพี่ ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
หลังจากพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ลี่ถิงเข้าครัวทำอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัว ตอนนี้นางยังไม่ตกลงใจที่จะปลูกพืชในที่ดินจนกว่ากำแพงจะสร้างเสร็จ
เพราะนางไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านที่สอดรู้สอดเห็นเพราะถ้าหากว่ากำแพงบ้านยังสร้างไม่เสร็จนางจะไม่ปลูกอะไรทั้งนั้น
เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา และป้องกันสายตาจากคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อครอบครัวของนาง ดังนั้นนางจึงปลูกแต่ผักเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นส่วนอย่างอื่นนางรอให้กำแพงสร้างเสร็จก่อนแล้วค่อยปลูกทีหลัง
หลังจากรดน้ำผักในแปลงเสร็จฮั่นคุณและสวี่คุณเอาลาไปผูกเอาไว้ให้เล็มหญ้าภายในสวนจากนั้นก็ตักน้ำใส่ถังตั้งเอาไว้ใกล้ ๆ ให้อีกด้วย
เมื่องานในสวนทุกอย่างเสร็จก็ได้เวลากินมื้อเช้าที่ฮั่นคุณแทบจะรอไม่ไหว พอจะถึงเวลาอาหารท้องไส้ของเขาช่างไม่รักดีส่งเสียงร้องคำรามออกมาได้ตลอด
ยิ่งตอนที่ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารลอยออกมาจากห้องครัว มันก็ยิ่งทำให้เขาทรมานมาก จากที่หิวนิดหน่อยก็กลายเป็นหิวมากไปเสียอย่างนั้น
หลังจบมื้ออาหารเช้าลี่ถิงและเฉิงคุณเตรียมตัวเข้าป่าไผ่ เพราะทั้งสองจะไปตัดไม้ไผ่มาทำกับดักเพื่อดักปลา
ครั้งนี้น้องชายทั้งสองไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยเพราะต้องอยู่เฝ้าบ้านและดูแลลากับข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านที่เพิ่มขึ้น
แต่รั้วบ้านของพวกเขาไม่ใคร่จะดีนัก จึงจำเป็นต้องมีคนอยู่บ้านตลอดเวลา สำหรับลี่ถิงแล้วความอิจฉาริษยาของเพื่อนบ้านนั้นน่ากลัวยิ่งนัก
“น้องรอง น้องเล็กวันนี้เจ้าสองคนอยู่ดูแลบ้านให้ดีเล่า รู้หรือไม่ ข้าจะพาพี่สะใภ้ของเจ้าไปตัดไม้ไผ่”
“ขอรับพี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกข้าสองคนจะดูแลบ้านให้ดี และวันนี้เจ้าอ้วนอ้ายตี้จะมาหาข้าที่บ้านด้วย”
“อืม อย่าไปไกลจากบ้านนักล่ะ”
“ขอรับ พี่ใหญ่ข้าจะเฝ้าบ้านให้ดี ๆ พี่ใหญ่เองก็รีบพาพี่สะใภ้กลับบ้านมาเร็ว ๆ ด้วยล่ะ”
“มื้อกลางวัน ทำเผื่อเอาไว้ให้แล้ว เจ้าก็ชวนอ้ายตี้กินด้วยกันเสียที่นี่ ดูแลบ้านด้วยนะเอาไว้จะรีบกลับมาเย็บฟูกนอนให้พวกเจ้า”
“ขอรับพี่สะใภ้ ”
หลังจากที่ทั้งสองกำชับให้น้องชายอยู่ดูแลบ้านให้ดีและให้ชวนอ้ายตี้กินมื้อกลางวันเสียที่บ้าน ฮั่นคุณเองรีบตอบรับอย่างแข็งขัน
อาหารของพี่สะใภ้มีอะไรไม่อร่อยบ้าง ช่วงเวลาที่เขารออ้ายตี้นั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ทั้งฮั่นคุณและสวี่คุณ กำลังก้มหน้าก้มตาถอนหญ้าออกจากแปลงผัก
และยังคอยจูงลาไปผูกเอาไว้ในบริเวณที่มีหญ้าอ่อน ๆ ขึ้นอยู่ จนกระทั่งอ้ายตี้มาถึงพวกเขาจึงกลับเข้าบ้านเพื่อฝึกคัดตัวอักษรที่ลี่ถิงเคยสอนและสวี่คุณเองก็ได้สอนอ้ายตี้ให้จดจำตัวอักษรด้วยเช่นกัน
“อ้ายตี้ เดี๋ยววันนี้เจ้าอยู่กินมื้อกลางวันที่บ้านข้านะพี่สะใภ้ข้าทำอาหารเอาไว้เผื่อเจ้าด้วย”
“ห๊ะ มื้อกลางวัน นี่บ้านของพวกเจ้ากินข้าววันละกี่มื้อกัน”
“สามมื้อทำไมเหรอ เจ้าสงสัยอะไร”
