บทที่ 4 กวางน้อยขี้กลัว

เทพธิดาเวนิชยืนนิ่งอยู่หน้าห้องหนังสือของบิดา มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดปากไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเธอผิดเอง ผิดที่ทำให้ใครๆต้องมาเดือดร้อนแบบนี้ นี่เธอกำลังจะทำให้ใครหลายๆ คนต้องเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัวเหรอนี่ ร่างบอบบางทรุดกายลงกับพื้นแล้วสะอื้นออกมาอย่างหนัก

บุตรสาวคนโตเดินออกมาจากห้องหนังสือของบิดา เธอชะงักเมื่อเห็นน้องสาวมองมาน้ำตาอาบแก้ม เวน่าเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเมินหน้าหนี แม้จะสงสารน้องแต่โมนาควรโตได้แล้วไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้ามาดูแลคุณหนูขี้แงตลอดชีวิต สูญเสียแม่เสียใจเธอเข้าใจอยู่แต่ใช้ว่าโมนาเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่สูญเสียแม่ไปสักหน่อย เธอเองก็สูญเสียแม่ไปเหมือนกัน เวน่าสาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องการเข้าไปกอดน้องเพื่อปลอบเหมือนที่เคยทำมาทุกครั้ง

ร่างสูงใหญ่ยืนเหม่อออกไป ด้านนอกหน้าต่างห้องทำงานอีกครั้ง เขากำลังใช้ความคิด เรื่องของผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ภรรยา

“นายครับ!”เสียงเรียกสะดุดความคิดเขาลงเขาหันกลับมามองเดวิชบอดี้การ์ดคนสนิท

“ได้แล้วใช่ไหม?”

“ครับ”เดวิชวางรูปสองใบลงบนโต๊ะทำงานของเขา

ซาฟขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาคมจ้องมอบลูกน้องตนเอง เดวิชทำสีหน้าไม่ถูกเพราะเขาจนปัญญาที่จะหารูปของลูกสาวคนเล็กของดีกาลโน่เหมือนกัน

“มีแค่สองใบเหรอ?”

“เอ่อ..ครับ”

“หารูปใครไม่ได้”เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความดุดัน

“รูปคุณหนูโมนาครับ”

ไม่มีคำถามใดๆ ออกจากริมฝีปากหยักได้รูปอีก เมื่อเขาเอาแต่เพ็งมองไปยังรูปพวกนั้นด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ก่อนจะหันไปถามบอดี้การ์ด

“คนนี้คือเวน่าใช่ไหม?”

“ใช่ครับ เธอออกงานบ่อยผมเลยได้รูปเธอเยอะมากเลยครับ”

เขาหยิบรูปอีกใบมาดู สีหน้าของเขาปรับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงทันที

“แล้วคนนี้ละ?”

“คนนั้นคุณเทียร่าครับ เป็นลูกสาวคนที่สองของตระกูล”

ชายหนุ่มนิ่งเขาวางรูปลงบนโต๊ะ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วถอนหายใจหนักออกมา เขาไม่ใช่น้องคนที่สามหรือสี่ที่จะเหวี่ยงรูปทิ้งทันทีที่ได้รับรู้ แม้สีหน้าเขาจะเรียบเฉยแต่ออกจะรู้สึกไม่พอใจมากเช่นกันที่ตระกูลดีกาลโน่บังอาจเล่นตลกกับเขา ถ้าไม่สั่งสอนกันบ้างคงไม่ต้องออกไปมองหน้าใคร

หลังจากเลิกงานซาฟตรงกลับไปที่คฤหาสน์ทันที อยากจะรู้เหมือนกันว่าเทียร่าจะเล่นละครเสแสร้งไปอีกนานแค่ไหน ก้าวผ่านโถงทานเดินในคฤหาสน์ เหลือบเห็นเธอกำลังนั่งทานอาหารว่างอยู่หน้ารายการทีวีอย่างสบายอารมณ์ ดีกาลโน่เอาส่วนไหนคิดถึงส่งตัวเทียร่าซึ่งมีสายเลือดชาวอิตาลีเต็มตัว ทั้งที่โมนาเป็นสาวลูกครึ่ง

“อยู่ที่นี่สบายดีไหมครับ” ซาฟทักทายเทียร่า

เทียร่ารีบลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน เธอรีบยิ้มให้เขาพลางใช้มือเช็ดปากที่เปราะเปื้อนเศษขนมออกให้หมด

“สบายมากเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้เทีย... โมนาอยู่ที่นี่ค่ะ” เทียร่าเม้มริมฝีปาก เพราะตนเองเกือบหลุดชื่อผิดออกมา

“ถ้าคุณโมนาชอบผมก็ดีใจครับ ผมขอตัวก่อน”

เทียร่ากระตุกยิ้มมุมปาก ใครจะไม่ชอบกันเล่า ในเมื่อซาฟหล่อเหลาราวกับเทพบุตรเช่นนี้ ถึงแม้จะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ อยู่ที่นี่เธอสุดแสนสบายไม่ได้ต้องมานั่งทำงานให้เหนื่อย

ชายหนุ่มเดินทางเข้าพบบิดา ซานโต้มองบุตรชายแล้วผายมือให้นั่งลง เขาหย่อนกายลงบนโซฟาแล้วช้อนสายตามองบิดา สีหน้าเรียบนิ่ง

“มีอะไรซาฟถึงได้แวะมาหาพ่อ”

“ผมมีเรื่องอยากจะให้พ่อจัดการให้ผมสักเรื่อง”

“เรื่องอะไร?”

“ผู้หญิงที่ตระกูลดีกาลโน่ส่งมาให้ผมเธอไม่ใช่โมนา แต่เธอคือเทียร่าครับพ่อ” ชายหนุ่มบอกความจริงกับบิดาในสิ่งที่ตนสืบได้

ซานโต้ชะงัก มองบุตรชายแล้วถอนหายใจยาว ดูท่าซาฟคงเหมาเอาเรื่องแต่งงานไปรวมกับธุรกิจเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มีท่าทางเช่นนี้

“แล้วจะให้พ่อทำยังไง”

“พ่อช่วยจัดการบอกทางดีกาลโน่ว่าผมจะขอพูดคุยด้วย”

“แล้วทำไมแกไม่จัดการเอง”

“ผมอยากถนอมน้ำใจพวกเขาไว้ก่อน เพราะดีกาลโน่ยังมีประโยชน์กับเราอยู่” เขาตอบกลับสีหน้าเยือกเย็น

“ได้พ่อจะจัดการให้”

ชายหนุ่มกลับมายังคฤหาสน์ มองดูโอเอซิสที่พำนักของมารดา ดวงตาเรียวคมหรี่ลง มองลึกลงไปยังผืนน้ำสีเขียวมรกต พลักนึกถึงเด็กสาวหน้าตางดงามราวกับเทพธิดา เขาไม่รู้จักชื่อ รู้เพียงเด็กสาวเดินหลงมายังอ้อมกอดแห่งมารดา เห็นเรือนร่างงดงามกับดวงตาหวานเยิ้มมองผืนน้ำไม่ขยับเขยื้อน เวลานั้นซาฟรู้สึกเหมือนตนเองดังต้องมนต์สะกด

เขาจำเป็นต้องหยุดความคิดคำนึงนี้เสียที ควรลืมเลือนเรื่องในอดีตไปได้แล้ว ซาฟถอนหายใจแล้วเดินจากที่แห่งความทรงจำอันแสนสวยงามไว้เช่นเดิม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป