บทที่ 02

เอไลจาห์ วอห์น

แรงโคลงเคลงเบาๆ ดึงผมออกจากห้วงนิทรา ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง จิตใจล่องลอยอยู่กึ่งกลางระหว่างความฝันและความจริง เสียงทุ้มหนักกระชากผมกลับมา

"เฮ้ย ไอ้หน้าใหม่ ตื่นได้แล้ว ประตูใกล้จะเปิดแล้ว"

เปลือกตาผมค่อยๆ เปิดขึ้น กะพริบตาหลายครั้งจนกระทั่งเพดานคอนกรีตเย็นเยียบย้ำเตือนว่าผมอยู่ที่ไหน ชั่วแวบหนึ่ง ผมอยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ฝันร้าย แต่มันไม่ใช่ นี่คือความจริง…โหดร้ายและไม่ปรานี

อ่าวขุมนรก

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วมองลงไป ฟ็อกซ์กำลังยืนพิงลูกกรง มือประสานไว้หลังศีรษะ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลาย แต่ดวงตากลับคมกริบและตื่นตัว

"ถ้าไม่อยากโดนกระทืบตั้งแต่เช้า ก็ลุกขึ้นมาก่อนที่ประตูห้องขังจะเปิด"

ร่างกายผมตอบสนองก่อนสมองจะทำงาน ผมกระโดดลงจากเตียงสองชั้น พื้นที่เย็นเฉียบกัดเท้าเปล่าของผม หัวใจเต้นรัว ความคิดยังคงขุ่นมัว

ฟ็อกซ์ไม่ขยับ ดวงตาของเขาเลื่อนไปมองทางเดินทันทีที่ผู้คุมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอีกฟากของลูกกรง สายตาไร้ความรู้สึกของชายคนนั้นกวาดมองนักโทษแต่ละคนก่อนจะให้สัญญาณ

เสียงโลหะดังก้อง

ประตูทุกบานเปิดออก

"อาบน้ำ เดี๋ยวนี้"

ผมยืนตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ฟ็อกซ์ถอนหายใจ "มาสิ"

ผมเดินตามเขาไปอย่างไม่อิดออด พยายามทำความเข้าใจกับทุกสิ่ง สายตาผมกวาดไปรอบๆ ซึมซับทุกรายละเอียด ทางเดินมืดๆ ห้องขังแออัดยัดเยียด เหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง สายตาอันตรายจับจ้องทุกย่างก้าวของเรา

เสียงกระซิบ

เสียงหัวเราะ

คอผมแห้งผากเมื่อเห็นนักโทษในชุดสีดำ

พวกเลวที่สุดในหมู่คนเลว

อสูรกาย

ห้องน้ำแน่นขนัด ไอน้ำขมุกขมัวปะปนกับเสียงน้ำที่ไหลจากฝักบัว ชายหลายคนอาบน้ำอย่างไม่อาย แต่สิ่งที่ทำให้ผมไม่สบายใจอย่างแท้จริงคือการไม่มีผู้คุมอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

ไม่มีใครคอยห้ามหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ฟ็อกซ์คว้าข้อมือผมแล้วดึงไปยังห้องอาบน้ำที่ว่างอยู่ สีหน้าจริงจังของเขาไม่เปิดโอกาสให้ลังเล

"อย่าทำสบู่ตกพื้นเด็ดขาด"

ผมขมวดคิ้ว "ทำไมครับ"

รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏบนริมฝีปากเขา แต่ดวงตายังคงเย็นชา

"ถ้าไม่อยากโดนตุ๋ย"

ความเย็นเยียบแล่นไปทั่วสันหลัง ความกลัวหยั่งรากลึกลงในท้อง

เขาตบไหล่ผมเบาๆ "รีบๆ เข้า ก่อนจะตกเป็นเป้าสายตา เนื้อสดๆ มักจะเป็นแบบนี้เสมอ"

ผมสูดหายใจลึกแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้า ความรู้สึกเปราะบางมันช่างน่าอึดอัด ไอน้ำร้อนๆ โอบล้อมรอบตัวเราขณะที่นักโทษคนอื่นๆ ทำกิจวัตรของพวกเขาต่อไป ไม่ได้สนใจการมีอยู่ของผม

สบู่ก้อนที่ยังไม่แกะซีลวางอยู่บนพื้นตรงหน้า ผมรีบคว้ามันมาแล้วเริ่มถูตัวอย่างเร่งรีบ

ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทุกวินาทีในที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนการเสี่ยงโชค

เมื่ออาบเสร็จ ผมก็ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่รู้จะทำอะไรต่อ

ฟ็อกซ์ยื่นผ้าขนหนูให้ ผมรับมาแล้วสังเกตว่ามันชื้นๆ

"มันใช้แล้วนี่ครับ"

"ทุกอย่างที่นี่ใช้ซ้ำหมด ผ้าขนหนู สบู่... วันนี้แกโชคดีแล้ว พรุ่งนี้แกจะได้ก้อนที่เขาแกะแล้ว"

ผมเบ้หน้า

เขาหัวเราะ "ตอนกูมาถึงที่นี่ใหม่ๆ ก็ทำหน้าแบบแกนี่แหละ"

ผมเช็ดตัวอย่างรวดเร็วแล้วสวมชุดนักโทษสีส้ม เนื้อผ้าหยาบๆ ที่เสียดสีกับผิวอุ่นๆ ยิ่งเพิ่มความรู้สึกไม่สบายตัว

ขณะที่เราเดินออกจากห้องน้ำ ผมสังเกตเห็นสายตาเหล่านั้น

รอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

นักล่าที่กำลังมองเหยื่อผู้ไร้ทางสู้

หน้าอกผมกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

ฟ็อกซ์สังเกตเห็นแล้วตบหลังผมเบาๆ

"ไปหาอะไรกินกันเถอะ ไอ้เด็กใหม่"

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วเดินตามเขาไป

เราเดินลงบันไดเหล็ก เสียงฝีเท้าสะท้อนก้องไปทั่วโรงอาหาร กลิ่นเหม็นเน่าของอาหารบูดผสมกับกลิ่นเหงื่อทำให้อากาศข้นคลั่กและน่าอึดอัดจนหายใจไม่ออก

พื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ

กลุ่มคนเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่รอบๆ

บ้างกระซิบกระซาบ บ้างก็แค่จ้องมองอย่างเงียบงัน

สายตาของพวกเขาจับจ้องทุกรายละเอียด

แม้แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ยังฟังดูคุกคาม

ฟ็อกซ์บีบข้อมือผมแน่นขึ้น

“อย่าหยุด เดินไปหยิบถาดแล้วเดินต่อไป”

ถาดอาหารถูกจัดวางเตรียมไว้แล้ว ของที่อยู่ในนั้นแทบจะดูไม่ออกว่าเป็นอะไร—ขนมปังแข็งๆ น้ำซุปใสแจ๋ว และอะไรบางอย่างที่อาจจะเคยเป็นเนื้อสัตว์ ผมหยิบถาดของตัวเองแล้วเดินตามเขาไปที่โต๊ะด้านหลังสุด

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วส่งยิ้มแหยๆ ให้ผม

“ทีนี้ล่ะของจริง”

เขาตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ

“พอตื่นนอน ให้ไปยืนในห้องขังโดยเอามือประสานไว้บนหัว อย่าทำสบู่ตกเด็ดขาด และอย่าสบตาใคร”

ผมพยักหน้า

“นายคงสังเกตแล้วว่าทุกคนที่นี่จะอยู่กันเป็นกลุ่ม”

ผมพยักหน้ารับน้อยๆ

“ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครรอดได้คนเดียว นายต้องหาคนคุ้มกะลาหัว ไม่ก็โดนล่า”

หัวใจผมเต้นเร็วขึ้น

เขายืนยันด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย

“แล้วอย่าคิดว่าพวกผู้คุมจะช่วย พวกมันชอบดูคนทรมาน การต่อสู้ การทารุณ... บางครั้งพวกมันถึงกับลงพนันกันว่าใครจะรอด”

