บทที่ 10 EP 01 เงื่อนไขของไดสึเกะ [7]
เสียงช้อนตกกระทบขอบถ้วยดังขึ้นก่อนที่ไดสึเกะจะวางถ้วยซุปกลับลงในถาดแล้วรีบเดินอ้อมมาที่อีกด้านหนึ่งของเตียงทันที เดาว่าเขาคงสังเกตเห็นแล้วว่ามีเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากบาดแผลของฉัน
“อย่ามายุ่ง” ฉันบอกแล้วรีบขยับตัวหนีเมื่อไดสึเกะเอื้อมมือมาถลกแขนเสื้อขึ้น แต่ว่าฉันจะหนีไปไหนได้พ้นในเมื่อร่างกายไม่ได้เป็นอิสระ
“อย่ามาอวดดี แล้วก็หยุดดิ้นด้วย”
“ก็บอกว่าอย่ามายุ่งไงล่ะ”
“ถ้ายังเถียงอีกคำ ฉันจะขึ้นไปคร่อมเธอบนเตียง” ไดสึเกะพูดเสียงเรียบพลางช้อนตามองฉันด้วยสายตาหงุดหงิดรำคาญ
ฉันกัดฟันกรอด สองมือกำแน่นอย่างรู้สึกขัดใจแต่ก็ทำได้แค่นอนนิ่งตามที่ไดสึเกะต้องการ เขาจ้องหน้าฉันอยู่สักพักจนมั่นใจว่าฉันยอมสงบลง เขาถึงได้ถอนหายใจใส่ก่อนจะเดินอ้อมกลับมาที่อีกฟากหนึ่งของเตียงเพื่อกดอินเตอร์คอมเรียกพยาบาล
“ห้อง 1212 ด่วน”
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นแบบนั้นบ่งบอกถึงระดับความหงุดหงิดของเขาได้ดี เพียงแต่ฉันไม่แน่ใจว่าเขาหงุดหงิดกับฉัน กับพยาบาล หรือกับทุกอย่างในตอนนี้ที่ฉันเองก็รู้สึกว่ามันขวางหูขวางตาไปหมด
ไม่นานพยาบาลก็เดินเข้ามา ไม่สิ ต้องเรียกว่าเกือบจะวิ่งเข้ามาเลยก็คงไม่ผิดนักเพราะคำว่าด่วนที่ไดสึเกะเน้นผ่านอินเตอร์คอมไปเมื่อครู่
“ที่แผลมีเลือดออก” ไดสึเกะยังคงพูดเหมือนไม่เต็มใจ และยังยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงเท่าไหร่นักทั้งที่ฉันคิดว่าเขาน่าจะกลับไปนั่งที่ เกะกะ!
“ขอดูแผลหน่อยนะคะคุณนามิ เจ็บมากมั้ยคะ”
“ไม่ โอ๊ย!”
บ้าจริง! จับแรงขนาดนั้นจากไม่เจ็บก็กลายเป็นเจ็บน่ะสิ
“ขอโทษค่ะ แต่ดูเหมือนแผลจะปริ เดี๋ยวดิฉันขอทำความสะอาดก่อนแล้วจะรีบตามคุณหมอมาเช็กให้นะคะว่าต้องเย็บแผลใหม่รึเปล่า” พยาบาลคนนั้นอธิบาย เธอหน้าเสียไปตั้งแต่ที่ฉันร้องโอ๊ยเมื่อครู่แล้ว
“ไม่ต้อง แค่ทำความสะอาดก็พอ”
“ฉลาดกว่าหมอทำไมไม่เปิดโรงพยาบาล”
ฉันบอกแล้วว่าเขาควรจะกลับไปนั่งที่โซฟา ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!