“ไม่ใช่ว่าโดยปกติ ชาวบ้านจะกินข้าวแค่สองมื้อหรือ แค่สองมื้อบางทียังกินไม่อิ่มเลยด้วยซ้ำ แต่นี่พวกเจ้ากลับกินข้าววันละสามมื้อ”
“อืม เจ้าจะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอก เดิมทีบ้านข้าเองก็กินข้าววันละสองมื้อจนกระทั่งพี่ใหญ่แต่งพี่สะใภ้เข้าบ้านมา นางเป็นคนเปลี่ยนจากการกินเพียงแค่วันละสองมื้อเป็นสามมื้อน่ะ โดยเพิ่มมื้อกลางวันเข้าไป นางบอกว่าพวกข้าพี่น้องผอมเกินไปและกลัวข้าจะไม่โต พี่สะใภ้บอกว่าคนเราหากท้องไม่อิ่มจะขาดสติน่ะ เวลาคนเราขาดสติก็จะทำอะไรโง่ ๆ ออกมา”
“อู๊ว พี่สะใภ้ของเจ้าช่างล้ำเลิศจริง ๆ ข้าบอกเลยข้าอิจฉาเจ้ามากนะข้ากล้าพูดเลยภายในหมู่บ้านของพวกเราไม่มีใครเทียบพี่สะใภ้ของเจ้าได้เลยนะฮั่นคุณ”
“ก็แน่ล่ะ พี่สะใภ้นางทั้งงดงาม มีความรู้ ทำอาหารอร่อยและนางยังเก่งกาจมากด้วย ทุกคืนนางจะสอนหนังสือให้พวกข้าพี่น้องและนางยังบอกอีกด้วยต่อไปจะส่งข้ากับพี่รองไปเรียนที่สำนักศึกษาล่ะ”
“จริงหรือ พี่สะใภ้ของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“ใช่แล้ว ข้าจะโกหกเจ้าทำไม เจ้าเองก็ตั้งใจเรียนรู้กับพวกข้าให้มาก ๆ จากนั้นเจ้าค่อยไปขอท่านป้าจางให้เจ้าไปเรียนกับข้าดีหรือไม่”
“ได้เลย ข้าจะพยายามเพื่อให้ท่านแม่ยอมรับในตัวข้าให้ได้เลย”
ทางด้านเฉิงคุณที่พาลี่ถิงเข้าป่าไผ่เพื่อมาตัดไม้ไผ่ ในขณะที่เฉิงคุณตั้งหน้าตั้งตาตัดไม้ไผ่อยู่นั้น ลี่ถิงเองก็ตั้งหน้าตั้งตาขุดหน่อไม้อยู่เช่นเดียวกัน
หน่อไม้มีขนาดใหญ่และมีเยอะมากจนนางสงสัยว่าไม่มีชาวบ้านมาขุดไปกินหรือว่าชาวบ้านไม่รู้กันแน่ว่าหน่อไม้สามารถกินได้
เฉิงคุณที่ตัดไม้ไผ่จนครบจำนวนที่ต้องการใช้แล้วก็เดินมาหาลี่ถิงทันที เขาไม่เข้าใจว่าภรรยาของเขาขุดหน่อไม้ไปทำไมมันไม่อร่อยเลยสักนิด
หน่อไม้ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่แต่มันขมมาก เขาได้แต่มองนางด้วยความสงสัยและอดเอ่ยปากถามออกมาไม่ได้
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าขุดหน่อไม้ไปทำไมเยอะแยะ มันขมออกปานนั้นไม่มีผู้ใดเขากินกันหรอก”
“หืม ท่านพี่ไม่ขมนะเจ้าคะข้ามีวิธีเจ้าค่ะ ตัดเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ ข้าขุดหน่อนี้ก็พอแล้วล่ะจะได้กลับบ้านกัน”
“อืม เสร็จแล้ว งั้นก็ไปกันเถอะ”
“มิน่าล่ะ หน่อไม้ถึงได้มีเยอะขนาดนี้เพราะชาวบ้านไม่รู้วิธีกินนี่เอง แต่ท่านพี่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวข้าจะทำหน่อไม้นี่ให้กินมื้อเย็น”
“ได้ ๆ ข้าจะรอกินนะ ถิงเอ๋อร์ขอบใจเจ้ามากนะ”
“หือ ขอบใจข้าทำไมเจ้าคะ”
“ขอบใจที่เจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าและน้อง ๆ ยังไงล่ะ”
“ท่านพี่นี่ก็จะมาขอบใจอะไรข้า ข้าสิต้องขอบคุณท่านที่ยอมยื่นมือช่วยเหลือข้ามาจากแม่ลูกคู่นั้น ไม่อย่างนั้นข้าคงตายไปแล้ว”
“อย่าไปพูดถึงมันเลยนะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ต่อไปนี้ข้ากับน้องชายคือครอบครัวของเจ้า”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ เรารีบกลับกันเถอะ จะได้รีบทำกับดักเอาไปวาง พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดูว่ามีปลามาติดหรือไม่ ถ้ามีท่านพี่จะได้เอาไปขายในเมือง”