ท้องไส้ผมปั่นป่วน

“มันไร้มนุษยธรรม”

เขายักไหล่ “ยินดีต้อนรับสู่อินเฟอร์โนเบย์ ทีนี้บอกมาสิ—นายทำอะไรเป็นบ้าง”

ผมกะพริบตาอย่างสับสน “ผมทำอาหารเป็น”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา

“ถ้างั้นนายก็ได้ทำงานในครัวกับฉัน”

ผมถอนหายใจอย่างจำยอม ผมหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักอาหารเข้าปาก รสชาติของมันเปรี้ยวเฝื่อนไร้รสจนผมอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้า แต่การปฏิเสธที่จะกินไม่ใช่ทางเลือก ผมต้องเข้มแข็งไว้

ฟ็อกซ์จ้องมองผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทำลายความเงียบ

“จะแนะนำอะไรให้อย่างนะ เด็กใหม่ หารคนคุ้มครองซะ ก่อนจะสายเกินไป”

ช้อนค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ

“พวกเขาจะฆ่าผมเหรอ”

เขาถอนหายใจหนักๆ

“ไม่ อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่พวกมันจะข่มขืนนายจนกว่าจะเบื่อ”

ท้องผมมวนไปหมด ความหิวหายวับไปทันที

“ที่นี่ไม่ใช่คุกธรรมดา” เขาพูดเสียงเข้ม “ที่นี่ นายมีทางเลือกแค่เป็นของเล่นให้ใครสักคน หรือไม่ก็ตาย”

ลมหายใจผมถี่กระชั้น

“แล้วคุณล่ะ”

เขายักไหล่

“ฉันมีคนคุ้มครองอยู่ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ฉันยังมีชีวิตรอดมาได้ นายก็จะต้องทำเหมือนกัน”

สายตาของเขากวาดไปทั่วโรงอาหาร กลุ่มคนเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วห้อง บ้างคุยกันเงียบๆ บ้างก็นั่งกินเงียบๆ

แต่ลำดับชั้นทางอำนาจนั้นชัดเจน

เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย

“มีนักโทษคนหนึ่งชื่อรีปเปอร์ อย่างที่นายเห็น ที่นี่ไม่มีใครใช้ชื่อจริงกันหรอก”

ความเย็นเยียบแล่นไปทั่วสันหลัง

“รีปเปอร์?”

เขาพยักหน้า

“เขาได้ชื่อนี้มาเพราะเขาเป็นคนตัดสินว่าใครจะอยู่หรือใครจะตายในนี้ เขาฆ่านักโทษมาแล้วนับไม่ถ้วน—และข่มขืนมาเยอะกว่านั้นอีก ว่ากันว่าเขาเคยเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย อย่ามองหน้าเขาเด็ดขาด อย่าเข้าใกล้เขา”

ปากผมแห้งผาก

“แล้วพวกผู้คุมไม่ทำอะไรเลยเหรอ”

เขาหัวเราะเสียงกลวง

“ผู้คุมน่ะเหรอ พวกนั้นก็เกรงใจเขาไม่ต่างจากนักโทษหรอก ไม่มีใครกล้าขวางทางรีปเปอร์ เขามีหูมีตาอยู่ทุกที่ ถ้าเขาตัดสินว่านายต้องตาย ก็ไม่มีทางหนีรอด ถ้าเขาอยากให้นายทรมาน ก็ไม่มีใครหน้าไหนจะหยุดเขาได้”

หัวใจผมเต้นรัวอยู่ในอก สายตาผมกวาดไปทั่วโรงอาหาร ค้นหาชื่อนั้นในเงามืด

แต่ลึกๆ แล้วผมรู้ดี—ผมไม่อยากเจอเขาเลย

ทั้งหมดที่ผมต้องการก็แค่รอดชีวิต

บทก่อนหน้า
บทถัดไป