“เธอน่ะ ไปตามหมอมา”
“ไม่ต้อง” ฉันรีบแย้งเมื่อไดสึเกะออกคำสั่งให้พยาบาลที่ยืนอยู่ที่ปลายเตียงเดินออกไปตามหมอ
“ไปสิ มองอะไร”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธอ แต่ฉันเป็นห่วงตัวเอง ถ้าเธอเป็นอะไรไป คิดว่าไอ้โอยามะมันจะทำยังไง หรือคิดว่ามันจะเก็บพยาบาลพวกนี้ไว้รึเปล่า บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิมน่ะ” ไดสึเกะโวยวายเสียงดัง ทุกคำพูดของเขาทำให้ฉันต้องเงียบลงอย่างจนใจจะโต้แย้ง ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของพยาบาลคนนั้นรีบวิ่งออกไปตามหมอทันที
ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความผิดของฉันหรือไดสึเกะ ซึ่งพอฉันเงียบลง ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายเองจะเงียบลงเหมือนกัน ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากจะได้ยินเสียงของเขานักหรอก แต่ไม่พูดแล้วก็ช่วยไม่ต้องหันมามองด้วยไม่ได้รึไงล่ะ
“เดี๋ยวขอล้างแผลก่อนนะคะ” พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียงของฉันตั้งแต่แรกกระซิบบอกเมื่อเธอคงไม่กล้าเสียงดังกว่านี้เพราะไดสึเกะมองตาขวางอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถึงจะไม่เต็มใจ แต่เคยปฏิเสธได้ซะที่ไหนล่ะ สุดท้ายฉันทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปก่อนจะปิดเปลือกตาลงพร้อมกับกำมือแน่นแล้วบอกตัวเองให้อดทน
ฉันเกลียดการทำแผลมาตั้งแต่เด็ก เกลียดหมอ เกลียดโรงพยาบาล เกลียดกลิ่นยาฆ่าเชื้อ เกลียดเข็มฉีดยา เกลียดการกินยา เกลียด...
“ถอยไป”
ฉันลืมตาขึ้นมองอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนไดสึเกะเดินเข้ามาใกล้ ซึ่งก็จริง เขาไล่พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านขวาของเตียงออกไปแล้วเสนอหน้ามายืนแทนทำไมก็ไม่รู้?
หมับ!
“นี่”
“อย่าเรื่องมาก กลัวก็ยอมรับว่ากลัว แค่ล้างแผล ไม่ตายหรอก” ไดสึเกะดุใส่เมื่อฉันพยายามจะไล่เขาออกไป แต่จะไม่ให้ไล่ได้ยังไงในเมื่อเขาไม่ได้แค่เข้ามายืนใกล้เฉยๆ แต่ยังพยายามจะจับมือฉันอีกด้วย
“อย่ามาจับมือฉัน!”
“คิดว่าอยากจับนักรึไง แล้วทีหลังหัดตัดเล็บซะบ้าง เวลากำมือแน่นมันจะได้ไม่จิกเนื้อตัวเอง เป็นมาโซคิสม์รึไง”
“นี่นาย...”
“ล้างเร็วๆ สิ มองอะไรกันอยู่ได้ แอลกอฮอล์น่ะปาดๆ ไปเยอะๆ เผื่อเชื้อโรคมันตายยาก เดี๋ยวเชื้อมันขึ้นสมองก็เดือดร้อนกันหมด”
เขาเป็นบ้าอะไรของเขากันนะ!
“ปล่อย”
ตุ้บ!
“ล้างแผลไป เสร็จแล้วบอก ก่อนที่ฉันจะบีบคอยัยนี่ให้โอยามะมันไล่ออกตั้งแต่หมอยันคนกวาดพื้น เร็ว!” ไดสึเกะตะคอกบอกพยาบาลที่กำลังตกใจกับการที่อยู่ๆ เขาก็โน้มตัวเองลงมาจ้องมองใบหน้าของฉันในระยะประชิด มือทั้งสองข้างของเขาจับอยู่ที่มือของฉัน พยายามจะทำให้ฉันกางมือออกเพื่อจะสอดประสานนิ้วมือของเขาลงมา ซึ่งถึงฉันจะพยายามกำมือแน่นยังไงก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี
สุดท้ายเขาก็จับมือฉันเอาไว้แล้วบีบแน่นจนฉันต้องนิ่วหน้า นอกจากนั้นแล้วสายตาที่เขามองมาทั้งที่ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากฉันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ก็พลอยทำให้เรี่ยวแรงในการดิ้นของฉันหายไปหมด จะไล่ก็ไล่ไม่ได้เพราะไม่กล้าเปล่งเสียง แค่หายใจแรงๆ ใส่หน้าเขายังไม่กล้าพอจะทำ
“อ่านป้ายตรงทางเข้าไม่ออกเหรอไดสึเกะว่าที่นี่โรงพยาบาล ไม่ใช่โรงแรม”
นั่นเสียงโอยามะ!
