บทที่ 15 ขายปลา พบเจอสหาย
เช้าวันรุ่งขึ้นลี่ถิงที่ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นจนเป็นนิสัย เฉิงคุณเองก็ตื่นขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนน้องชายทั้งสองนั้นลี่ถิงให้พวกเขาตื่นยามเหม่าเพราะเด็กต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
ในบ้านเองก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมายนักแปลงผักที่ปลูกเอาไว้แค่ไม่กี่แปลง เฉิงคุณจัดการรดน้ำผักเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเก็บกับดักปลาที่วางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
ลี่ถิงให้อาหารไก่และเก็บไข่มาบางส่วน วันนี้ตอนเช้านางจะทำซาลาเปาไส้หน่อไม้ ลี่ถิงเอาหน่อไม้ที่นางต้มจนไม่มีรสขมแล้ว มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ
จากนั้นก็นำต้นหอมที่เพิ่งเก็บมาจากแปลงผักหลังบ้านนำมาซอยละเอียด นำไปผัดกับหมูสับปรุงรสด้วยเหลือน้ำตาลและซีอิ๊วนิดหน่อย
หลังจากที่ผัดไส้ของซาลาเปาแล้วลี่ถิงลงมือทำซาลาเปาทันที เฉิงคุณที่ไปเก็บกับดักปลาในลำธารกับดักปลาอันแรกที่เขายกขึ้นมาจากน้ำนั้นหนักอึ้ง
เมื่อมองดูก็พบว่ามีปลาตัวเล็กตัวใหญ่และกุ้งอยู่ในกับดักเต็มไปหมด เฉิงคุณตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเขา หลังจากที่ยืนอึ้งมองกับดักอยู่เป็นนานสองนานเขาก็รีบวางกับดักในมือลงและรีบไปยกอีกอันขึ้นมาทันที
และก็เป็นเช่นเดิมข้างในกับดักเต็มไปด้วยปลาและกุ้ง เฉิงคุณรีบนำกับดักปลาทั้งสองอันกลับไปที่บ้านเพื่อเอาปลาออกจากกับดัก จากนั้นเขาจึงเอาถังน้ำใบใหญ่มาด้วย
เมื่อเก็บกับดักขึ้นมาและเทปลาข้างในออกจนหมดแล้ว เฉิงคุณก็เอากับดักทั้งหมดลงไปวางไว้ในลำธารเหมือนเดิมจากนั้นจึงค่อยเอาถังปลากลับบ้าน
เฉิงคุณดีใจเป็นอย่างมากกับดักได้ผลและใช้ได้ดีเกินคาดอีกด้วย ไม่นานน้องชายทั้งสองคนก็ตื่นขึ้นมาหลังจากล้างหน้าบ้วนปากแล้ว
พวกเขาเข้าครัวไปช่วยพี่สะใภ้เตรียมอาหาร เฉิงคุณที่เดินไปกลับลำธารอยู่หลายรอบก็สามารถนำถังใส่ปลากลับมาได้ทั้งหมด
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าออกมาดูนี่สิ”
“มีอะไรหรือเจ้าคะท่านพี่ จะให้ข้าดูอะไรหรือเจ้าคะ” ลี่ถิงเดินตามเฉิงคุณออกไปหลังบ้านและน้อง ๆ เองก็ตามมาด้วย
“ดูนี่สิ นี่คือปลาทั้งหมดที่พี่ไปเอามาจากกับดักที่เราวางเอาไว้เมื่อวานอย่างไรล่ะ”
“มากมายเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ ทั้งยังมีกุ้งอีกด้วย”
“ใช่ เดี๋ยวพี่จะคัดเอาแค่ตัวใหญ่ ๆ เข้าไปขายในเมือง ส่วนตัวเล็กลงมาหน่อยถิงเอ๋อร์จะทำยังไงกับปลาพวกนี้”
“ข้ามีวิธีเจ้าค่ะ เราสามารถหมักปลาก่อน จากนั้นก็นำไปตากแดดให้แห้ง สามารถนำไปทำอาหารได้หลายอย่าง อีกทั้งเราสามารถนำไปสะสมเอาไว้เป็นเสบียงในหน้าหนาวได้เจ้าค่ะ”
