บทที่ 05

ดันเต้ คาสเตลลี

ผมเคี้ยวอาหารคำสุดท้าย แต่ใจกลับลอยไปอยู่ที่อื่น

ติดกับอยู่ในตัวเขา

กระต่ายน้อยของผม

แค่คิดว่าได้เขานอนอยู่ใต้ร่าง—อบอุ่น ไร้ทางสู้ ตัวสั่นระริกขณะกระซิบคำว่า ‘นายท่าน’ อีกครั้ง... ให้ตายสิ

ความร้อนพลุ่งพล่านไปทั่วร่างทันที แผดเผาในเส้นเลือดราวกับไฟเหลว ความต้องการที่จะครอบครองเขามันช่างน่าอึดอัด มันตุบๆ อยู่ในกางเกงของผม เรียกร้องมากกว่านี้ เรียกร้องเดี๋ยวนี้ นับตั้งแต่การพบกันครั้งแรก มีบางอย่างในตัวผมที่แตกสลายและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่รอบๆ ตัวเขา

ผมเคยมีเรือนร่างนับไม่ถ้วนอยู่แทบเท้า ทั้งชายและหญิง... ปากมากมายที่อ้อนวอนขอเอาใจผม ร่างกายมากมายที่ยอมจำนนโดยไม่ขัดขืน

และผมก็ใช้พวกมัน

พวกเขาไม่มีความหมายอะไรเลย

เป็นแค่สิ่งรบกวนที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป

ผมไม่เคยต้องจำชื่อพวกเขา

เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอาณาจักรของผม

แก๊งของผม

ความหลงใหลของผมคืออำนาจมาโดยตลอด

เพื่อขยายอำนาจ

เพื่อครอบงำ

เพื่อควบคุม

เพื่อบดขยี้คู่แข่ง เพื่อสร้างความหวาดกลัว เพื่อทำให้ชื่อ ดันเต้ คาสเตลลี เป็นอมตะ

ผมไม่เคยหลงใหลในตัวผู้คน

แต่แล้ว... เขาก็ปรากฏตัวขึ้น

และทันใดนั้น โลกทั้งใบก็เลือนหายไปจนไร้ความสำคัญ

ตอนนี้ เขาคือความหลงใหลของผม

ไม่ใช่แค่ความอยาก

ไม่ใช่แค่ความต้องการชั่ววูบ

เขาเป็นของผม

และผมต้องการควบคุมทุกอย่าง

ทุกย่างก้าวของเขา

ทุกความคิดของเขา

ทุกลมหายใจของเขา

ผมอยากเป็นคนตัดสินใจว่าเขาจะหลับหรือตื่น ผมอยากรู้ทุกคำที่ออกจากปากเล็กๆ นั่น ผมอยากเป็นสิ่งเดียวที่เขามอง—ไม่มีสิ่งรบกวน ไม่มีทางเบี่ยงเบน

คำพูดของเขาเป็นของผม

ทั้งชีวิตของเขาอุทิศให้ผม

ความคิดที่ว่าเอไลจาห์เคยมีชีวิตก่อนหน้าผมทำให้ผมเดือดดาล ที่เขาเคยมีเพื่อน ที่เขาเคยหัวเราะกับคนอื่น ที่เขาเคยรักใครสักคนที่ไม่ใช่ผม

ผมจะลบมันทิ้งให้หมด

เขาไม่จำเป็นต้องมีอดีต เขาไม่จำเป็นต้องมีใครอื่น เขาต้องการแค่ผม

ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น... ช่างไร้เดียงสา ช่างสมบูรณ์แบบ พร้อมที่จะถูกทำลาย สร้างขึ้นใหม่ และหล่อหลอมให้มองเห็นผมเป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียวของเขา

และบั้นท้ายนั่น... ถูกสร้างมาเพื่อเป็นของผม ตึงแน่น เย้ายวน อ้อนวอนให้ฝ่ามือผมฟาดลงไป ให้ถูกตีตราด้วยนิ้วของผม ลิ้นของผม และไอ้นั่นของผม

เขาจะเป็นของผมในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้

ชื่อ ดันเต้ คาสเตลลี ยังคงเป็นตำนาน อาณาจักรของผมยังคงอยู่ แต่ทั้งหมดนั้นไม่มีความหมายถ้าเอไลจาห์ไม่ได้อยู่ข้างกายผม เขาคือคนเดียวที่ผมต้องการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

ความอดทนของผมใกล้จะหมดลงแล้ว

การรอคอยมันยาวนาน ทรมาน

แต่ตอนนี้... ช่วงเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว

อีกไม่นาน เขาจะเป็นของผม

และเขาจะทำห่าอะไรกับมันไม่ได้เลย

ฝันกลางวันของผมพังทลายลงเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่ขยับอยู่ข้างๆ ผมไม่จำเป็นต้องมองด้วยซ้ำก็รู้ว่าเป็นใคร ไวเปอร์

"ของขึ้นเหรอ" เสียงน่ารำคาญของมันแทรกผ่านความอดทนของผมขณะที่มือของมันเลื่อนไปตามต้นขา มุ่งหน้าไปยังส่วนที่นูนขึ้นมาระหว่างขาของผม "ฉันจัดการให้ได้นะ"

ผมหันหน้าไปช้าๆ แล้วคว้าข้อมือมัน บีบแรงพอที่จะทำให้มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

"ฉันบอกแล้วไง—ฉันจบกับแกแล้ว ไวเปอร์" เสียงของผมเย็นชาและอันตราย "ถ้ายังตอแยอีก คราวหน้าแกจะได้มีดจ่อคอ"

