บทที่ 8 ข้ากลับมาแล้ว
เช้าวันใหม่ลี่ถิงตื่นขึ้นมายามอิ๋นเช่นเคยและทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เข้าครัวทำอาหารวันนี้ไม่มีเนื้อสัตว์เลย
ลี่ถิงเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือกว่าจะถึงเวลาอาหารเช้าหลังจากที่ทำโจ๊กฟักทอง(หนานกวา)ผสมกับยวี่หมี่เอาไว้แล้วนางจึงคิดว่าจะไปที่ลำธารดูเผื่อมีอะไรที่สามารถเอากลับมาทำเป็นอาหารได้
พอดีกับที่เด็กน้อยทั้งสองคนตื่นขึ้นมาพอดี หลังจากที่ทั้งสองคนล้างหน้าแล้วก็อาสาพาลี่ถิงไปที่ลำธาร
“พี่สะใภ้ท่านจะไปที่ลำธารทำไมหรือขอรับ”
“อ่อ ข้าอยากไปดูเสียหน่อยว่าจะสามารถหาอะไรมาทำอาหารเพิ่มได้หรือไม่น่ะ”
“ข้ากินแค่โจ๊กก็ได้ขอรับโจ๊กหนานกวาผสมกับยวี่หมี่ก็อร่อยแล้ว (ฟักทอง+ข้าวโพด)”
“น้องเล็กพี่สะใภ้อยากไปพวกเราก็พานางไปเถอะ พี่สะใภ้จะให้เอาตะกร้าไม้ไผ่ไปด้วยหรือไม่ขอรับ”
“อืมเอาไปด้วยก็ดีนะ เผื่อจะได้ใช้ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสายเอาได้วันนี้เรายังมีงานให้ทำอีกมาก”
“ขอรับ ตามมาทางนี้เลยขอรับ”
ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังลำธารอากาศยามเช้าถือว่าสดชื่นไม่น้อย อากาศดีหายใจได้เต็มปอดไร้ซึ่งมลพิษดีต่อสุขภาพจริง ๆ
เดินมาประมาณ 1 เค่อ (15นาที) ก็มาถึงลำธารที่อยู่ส่วนท้ายสวนหลังบ้าน ริมลำธารมีหอมป่า กระเทียมป่าเกิดอยู่เต็มไปหมด
ในลำธารยังมีผักบุ้ง(คงซินไซ่)ที่แข่งกันทอดยอดอวบน่ากิน ลี่ถิงมองลงไปในลำธารเห็นปลาแหวกว่ายอยู่เป็นจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าจะยังไม่สว่างดีแต่ยังมีแสงสว่างพอมองเห็นอยู่บ้างเพราะตอนนี้เป็นหน้าร้อนทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็วกว่าปกติ
เมื่อลี่ถิงมองไปรอบ ๆ บริเวณลำธารที่มีโขดหินน้อยใหญ่อยู่กระจัดกระจายออกไป
นางเดินไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นกุ้งก้ามกรามตัวใหญ่มากแอบอยู่ตรงซอกหินไม่รอช้าลี่ถิงลงไปในลำธาร
ซึ่งน้ำไม่ลึกเท่าที่ควรระดับน้ำสูงแค่เลยหัวเข่ามาเท่านั้น นางจัดการจับกุ้งขึ้นมาและเรียกให้ฮั่นคุณเอาตะกร้ามาใส่กุ้งที่นางจับได้
ฮั่นคุณที่ไม่เคยรู้ว่าเจ้าตัวนี้สามารถกินได้หรือไม่ได้แต่เขากลับไม่เอ่ยปากถามสักคำแต่ทั้งเขาและสวี่คุณกลับลงมาช่วยกันจับกุ้งได้เป็นจำนวนมาก
และยังช่วยลี่ถิงเก็บผักบุ้งไปอีกหอบใหญ่นอกจากผักบุ้งแล้วยังมีหอมป่ากระเทียมป่าอีกจำนวนหนึ่งเพียงพอให้ทำอาหารได้ในวันนี้
“พี่สะใภ้เจ้านี่อร่อยไหมขอรับ”
“อร่อยมาก จริงสิพวกเจ้าเคยเห็นพืชที่ออกผลสีเขียวพอนาน ๆ เข้าเปลี่ยนเป็นสีแดงมีรสชาติเผ็ดร้อนหรือไม่”
“ไม่เคยนะพี่สะใภ้ มันจะอร่อยหรือทั้งเผ็ดทั้งร้อนเลยนะ”
“ไม่ได้ให้กินแบบนั้นสามารถนำมาทำอาหารเป็นพวกเครื่องปรุงได้ช่วยให้รสชาติของอาหารอร่อยยิ่งขึ้นน่ะ”
“อ่อ แบบนี้นี่เองถ้าหากข้าเจอจะเก็บมาให้นะขอรับ”
“ขอบใจจ้ะสวี่คุณ เดี๋ยววันนี้เราจะเอากุ้งที่จับมาไปทำกุ้งคั่วเกลือกินกับโจ๊กแล้วก็ผัดผักบุ้งอีกอย่างก็แล้วกัน”
