บทที่ 6 คนเขารักกัน
คืนนั้นคีรีพาเธอไปยังหาดแม่รำพึง เป็นสถานที่ซึ่งเขาและเธอได้รู้จักกันเมื่อมารับน้องของคณะตอนที่พันสิตาอยู่ปีหนึ่ง เขารักเธอทันทีตั้งแต่แรกเห็น และตัดสินใจเริ่มจีบเธอตั้งแต่วันนั้น
ผ่านไปไม่เท่าไหร่ พันสิตาก็ต้องตอบรับน้ำใจจากเขา รับปากเป็นแฟนจะดูแลเทกแคร์กันและกัน คีรีเป็นสุภาพบุรุษมาก ทำให้เธอรักเขาสุดหัวใจ ตลอดสี่ปีไม่มีวันไหนที่เขาไม่ชวนเธอให้ไปเยี่ยมคุณแม่ของเขา แต่เธอคิดว่ายังไม่ถึงเวลา แต่วันนี้เธอรับปริญญาแล้ว คุณแม่ของพี่คีรีคงไม่ดูถูกเธอมากนัก
หลังจากที่เช็กอิน ทั้งสองคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพากันไปเดินทอดน่องอยู่ที่หน้าหาด แวะหาร้านอาหารซีฟู้ดรับประทานเพื่อฉลองความสำเร็จของหญิงคนรักในวันนี้ถึงแม้จะมากันแค่สองคน แต่ความสุขและอิ่มเอมใจมันมีมากกว่าจะหาคำใดมาเปรียบได้
เขาพาเธอเดินกลับไปยังรีสอร์ต ระหว่างทางผ่านชายทะเลที่กำลังส่งเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นฟองขาวระยับกระทบกับแสงจันทร์ที่เจิดจรัสอยู่บนฟากฟ้า เงาของพระจันทร์ตกสะท้อนกับน้ำทะเลในยามค่ำคืน ทำให้ท้องทะเลสว่างไสวน่ามองไปอีกแบบ
พันสิตายกมือขึ้นกางแล้วหมุนตัวแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่สว่างสดใสนั้น
“อากาศก็ดีๆ พระจันทร์ก็สวยๆ นะคะพี่” เธอพูดกับเขาอยู่ในอิริยาบถนั้น
คีรีสวมกอดเธอจากด้านหลัง ซุกใบหน้าลงไปบนซอกคอขาวนุ่มน่าสัมผัส
ฟอด... เขาหอมแก้มน่ามองนั้นทันทีที่เธอหันมามองหน้าเขา
“อุ้ย... ทำอะไรคะ” เธอทำตกใจสะดุ้งนิด และทำหน้าแดง
“ไม่มีใครเห็นหรอกครับ ถึงเห็นเขาคงไม่ว่าหรอก ที่แบบนี้คู่รักเท่านั้นแหละที่จะมาเดินเล่นกัน”
“ไม่อายคนก็อายฟ้าดินบ้างนะคะพี่จ๋า” เธอแกล้งว่า แต่ก็ยกมือของตัวเองจับแขนของเขาที่โอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้ พันสิตาพิงศีรษะลงไปบนหน้าอกของเขาด้วยความสุข รู้สึกสบายใจและอบอุ่นมากๆ
“ตาลจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันเลยนะ” เขาเอ่ยปากขอทันที
“หื้อ... พูดอะไรก็ไม่รู้” หญิงสาวทำขวยอาย
“พูดเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งนั้นเลย” พูดจบเขาหมุนร่างบางให้หันหน้าเข้ามาหา ใช้มือหนึ่งเชยปลายคางของหญิงสาวให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องสบกัน อีกมือกระชับไว้ที่เอวดึงร่างนุ่มนวลเข้าแนบชิด
“พี่รักตาลมากรู้ไหม ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดที่จะได้เป็นเจ้าของผู้หญิงคนนี้ อยากครอบครอง อยากอยู่ใกล้ชิด อยากนอนกอด อยากจูบ...” คำพูดที่เย้ายวนชวนฟังและทำให้คนได้ยินใจสั่น
เธอเผยออ้าปากรอเขา ตอนนี้พี่คีรีชิดใบหน้าลงมาใกล้ๆ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาบนปากนุ่มนิ่มของเธอ
“อือ...” เขาเป็นฝ่ายครางครวญบอกความพอใจเสียเอง