“ดียิ่งนัก เช่นนั้นพี่ฝากเจ้าด้วยนะถิงเอ๋อร์ ส่วนพวกเจ้าคอยช่วยพี่สะใภ้ทำความสะอาดปลาพวกนี้ด้วยล่ะ”
“ขอรับพี่ใหญ่”
“เช่นนั้นเลือกปลากันเถอะ พี่จะได้เอาเข้าไปขายในเมืองเสียเลย ประเดี๋ยวจะสายเอาพี่คงไม่รอกินมื้อเช้านะ”
“เช่นนั้นท่านพี่เอาซาลาเปาไปกินระหว่างทางนะเจ้าคะ น่าจะสุกแล้วเดี๋ยวข้าจะเตรียมให้”
“พี่ขอบใจเจ้ามากถึงเอ๋อร์”
“น้องรองเจ้าไปเอาอาหารให้ต้าหวังกินเสียก่อนไปประเดี๋ยวจะไม่มีแรงลากเกวียนให้พี่ใหญ่ของเจ้า”
“ขอรับพี่สะใภ้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
หลงจากที่เลือกปลาเฉพาะตัวที่ใหญ่ออกไปหมด ยังเหลือปลาขนาดกลางและเล็กอยู่ไม่น้อย กุ้งเองก็มีจำนวนมากเช่นกัน
ลี่ถิงเอาซาลาเปาห่อให้เฉิงคุณ 4 ลูก และยังทำกุ้งเผาให้เขานำไปกินด้วย นางเลือกกุ้งที่ตัวใหญ่มา 5 ตัวและนำไปย่างไฟจนสุก จากนั้นก็ห่อให้เรียบร้อยพร้อมกับน้ำ 1 กระบอกใส่ในตะกร้าใบเล็กและนำไปวางไว้บนเกวียน
เฉิงคุณเองก็ยกถังใส่ปลาขึ้นบนเกวียนจนครบ 8 ถังแล้วแต่ละถังใส่ปลาขนาดใหญ่ 10 ตัว ครั้งนี้เขานำปลาเข้าไปขายถึง 80 ตัวเลยทีเดียวและทุกตัวยังมีชีวิตเป็นปลาสด ๆ ที่หาได้ยากมาก
เฉิงคุณนำต้าหวังเทียมเข้ากับเกวียนจากนั้นก็ยกไม้ที่เขาใช้ค้ำเกวียนเอาไว้ตั้งแต่แรกออก ต้าหวังออกเดินอย่างรู้ความ มันเดินไปได้เองโดยไม่ต้องให้เฉิงคุณคอยบังคับ
ต้าหวังเป็นลาที่ฉลาดเมื่อมันสามารถเดินตามถนนเองได้ เฉิงคุณจึงได้มีโอกาสกินซาลาเปาที่ภรรยาเตรียมมาให้อย่างเอร็ดอร่อย กลิ่นหอม ๆรสชาติหวาน ๆ ของหน่อไม้เข้ากันได้ดี
ซาลาเปาที่ภรรยาเขาทำนั้นลูกใหญ่มาก เขากินไป 2 ลูกก็รู้สึกอิ่มแล้วหลังจากดื่มน้ำแล้วก็เร่งฝีเท้าต้าหวังให้เร็วขึ้น จะได้ไปทันขายเป็นคนแรกทันทีที่เหลาอาหารเปิดรับซื้อ
เฉิงคุณนั่งมาบนเกวียนที่มีต้าหวังเจ้าลาสีเทาลาก เขาก็ได้พบเข้ากับโม่เซียวอี้สหายสนิทของเขา ระหว่างทางเข้าเมือง เขาจึงได้จอดเกวียนให้กับสหายขึ้นมานั่งบนเกวียนและออกเดินทางไปด้วยกัน
สหายของเขาค่อนข้างแปลกใจมาก เพียงแค่ไม่เจอกันไม่นานแต่เฉิงคุณกลับสามารถมีเกวียนลาใช้ หรือว่าเขาได้พบเจอกับวาสนาครั้งใหญ่ในป่า
“เซียวอี้ ทำไมเจ้าเดินมาละไม่ขึ้นเกวียนรับจ้างที่หมู่บ้าน หรือว่าเกวียนเต็ม”
“เปล่าหรอก ข้าออกมาสายน่ะ แล้วนี่เจ้าขนอะไรมาเต็มเกวียน”
“อ่อ ข้าจะเอาปลาที่หามาได้เมื่อวานไปขายน่ะ อีกอย่างภายใน 3 วันนี้บ้านข้าจะสร้างกำแพงแต่ว่าเจ้าไม่ต้องมาช่วยข้าหรอกนะอยู่ช่วยงานที่บ้านของเจ้าเถอะ”
“อ้าวทำไมล่ะ ที่เจ้าบอกให้ข้ารู้นี่ไม่ได้อยากให้ข้าไปช่วยเจ้าหรอกหรือ”
“เปล่า ข้าบอกให้เจ้ารู้เฉย ๆ ข้าจ้างนายช่างในเมืองเอาไว้แล้ว”
“แล้วนี่ไม่เจอกันเพียงไม่นานเจ้ามีเกวียนใช้แล้ว บอกข้ามานะเจ้าไปพบกับวาสนาอะไรเข้ารึ”