“ขอรับพี่สะใภ้ เจ้าผักบุ้ง(คงซินไซ่)ที่เกิดในน้ำนี่ข้าไม่เคยกินเคยกินแต่ที่ชาวบ้านปลูกทั่วไปขอรับ"
“รีบกลับกันเถอะ ปกติแล้วพี่ใหญ่ของพวกเจ้าจะนอนในป่ากี่คืนหรือ แล้วจะกลับมาตอนไหน”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดวันนี้พี่ใหญ่น่าจะออกจากป่ามานะขอรับ”
“อืม ถ้าเช่นนั้นข้าจะได้ทำกับข้าวเผื่อพี่ใหญ่ของพวกเจ้าด้วยกลับมาเหนื่อย ๆ คงจะหิว”
"ก็คงจะหิวมาก ๆ เลยล่ะพี่ใหญ่กินนอนอยู่ในป่าไม่ได้สะดวกสบายนักแถมในป่ายังเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ป่าอีก ข้าไม่อยากให้พี่ใหญ่ต้องไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้อีก"
สวี่คุณพูดความในใจออกมาด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย ลี่ถิงเห็นเขามีท่าทีแบบนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจและเป็นห่วง
จึงได้พูดปลอบใจเขาและให้สัญญาว่าต่อไปนี้พี่ใหญ่ของพวกเขาจะไม่ต้องไปนอนค้างคืนในป่าอีกต่อไปจะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายในป่าอีก
"เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย ต่อไปนี้ข้าสัญญาว่าครอบครัวของเราจะดีขึ้นและพี่ใหญ่ของเจ้าจะไม่ต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายค้างคืนในป่าอีก"
"ขอรับพี่สะใภ้ หากมีอะไรที่ข้ากับน้องเล็กพอที่จะช่วยเหลือได้ขอพี่สะใภ้อย่าได้เกรงใจบอกพวกข้าสองคนได้เลยขอรับพวกข้ายินดีและเต็มใจช่วยพี่สะใภ้ทุกอย่าง"
"ได้พี่สะใภ้จะบอกพวกเจ้าแน่นอน แต่ตอนนี้เอาผักพวกนี้ไปล้างมาก่อน ส่วนฮั่นคุณมาช่วยพี่แกะกุ้งพวกนี้"
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสามก็ช่วยกันทำอาหารจนเสร็จฮั่นคุณน้อยที่ตอนนี้นั่งน้ำลายไหลเพราะกลิ่นหอมของกุ้งคั่วเกลือแล้ว
ลี่ถิงมองดูด้วยความขบขันปนเอ็นดูจากนั้นทั้งสามคนก็ลงมือกินมื้อเช้าที่แสนอร่อยจนอิ่มหนำสำราญและตบท้ายด้วยผลไม้ป่าที่เก็บมาเมื่อวาน
หลังจากจบมื้ออาหารเช้าแล้วน้องชายทั้งสองมีหน้าที่เก็บถ้วยชามไปล้างทำความสะอาดแล้วค่อยออกมาช่วยลี่ถิงแกะเม็ดยวี่หมี่ออกจากฝักเพื่อนำไปตากให้แห้งจะได้มีเมล็ดพันธุ์เอาไว้เพาะปลูก
ทางด้านหยางเฉิงคุณที่เข้าป่ามาและค้างคืนในป่ามาแล้วสองคืนในใจของเขากังวลเป็นอย่างมากถ้าหากว่าเขากลับไปแล้วไม่เจอลี่ถิงล่ะเขาจะทำยังไง
ถ้าหากนางหนีไปแล้วน้องชายทั้งสองจะอยู่ยังไงในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่พอคิดว่าถ้าหากกลับออกไปแล้วไม่เจอนางเขาก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
ด้วยท่าทีเป็นกังวลใจของเฉิงคุณทำให้สหายอย่างโม่เซียวอี้อดกังวลไม่ได้เพราะว่าวันนี้ทำไมสหายสนิทเพียงคนเดียวของเขาถึงได้มีท่าทีร้อนรนและเป็นกังวลใจบางครั้งยังมีท่าทีเหม่อลอยเหมือนกับคนที่มีอะไรในใจตลอดเวลา
"เฉิงคุณเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าเห็นเจ้าถอนหายใจหลายครั้งแล้วนะ"
"ไม่มีอะไรข้าแค่คิดอะไรนิดหน่อย"
“เจ้ามีอะไรไม่สบายใจก็พูดออกมาเถอะ ข้าเห็นเจ้าเป็นแบบนี้แล้วข้าไม่สบายใจเลย”
“ไม่มีอะไรข้าแค่เป็นห่วงน้องชายทั้งสองคนก็เท่านั้น”
“อืม ถ้ามีอะไรที่ข้าช่วยได้ก็บอกมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
“อืม ขอบใจเจ้ามาก”
“รีบเดินกันเถอะกว่าจะกลับถึงบ้านข้ากลัวเนื้อพวกนี้จะเน่าเสียเอาได้”
"อืม รีบเดินเถอะแล้วเจ้าจะแวะบ้านข้าก่อนหรือไม่"
“ไม่ล่ะข้าจะรีบกลับ เจ้าเองก็รีบ ๆ กลับเถอะป่านนี้น้อง ๆ ของเจ้าคงจะรอแย่แล้ว”
หลังมื้อเช้าลี่ถิงและน้องชายทั้งสองช่วยกันแกะเม็ดยวี่หมี่ออกจากฝักและนำไปตากแห้ง จากนั้นก็ไปช่วยกันพลิกหน้าดินเตรียมเอาไว้ปลูกฟักทอง
พร้อมทั้งทำแปลงผักเพิ่มขึ้นอีกด้วย ลี่ถิงเอามูลไก่ที่ฮั่นคุณนำมาให้โรยบนแปลงผักที่ทำมาใหม่และตากแดดเอาไว้สองถึงสามวัน
จากนั้นค่อยมาพลิกหน้าดินอีกรอบแปลงผักที่ทำขึ้นมาใหม่นี้นางตั้งใจจะปลูกผักไป๋ช่ายและหากนางสามารถหาพืชผักในป่าเจอนางก็จะนำลงมาปลูกยังแปลงผักที่เตรียมเอาไว้
ในขณะที่ลี่ถิงและน้อง ๆ กำลังเร่งขุดแปลงผักอยู่ในสวนหลังบ้าน หยางเฉิงคุณก็กลับมาถึงบ้านพอดีเขาวางตะกร้าและสัตว์ป่าที่ล่ากลับมาได้เอาไว้ที่ห้องครัวในบ้านเงียบสงัด
เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องชายทั้งสองคนไหนจะภรรยาของเขาอีก เมื่อไม่เห็นใครในบ้านด้วยความร้อนใจจึงออกจากบ้านไปตามหาทั้งสามคนทันที
หยางเฉิงคุณที่เดินออกมาตามหาทั้งสามคนทางด้านหลังบ้าน เขาเจอเม็ดกลม ๆ สีเหลืองตากอยู่เต็มหลังบ้านและยังมีเมล็ดอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จักตากอยู่ด้วย
เฉิงคุณได้ยินเสียงคนคุยกันแว่ว ๆ มาจากส่วนที่เป็นแปลงผักเขาไม่รอช้ารีบเดินมุ่งหน้าไปทางต้นเสียงทันที
เมื่อเห็นน้องชายและภรรยาช่วยกันขุดแปลงผักอยู่ สิ่งที่เขาวิตกกังวลมาตลอดเหมือนหินที่ทับอยู่ในใจก็ถูกวางลงทันทีเขาถอนหายใจอย่างโล่งอกที่แท้เป็นเขาคิดมากไปเอง
“ข้ากลับมาแล้ว”
“พี่ใหญ่ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ”
“อืมข้ากลับมาแล้ว แล้วนี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่หรือ”
“ขุดแปลงผักเพิ่มขอรับพี่สะใภ้จะปลูกผักเอาไว้ทำผักดอง”
“ท่านพี่หิวหรือไม่เจ้าคะ ท่านกลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเสียก่อนข้าจะไปอุ่นกับข้าวให้ พวกเจ้าทั้งสองก็ไปล้างไม้ล้างมือจะได้กินมื้อเที่ยง”
“ขอรับพี่สะใภ้”
เฉิงคุณถึงแม้จะแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนที่เขาไม่อยู่ ที่บ้านของเขาไม่เคยกินข้าวตอนเที่ยงแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรในเมื่ออาหารมื้อเที่ยงนี้มีส่วนของเขาด้วยทำไมเขาจะต้องไปถามให้มากเรื่องด้วย
เขารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่ลี่ถิงบอกจากนั้นก็มารอกินข้าวกับพวกน้องชาย เขาไม่อยู่ 2-3 วันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่เท่าที่เห็นคือน้องชายทั้งสองคนดูมีความสุขขึ้นมาก