มันสะดุ้งแล้วรีบชักมือกลับ ผมหันกลับไปสนใจอาหารต่อ ไม่ใส่ใจการมีอยู่ของมันที่น่าสมเพช ผมได้สิ่งที่ผมต้องการอย่างแท้จริงแล้ว

แต่ความสงบอยู่ได้ไม่นาน

ห่างออกไปไม่กี่ฟุต มีบางอย่างดึงดูดความสนใจของผม สายตาผมจับจ้องไปที่ร่างเล็กๆ ของเอไลจาห์—ท่าเดินที่ลังเล ไม่มั่นคงของเขา และแล้วผมก็เห็นมัน

ไอ้สารเลวเจกล้าแตะต้องตัวเขา

เลือดผมเดือดพล่าน ขากรรไกรขบแน่น ความโกรธเกรี้ยวพุ่งพล่านไปทั่วร่าง เปลี่ยนกล้ามเนื้อทุกมัดให้กลายเป็นโซ่แห่งความพิโรธ ผมกำหมัดตามสัญชาตญาณ ทุกอณูในร่างกายกรีดร้องโหยหาความรุนแรง

ผมลุกขึ้นยืน ย่างก้าวหนักแน่นและมุ่งมั่น สายตาจับจ้องไปที่นักโทษสกปรกที่บังอาจเอามือมาแตะต้องของที่เป็นของผม

"ไม่ต้องห่วงนะคนสวย ฉันรู้ว่าเธอยังไม่มีกลุ่ม ฉันอยากให้เธอมาเป็นอีตัวน้อยๆ ของฉันจังเลย" เสียงของมันชุ่มโชกไปด้วยความมุ่งร้ายขณะที่มือโสโครกของมันลูบไล้ไปบนบั้นท้ายของเอไลจาห์

ลมหายใจออกจากปอดผมราวกับเสียงคำรามที่ถูกกดไว้ หน้าอกร้อนรุ่มเหมือนถ่านที่ลุกโชน

ก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมก็คว้าหัวของไอ้สารเลวนั่นแล้วกระแทกเข้ากับโต๊ะเหล็ก เลือดสาดกระจายเมื่อเกิดการกระแทก เสียงดังก้องไปทั่วโรงอาหาร นักโทษบางคนถอยห่างออกไป รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ผมยังไม่จบ

ก่อนที่มันจะทันได้กรีดร้อง ผมก็คว้ามีดจากข้างถาดอาหารแล้วแทงเข้าไปในกะโหลกของมันตรงๆ ใบมีดจมลึกลงไปพร้อมกับเสียงแตกทื่อๆ และดวงตาของมันก็เหลือกขึ้นทันที

หัวใจผมไม่ได้เต้นรัวจากอะดรีนาลีน—มันคือความเกลียดชังล้วนๆ มีคนกล้าแตะต้องตัวเขา

ผมหันไปมองเอไลจาห์ ความตกใจและความสยดสยองฉายชัดบนใบหน้าเขา ความรังเกียจในแววตาของเขากระแทกเข้าใส่ผมด้วยความรู้สึกพอใจและหงุดหงิดผสมปนเปกัน ความกลัวในดวงตาของเขายิ่งกระตุ้นความใคร่ที่เต้นรัวอยู่ข้างใน

ฟ็อกซ์เคลื่อนไหวเร็ว ลากเอไลจาห์ออกจากโรงอาหาร แต่ความโกรธยังคงแผดเผาอยู่ในอกผม

ผมกำด้ามมีดแล้วกระชากมันออกจากกะโหลกของไอ้สารเลว เลือดอุ่นๆ สาดกระเซ็นใส่แขน แต่มันยังไม่พอ ผมแทงมันอีกครั้ง

และอีกครั้ง

และอีกครั้ง

และอีกครั้ง

ผมหยุดก็ต่อเมื่อร่างของมันอ่อนปวกเปียกในที่สุด

ผมปล่อยให้ศพที่ชุ่มเลือดของมันร่วงลงบนพื้นแล้วเงยหน้าขึ้น ความเงียบนั้นน่าอึดอัด ไม่มีใครกล้าสบตาผม บางคนแสร้งทำเป็นสนใจอาหารของตัวเอง คนอื่นๆ ก้มหน้าลง หวังว่าจะหายตัวไปได้

ผมใช้นิ้วที่เปื้อนเลือดเสยผมแล้วสูดหายใจลึก

"นี่คือคำเตือน" เสียงของผมตัดผ่านความเงียบราวกับใบมีด "เด็กคนนั้นเป็นของฉัน"

สายตาผมกวาดไปทั่วโรงอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินผม จากนั้นผมก็ชี้ไปที่ศพที่ถูกทำลายยับเยินอยู่แทบเท้า

"ถ้าใครกล้าแตะต้องเขา นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น"

ผู้คุมรีบเข้ามา แต่ไม่มีใครสบตาผมสักคน พวกเขาแค่เคลื่อนย้ายศพออกไป ลบล้างการนองเลือดราวกับเป็นเรื่องปกติ ผมเดินผ่านหนึ่งในนั้นไปโดยไม่ชะลอฝีเท้าและออกคำสั่งสั้นๆ ไม่ใส่ใจมารยาท

"เอาเครื่องแบบสะอาดมาให้ฉัน"

ผมเดินต่อไป มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำส่วนตัว ผมถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดออกแล้วก้าวเข้าไปใต้น้ำร้อน ปล่อยให้มันไหลรินลงมาทั่วร่างกาย ชะล้างความตึงเครียดออกไป

กล้ามเนื้อของผมผ่อนคลายภายใต้ความร้อน—แต่จิตใจของผมล่ะ?

ยังคงลุกเป็นไฟ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป