บทที่ 3 Chapter 1 ผีรุ่นแรก [2]
“มองทำไม รีบๆ กลับไปเข้าร่างของนายซะสิ ชีพจรนายเต้นอ่อนลงทุกทีๆ แล้ว อยากกลายเป็นผีจริงๆ รึไง”
หมอมองหน้าผมแล้วถามเสียงเข้มเหมือนอยากจะเอาเรื่องที่ผมเป็นฝ่ายจ้องหน้าเขาก่อน จากนั้นก็เดินจากผมไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ตอบคำถามเลย เสียมารยาทชะมัด
ผมเดินตามหลังหมอเข้ามาด้านในที่ถูกแบ่งแยกเอาไว้ชัดเจนว่ามันเป็นห้องผ่าตัด มองเห็นสายอะไรต่อมิอะไรนักก็ไม่รู้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับร่างกายของผมที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงตรงหน้า กองผ้าก๊อซและสำลีที่เปื้อนไปด้วยเลือดกองรวมกันอยู่ในถาดอลูมิเนียมชวนให้อาเจียนจนผมต้องเมินหน้าหนี
“ใจเสาะชะมัด”
“หมอว่าอะไรนะคะ”
“ผมบอกว่าขอถุงมือให้ผมด้วยครับ” พูดจบหมอก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาตรงหน้า จากนั้นผมก็เห็นพยาบาลสองคนช่วยกันสวมถุงมือให้หมอคนละข้าง
“เรียนจบตั้งหมอ ใส่ถุงมือเองไม่เป็นรึไง” ผมบ่นพึมพำแล้วรอจ้องหน้าหมออย่างท้าทาย ซึ่งพอพูดจบ นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นก็เงยขึ้นมาเขม่นผมทันทีตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้
ผมได้แต่ยืนมองทุกคนในห้องผ่าตัดทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ ทุกคนทำงานเป็นทีมได้ดีมาก แต่ว่าทำไมมันไม่เห็นมีสัญญาณอะไรสักอย่างที่บอกว่าผมจะฟื้นเลย
“หมอ”
“อะไร”
“มีอะไรรึเปล่าคะหมอ”
“ปะ เปล่าครับ”
เฮ้อ! ผมจะสื่อสารกับหมอยังไงดีล่ะเนี่ย ผมพูดกับหมอนะ หมอเงยหน้ามามองผมไม่ได้รึไงกัน จะจ้องแผลที่หัวผมทำไมกันนักกันหนา
“หมอครับ”
แล้วผมก็พยายามเรียกหมออีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้หมอไม่ยอมขานตอบเลยแฮะ สงสัยจะกลัวพยาบาลคิดว่าบ้า เอาเถอะ ยังไงซะหมอก็คือผู้มีพระคุณของผม ว่าแต่ตอนนี้นอกจากหมอแล้วไม่มีใครมองเห็นผมเลยจริงๆ เหรอ
“เฮ่ย!”
แล้วทันทีที่ผมเดินตรงเข้าไปหาร่างของตัวเองแล้วนั่งลงข้างๆ เตียง กำลังจะยกเท้าขึ้นเพื่อนอนทับร่างของตัวเองเหมือนในหนังที่เคยดู เสียงทุ้มๆ ของหมอที่อุทานออกมาแถมยังกระโดดถอยออกห่างจากผมทำเอาพยาบาลทุกคนตกอกตกใจไปตามๆ กัน ทุกคนกระโดดถอยออกห่างจากร่างของผมตามหมอไปกันหมด คิดดูเถอะว่าขนาดผมเองยังตกใจเลย รีบลุกขึ้นมานั่งมองหน้าหมอแทบไม่ทัน
“มีอะไรคะหมอ” พยาบาลคนนึงรีบถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ
“ไม่มีอะไร ผมแค่ตาฝาด”
หมอบอกเสียงเรียบแล้วช้อนหางตามองมาทางผม แต่ผมสนใจที่ไหนกัน ตอนนี้ผมว่าผมได้เวลากลับเข้าร่างแล้วหละ เพราะรู้สึกเหมือนไอ้เครื่องที่หัวเตียงมันจะบอกว่าเวลาของผมเหลือน้อยเต็มทีแล้ว สังเกตได้จากเสียงและเส้นที่เคยขึ้นๆ ลงๆ เป็นฟันปลามันกำลังเริ่มจะราบเรียบลงเรื่อยๆ
ผมตัดสินใจนอนลงเพื่อทับร่างที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายความรู้สึกก็คือไม่ใช่เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่าวิญญาณกับร่างกายของผมจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้เลย
พอผมหันไปมองที่แขนของตัวเองที่ผมพยายามยกขึ้นมา มันก็มีแค่เงาโปร่งๆ ลอยขึ้นมา ส่วนแขนจริงๆ ที่เป็นเนื้อหนังก็ยังคงวางอยู่ข้างลำตัว และถึงแม้ว่าผมจะพยายามนั่งๆ นอนๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง ผมก็ยังไม่สามารถกลับเข้าร่างได้สักที
“เฮ่ย!”
แล้วก็เป็นผมที่ร้องบ้าง เมื่อหันหน้ากลับมาอีกทีแล้วพบว่าใบหน้าของหมออยู่ใกล้กับใบหน้าของผมมากเกินไป แม้ว่าสายตาของหมอจะจับจ้องอยู่แต่ที่แผลบนหน้าผาก แต่ว่าลมหายใจของหมอก็ใกล้มากจนทำให้ผมรู้สึกอุ่นไปทั่วทั้งใบหน้า
“หมอคะ สัญญาณชีพดีขึ้นแล้วค่ะ”
ผมได้ยินพยาบาลบอกกับหมอแบบนั้น ทำให้ทั้งผมและหมอรีบหันไปมองไอ้เครื่องสี่เหลี่ยมๆ ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง ก่อนหน้านี้เส้นในนั้นแทบจะเป็นแนวนอน แต่ว่าตอนนี้มันกลับมาวิ่งขึ้นวิ่งลงได้อีกครั้งนึงแล้ว
“ไอ้ผีหื่น”
นั่นคือคำพูดที่หมอตั้งใจกัดฟันพูดกับผม แต่จะว่าผมหื่นเหรอน่ะเหรอ ผมก็ว่าเปล่านะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ตกใจที่หันมาเจอหน้าหมอก็เลยเผลอ...ใจเต้นแรง
“หมอ” ผมรีบเรียกหมอด้วยความดีใจที่รู้ว่าหัวใจของผมกำลังจะกลับมาเต้นแรงได้อีกครั้ง ผมจะไม่ตายแล้ว ผมรอดแล้ว
“หมอครับ หมอมองหน้าผมสิ”
“ขอผ้าก๊อซ”
เสียงทุ้มเข้มยังคงเอ่ยบอกพยาบาลผู้ช่วยเมื่อเขาเย็บแผลที่หัวให้ผมเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของผมเลยสักนิด แต่ผมรู้นะว่าเขาได้ยิน แล้วผมก็รู้ด้วยว่าที่เขาไม่อยากพูดกับผมคงเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขาบ้า
“ผมรู้นะว่าหมอได้ยิน ผมไม่ตายแล้วหมอ ผมไม่ตายแล้ว ได้ยินมั้ยหมอว่าผมไม่ตายแล้ว”
ผมร้องบอกพร้อมกับยกสองมือขึ้นไปจับแก้มหมอแล้วจับหันไปหันมาด้วยความดีใจ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของหมอหันไปหันมาตามแรงเหวี่ยงของมือผมจนหมอต้องถลึงตาใส่ผมเพื่อสั่งให้ผมหยุดส่ายหน้าของเขาแทนคำพูด
“เดี๋ยวผมขอเช็คอีกทีเพื่อความมั่นใจ”
ผมได้ยินหมอบอกพยาบาลเสียงเรียบ แต่แล้วอยู่ๆ ผมก็เริ่มรู้สึกอุ่นๆ ที่ใบหน้าของผมอีกครั้งเมื่อหมอโน้มใบหน้าขาวๆ ของหมอลงมามองผมใกล้ๆ นัยน์ตาสีนิลสะกดให้ผมหุบยิ้มลงทันที ก่อนจะรู้สึกตัวเบาๆ เหมือนจะลอยเมื่อได้เห็นมุมปากของคนตรงหน้าคล้ายๆ กับว่าจะกำลังค่อยๆ ยกยิ้ม
“อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นแล้วค่ะหมอ”
สิ้นเสียงพยาบาลผมก็ได้ยินเสียงหมอแค่นหัวเราะในลำคอทิ้งท้ายใส่หน้าผม ก่อนที่หมอจะค่อยๆ ถอยห่างออกจากร่างของผมไป
วินาทีนี้แม้ว่าผมจะยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ร่างเดิมได้ แต่อย่างน้อยผมก็รับรู้ได้ว่าผมรอดตายแล้วโว้ยยย!