สองสามีภรรยากลับมาถึงบ้านก็เห็นน้องชายทั้งสองคนรวมถึงเจ้าอ้วนอ้ายตี้กำลังก้มหน้าก้มตาคัดตัวอักษรโดยมีสวี่คุณคอยสอนเจ้าอ้วนอ้ายตี้
เมื่อเห็นว่าน้อง ๆ กำลังขยันเรียนลี่ถิงกับสามีจึงช่วยกันทำกับดักที่ใช้สำหรับดักปลาตามแบบที่ลี่ถิงอธิบายและลี่ถิงได้นำความรู้ในโลกเดิมของนางมาใช้โดยสานไม้ไผ่ทำที่ดักปลา
เฉิงคุณเองก็เรียนรู้จากลี่ถิง เมื่อมีความชำนาญแล้วความเร็วในการทำกับดักก็มากขึ้น เวลาผ่านไปสองชั่วยามเขาก็ทำกับดักปลาได้ทั้งหมด 3 อัน ลี่ถิงเองก็ทำได้ 3 อันเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นทั้งสองคนได้นำกับดักปลาไปวางเอาไว้ในลำธารและผูกเชือกเอาไว้กับเสาไม้ไผ่ที่ลี่ถิงให้เฉิงคุณตอกลงไปในลำธารเพื่อป้องกันกับดักไหลตามน้ำไป
เมื่อวางกับดักเสร็จก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว ลี่ถิงจึงรีบกลับบ้านเพื่อทำอาหารเย็นวันนี้ลี่ถิงจะทำหน่อไม้ผัดใส่ไข่ ต้มน้ำแกงกระดูกหมูใส่หน่อไม้ และพรุ่งนี้นางจะทำซาลาเปาไส้หน่อไม้กับหมูด้วย
เฉิงคุณช่วยภรรยาทำอาหารโดยไม่เกี่ยงงอน เขาช่วยปอกเปลือกหน่อไม้ ติดเตาไฟ หลังจากนั้นจึงเดินไปตักน้ำจากลำธารมาใส่ตุ่มหลังบ้านและตักมาใส่ตุ่มในห้องน้ำสำหรับให้ลี่ถิงอาบ
เมื่อตักน้ำมาใส่ตุ่มจนเต็มแล้วเขาจึงเดินไปเรียกให้น้องชายไปนำลาเข้ามาเก็บในคอกที่เขาทำขึ้นมาให้ง่าย ๆ จากนั้นจึงให้น้องชายไปอาบน้ำจะได้เตรียมตัวกินข้าวเย็น
หลังจากจบมื้อเย็นแล้วลี่ถิงอาบน้ำและได้สอนสามีและน้องชายยัดนุ่นเข้าไปในหมอนหลังจากนั้นนางจะเป็นคนเย็บปิดช่องที่เว้นเอาไว้สำหรับใส่นุ่นลงไป
เมื่อหมอนใบแรกเสร็จสวี่คุณก็ร้องออกมาอย่างประหลาดใจ หมอนนุ่มมาก หากเขามีที่นอนนุ่ม ๆ ผ้าห่มนุ่ม ๆ แถมอุ่น ๆ อีก มันจะดีแค่ไหนกันนะ
“น้องรอง ชอบหรือไม่”
“ชอบมากเลยขอรับ นุ่มมากเลย”
“ใช่ไหมล่ะ เอาล่ะ วันนี้ต้องทำหมอนให้ได้ 4 ใบ พรุ่งนี้พี่จะเริ่มเย็บผ้าห่มสำหรับทุกคน พอผ้าห่มเสร็จเราจะทำฟูกนอนกันต่อ ฤดูหนาวปีนี้รับรองว่าเจ้าจะไม่อยากตื่นออกมาจากที่นอนเลยทีเดียว”
“ฮ่า ๆ ข้าก็ว่าคงจะจริงอย่างที่พี่สะใภ้พูดนะขอรับ”
“เรื่องที่บ้านเราพบเจอนุ่นและฝ้ายอย่าได้แพร่งพรายออกไป ตราบใดที่กำแพงบ้านเรายังไม่เสร็จ อาจมีคนที่ไม่หวังดีมาก่อความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของเราได้ เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับพี่ใหญ่ พวกข้าจำเอาไว้แล้ว”
“อืม ดึกแล้วไปนอนกันได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
“ขอรับพี่ใหญ่”
ในค่ำคืนอันสงบสุข ทุกคนนอนหลับอย่างมีความสุขส่วนเฉิงคุณนั้นก็ยังแอบกินเต้าหู้เมียตัวเองเช่นเคย เอาไว้เขาค่อยจัดการนางวันหลัง
วันนี้นางเหนื่อยมากแล้ว ยังไงเขาต้องรีบเข้าหอหลังบ้านสร้างเสร็จเขาต้องรีบมีลูก นี่คือความคิดอันฟุ้งซ่านของเฉิงคุณในแต่ละวัน
หากลี่ถิงรู้ความคิดของเขาคงได้หัวเราะจนท้องแข็งแน่ ๆ คนอะไรจะซื่อและทึ่มขนาดนั้น นางเองก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา เขาจะทำอะไรกับนางก็ย่อมได้ อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าเขาแอบกินเต้าหู้นางทุกคืนเพียงแค่นางไม่พูดออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะอายก็เท่านั้น