“เปล่าไม่ใช่ข้าหรอก เมียข้ากับน้องชายข้าน่ะ”
“ห๊ะ เจ้าว่าอะไรนะ เฉิงคุณเจ้าพูดใหม่ ไหนเจ้าลองพูดใหม่อีกครั้ง”
"ก็ข้าบอกว่าไม่ใช่ข้าที่พบเจอกับวาสนาในป่า เป็นเมียกับน้องชายข้า ถึงแม้ว่าวันนั้นข้าจะไปด้วยแต่ข้าไม่ใช่คนพบเจอสมุนไพรล้ำค่าสักหน่อย หากแต่เป็นเมียของข้า เจ้าสมองกระทบกระเทือนมาหรือ เพียงเท่านี้ก็ไม่เข้าใจ ยังจะมาให้ข้าพูดซ้ำไปซ้ำมาทำไม”
“เจ้า เจ้า นี่เจ้า” โม่เซียวอี้ ยกมือชี้หน้าเฉิงคุณพูดได้แค่เจ้า เจ้า อยู่นานสองนานก็พูดอะไรไม่ออก
นี่สหายเขามีเมียตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเขาไม่รู้และเจ้าสหายน่าตายนี้ก็ไม่เคยคิดบอกให้เขารู้แต่กลับซุกเมียเอาไว้ในบ้าน
“เจ้า เจ้าอะไร มีอะไรก็พูดออกมา หรือว่าเจ้าสติเลอะเลือนไปแล้ว”
“เจ้าน่ะสิเลอะเลือน เจ้ามีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมข้าไม่รู้”
“ทำไมเจ้าจะต้องรู้ด้วย นี่มันเมียของข้า ข้ารู้เองคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้าเป็นพยาธิในท้องข้าหรือยังไงถึงได้อยากมารู้เรื่องเมียของข้า”
“ข้าเป็นสหายเจ้านะ เจ้าแต่งเมียเข้าบ้านแต่เจ้ากลับไม่เชิญข้าที่เป็นสหายแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าไปร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วย นี่เจ้าจะทำเกินไปแล้วนะ รังแกกันเกินไปแล้ว”
“ข้าไม่ได้เชิญใครทั้งนั้นและข้าไม่ได้จัดงาน ไม่มีเหล้ามงคลอะไรที่เจ้าว่าด้วย"
“นี่เจ้าแต่งเมียแบบไหนกันเนี่ย เหล้ามงคลยังไม่มีเลย”
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า แค่ข้าและนางอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว อีกอย่างบ้านของข้าก็ไม่ได้มีผู้อาวุโสอยู่แล้ว ข้าจึงเห็นว่าไม่จำเป็น จะต้องมากพิธี”
“อืม ๆ เอาที่เจ้าสบายใจเถอะ ข้าแค่ตกใจไหมล่ะ เฮ้อเจ้าเองชิงแต่งเมียก่อนข้าไปเสียได้ แต่เพราะเรื่องนี้แหละทำให้ข้าต้องเข้าเมืองมาวันนี้”
“เข้าเมืองเกี่ยวอะไรกับแต่งเมีย เจ้านี่พูดจาวกวนนะเซียวอี้”
“ก็ท่านแม่ของข้าใช่ไหม เจ้าก็รู้ว่าท่านแม่ได้หมั้นหมายกับหญิงสาวในหมู่บ้านเอาไว้ให้ข้าแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ตบแต่งเข้ามาเท่านั้น แล้ววันนี้ท่านแม่บอกว่าจะส่งของหมั้นไปที่บ้านของคู่หมั้นข้าในอีก 3 วันข้างหน้า จึงได้ให้ข้ามาเลือกซื้อผ้าและเครื่องประดับด้วยตัวเอง”
“ทำไม เจ้าไม่ชอบนางผู้นั้นหรือ หรือว่านางเป็นคนไม่ดี”
“เปล่าหรอก นางดีมาก แต่ข้าไม่รู้จะเลือกซื้อของยังไงนี่สิ”
“วันนี้เจ้าแค่ไปเดิน ๆ ดูก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะให้เมียของข้ามาช่วยเจ้าเลือกซื้อ พรุ่งนี้ข้าก็จะนำปลามาขายอีก เจ้าตื่นแต่เช้าแล้วมาที่บ้านข้าไม่ต้องกินมื้อเช้ามานะ มากินที่บ้านข้าก็แล้วกัน หลังจากนั้นค่อยนั่งเกวียนออกมาพร้อมกัน”