ปลายลิ้นที่จ้วงแทงแทรกเข้ามาหาความหวานที่ชวนหลงใหล ช่างดูดดื่มและชวนให้หลงเคลิบเคลิ้ม
“พี่รักตาลนะครับ” เขาบอกรักเธออีกครั้ง
ปลายมือของพันสิตาที่สอดขึ้นไปโอบรัดรอบคอของพี่คีรีไว้แน่นโน้มรั้งท้ายทอยของเขายึดเอาไว้
“ตาลก็รักพี่ค่ะ รักมากๆ พี่ทำให้ตาลรู้สึกอบอุ่นที่สุด ตาลมีความสุขมากๆ ค่ะ ขอบคุณที่รักกัน”
เธอโน้มใบหน้าของเขามาชิดใกล้ เขย่งปลายเท้าขึ้น แตะริมฝีปากประทับรอยจูบ คีรีรั้งท้ายทอยของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนจุมพิตแบบเด็กๆ ของเธอนั้น ให้เป็นรอยจุมพิตที่ตราตรึงใจ
ในราตรีนั้น พันสิตายินยอมพร้อมมอบกายให้เขาเชยชม เธอรักเขามาก อยากให้เขามีความสุข และตอบแทนที่เขาทำดีตลอดการคบหากัน และอีกอย่างพรุ่งนี้สองคนสัญญากันว่า ก่อนจะกลับกรุงเทพฯ จะแวะจดทะเบียนสมรสกันก่อนที่อำเภอ แล้วหลังจากนั้น คีรีจะพาตาลกลับไปบ้านของเขาในฐานะเมีย และแม่ของลูกในอนาคต
“สองหมอคู่รักครับ” ผอ. ดิลกเรียกคฑาวุธและญารินดามาหา แต่คำพูดของ ผอ. ทำให้ทั้งคู่หน้าแดง
“ครับ / ค่ะ”
“พรุ่งนี้มีเรื่องด่วน พอดีจริงๆ แล้วต้องเป็นคุณหมอสมชายและคุณหมออาคมที่ต้องไปกับหน่วยงาน............... ขึ้นไปตรวจรักษาคนไข้ที่บนยอดเขา............. แต่พอดีดันมามีเคสด่วนที่ผมอยากจะให้หมอสมชายช่วย และหมออาคมคุณยายของท่านมาเสียชีวิตกะทันหันพอดี หน้าที่นี้จึงต้องตกมาถึงคุณสองคน หวังว่าคงไม่มีปัญหานะ” ผอ. ดิลกมองลอดแว่นสายตาออกมาสบจ้องทั้งสองคน
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่มีเช่นกันครับ”
“ที่ผมเลือกคุณทั้งคู่ เพราะตอนนี้คุณสองคนก็ออกเวรแล้ว ได้กลับไปเตรียมตัว พรุ่งนี้ ตีสี่ เจอกับหน่วยรถเคลื่อนที่ได้ที่หน้าตึกศรีเทพนะครับ” สองคนต่างพากันพยักหน้ารับ
“อ่อ... ไปค้างคืนนะครับ เตรียมเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็น ไปนอนที่นั่นสองคืนนะครับ” ผอ. ดิลกพูดทิ้งท้าย
หมอเมฆและหมอเนเน่มองหน้ากัน
“ค่ะ / ครับ”
พอพ้นออกมาจากห้องของท่าน
“เย้ๆ... นึกว่าจะไม่มีโอกาสออกไปเที่ยวข้างนอกเสียแล้ว” เนเน่ส่งเสียงดีอกดีใจ พี่หมอมองหน้าเธอแล้วทำคิ้วขมวด
“ที่รักครับ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เราสองคนไปทำงานนะ ไม่ได้ไปเที่ยว” เขาย้ำ
“แต่ก็ได้ออกไปข้างนอกใช่หรือเปล่าล่ะ” เธอทำสีหน้าดี๊ด๊ามากมาย ก่อนจะสอดแขน แล้วพิงหัวมาซบลงไปที่ไหล่ของพี่หมอ
“พี่ขอโทษนะรับปากว่าจะพาเนเน่ไปเที่ยวตั้งหลายครั้ง แต่เราก็พลาดกันทุกที” เขาพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง ยกมือขึ้นขยี้หัวเธอเบาๆ
“ก็เรามาฝึกงานนะคะ ไม่ได้มาเที่ยว” เธอยืมประโยคที่เขาพูดเมื่อกี้มาใช้
“ไว้พอเราแต่งงานกัน และใช้ทุนหมด พี่จะพาเนเน่เที่ยวให้รอบประเทศไทยเลย”
“โธ่... เนเน่นึกว่าพี่หมอจะพาเนเน่เที่ยวรอบโลกเสียอีก”