“ข้าไปยกกับข้าวช่วยพี่สะใภ้ก่อน น้องเล็กเจ้าไปเตรียมถ้วยชามกับตะเกียบ”
“ขอรับ”
จากนั้นไม่นานกับข้าวทุกอย่างก็ถูกยกออกมา อาหารเที่ยงมีมันเผา โจ๊กธัญพืช กุ้งคั่วเกลือและผัดผักบุ้ง(คงซินช่าย) เฉิงคุณมองดูอาหารตรงหน้าด้วยความแปลกใจจึงได้เอ่ยปากถามออกมา
“ไม่ใช่ว่ามันเทศ(หงสู่) ที่บ้านเราหมดไปนานแล้วไม่ใช่หรือ พวกเจ้าเอามาจากไหนกัน”
“พี่ใหญ่ พวกข้ากับพี่สะใภ้ไปขุดกลับมาจากในป่าขอรับ นอกจากนี้เรายังเจอของกินอีกมากมายด้วย มีหนานกวากับยวี่หมี่ท่านเห็นเม็ดสีเหลือง ๆ ที่ตากอยู่หลังบ้านหรือไม่ นั่นเรียกว่ายวี่หมี่ พี่สะใภ้จะเอามาปลูกที่สวนของเรา ท่านลองกินดูพี่สะใภ้นำมาทำโจ๊กอร่อยมาก” ฮั่นคุณตักโจ๊กเข้าปากคำใหญ่หลังจากอธิบายให้พี่ชายฟัง
“ส่วนอันนี้เรียกว่ากุ้งคั่วเกลือ กุ้งนี้พวกข้ากับพี่สะใภ้จับมาจากลำธารหลังบ้านของพวกเรา ส่วนอันนี้คือ คงซินช่ายที่เกิดในลำธารพี่สะใภ้นำมาผัดอร่อยมาก”
“ท่านพี่รีบกินเถอะเจ้าค่ะเดี๋ยวจะเย็นเสียก่อนกินเสร็จแล้วข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
“อืม เจ้าเองก็กินให้มากหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากกินมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้วและน้องชายทั้งสองรับหน้าที่ทำความสะอาดถ้วยชามเช่นเดิม ลี่ถิงเดินตามเฉิงคุณเข้ามาในครัวเพื่อจัดการกับซากสัตว์ที่ล่ามาได้และได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการจัดการซากสัตว์พวกนี้อีกด้วย
“ท่านพี่เจ้าคะหมูครึ่งตัวเราเก็บไว้กินเองในบ้านเถอะเจ้าค่ะ ส่วนกระต่ายป่ากับไก่ฟ้าตัวที่ตายแล้วก็เก็บไว้กินในบ้านส่วนตัวที่ยังมีชีวิตท่านพี่ค่อยนำไปขายนะเจ้าคะ และข้าอยากถามท่านพี่ว่าผลไม้ป่าสามารถนำไปขายในเมืองได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ เอาตามที่เจ้าว่า แล้วผลไม้ป่าอะไรหรือพวกเจ้าเข้าป่ากันทุกวันเลยหรือ”
“ข้ากับน้อง ๆ เก็บผิงกั่วกับผูเถาป่ามาเจ้าค่ะ ท่านพี่ลองชิมดูรสชาติดีไม่น้อยแต่ว่าผูเถาพวกนี้ข้าจะเอาไว้หมักเหล้าผูเถาครึ่งหนึ่งเจ้าค่ะ รบกวนท่านพี่ซื้อน้ำตาลกลับมาให้ข้าด้วย”
“อืม ได้เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะเอาไปขายที่เหลาอาหารเสียพร้อมกันเสียทีเดียว”
“เจ้าค่ะ นอกจากน้ำตาลแล้วยังมีเหล้าด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ รบกวนท่านซื้อมาสักสองไห”
“ได้ เดี๋ยวข้าจะซื้อกลับมาให้”
หลังจากตกลงกันได้แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันจัดการกับซากสัตว์ลี่ถิงนำมันหมูมาเจียวเป็นน้ำมันเก็บเอาไว้ใช้และกากที่เหลือจากการเจียวน้ำมันนางจะนำมาผัดกับผักเพื่อทำไส้ซาลาเปา
แต่ต้องให้สามีของนางซื้อแป้งสาลีกลับมาด้วยเพราะที่บ้านไม่มีแป้งอยู่เลย หมูครึ่งตัวที่เฉิงคุณแบ่งมาจากสหาย
นอกจากนำมันหมูมาเจียวแล้ว ลี่ถิงยังนำเนื้อหมูที่เหลือคลุกเกลือกับกระเทียมแล้วนำไปตากแดดเอาไว้ จากนั้นนำขาหมูไปรมควันและไก่กับกระต่ายก็นำไปหมักและรมควันเก็บเอาไว้ทำอาหารในวันต่อ ๆ ไป