“ได้ ๆ ขอบใจเจ้ามากนะ งั้นวันนี้ข้าไม่เดินดูของแล้ว ข้าไปขายปลากับเจ้าและกลับไปที่บ้านของเจ้าพร้อมเจ้าเลยก็แล้วกัน”
“ได้ เอาตามนั้นแล้วนี่เจ้ากินมื้อเช้ามาหรือยัง”
“ยังเลย ข้ากะว่าจะไปกินบะหมี่ในเมืองเอา”
“เอานี่ ซาลาเปาเมียข้าทำเองเชียวนะ ข้ากินไปแล้ว ที่เหลือเจ้ากินได้ตามสบาย ส่วนในห่อนี่คือกุ้งเผาก่อนจะกินเจ้าแกะเปลือกออกก่อนเสียด้วย”
“อืม ขอบใจมากนะเฉิงคุณ ข้าดีใจที่เจ้ามีเมียที่ดี ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงน้องชายของเจ้าแล้ว มีนางอยู่ดูแลพวกเขาเวลาเจ้าเข้าป่าจะได้ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง”
“อืมต่อไปข้าคงไม่เข้าไปค้างคืนในป่าแล้วล่ะ”
“ทำไมรึ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”
“เมียข้าบอกว่าไม่ให้ไปค้างในป่าน่ะ หากเกิดอะไรขึ้นกับข้าแล้วพวกนางจะอยู่ยังไง นางยังบอกอีกด้วยว่าไม่จำเป็นต้องไปค้างคืนเราก็สามารถล่าสัตว์มาขายได้ เจ้าดูปลาพวกนี้สิ ยังไม่ตายเห็นหรือไม่เมียของข้าเป็นคนทำกับดักจับปลาพวกนี้มา”
“โอ้ เมียของเจ้าช่างเก่งกาจ ข้าชักอยากจะเห็นหน้านางแล้วสิ ข้าเริ่มอิจฉาเจ้าแล้วนะ นี่ถ้าเกิดท่านพ่อท่านแม่ของข้ารู้พวกเขาคงดีใจ และต่อว่าเจ้าที่แต่งเมียไม่บอก”
“มันกะทันหันน่ะ แต่ข้ารู้ว่านางเกิดมาเพื่อข้าและข้าเกิดมาเพื่อนาง เราสองคนเกิดมาเพื่อกันและกัน”
“นี่เจ้า หัดพูดจาอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเจ้าไม่ใช่สหายของข้า เจ้าปลอมตัวมาใช่หรือไม่”
“ไร้สาระน่า รีบ ๆ กินเข้าถ้าไม่กินข้าจะได้เก็บ”
“กิน ๆ ข้ากินแล้ว”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก โม่เซียวอี้ที่นั่งกินซาลาเปาเงียบ ๆ พลางมองสหายของตัวเอง
ในใจเขาคิดว่าสหายของเขาผู้นี้ เปลี่ยนไปมากจริง ๆ จากผู้ชายเย็นชา แต่สีหน้าเวลาพูดถึงภรรยากลับกลายเป็นคนอบอุ่นไปเสียอย่างนั้น
การที่สหายแต่งภรรยาที่ดีเข้าบ้านมาได้เขาเองก็ดีใจไปกับสหายด้วย เพราะมารดาของเขาป่วยและบิดาของสหายพยายามหาหมอมารักษาและนำของมีค่าทุกอย่างในบ้านไปขายแม้กระทั่งที่ดินที่เคยมีมากมายตอนนี้กลับเหลืออยู่แค่พอให้พวกเขาได้อยู่อาศัย
หลังจากที่ขายของมีค่าและที่ดินเพื่อนำเงินมารักษาผู้เป็นแม่และเมีย จากครอบครัวที่ร่ำรวยสู่ครอบครัวที่ยากจนที่สุด
ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาอยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือมากเพียงใด แต่เฉิงคุณสหายคนนี้ของเขากลับรับเพียงน้ำใจและข้าวของเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเฉิงคุณเองก็รู้ว่าฐานะการเป็นอยู่ของครอบครัวของเขาเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงขอรับเอาไว้เพียงน้ำใจก็พอ
