บทที่ 9 Chapter 2 ผีฝึกหัด [1]
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาของผม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมพยายามพลิกตัวเพื่อหลบหลักแสงแดดนั่น เพราะยังไม่อยากจะลืมตาตื่น หากแต่บางอย่างที่เพิ่งจะแวบเข้ามาในหัวก็ทำให้ผมต้องสะดุ้งเฮือกแล้วรีบผุดลุกขึ้นจากฟูกที่นอนในทันที
‘ผมตายไปแล้ว’
บางอย่างยังคงชัดเจนอยู่ในโสตประสาท ผมรีบยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองช้าๆ เพราะกลัวว่ามันจะเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา แต่ก็พบว่าทุกอย่างยังคงปกติดี ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่ยังไม่มีเลือดหรือหนองไหลออกมาอย่างที่เคยคิดเอาไว้ ร่างกายของผม ฝ่ามือ แขนและขายังคงเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว จะมีเพียงอย่างเดียวที่ผมรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนไปนั่นก็คือ...ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของผม
“ทำไมจะมาไม่โทรบอกพี่ก่อน”
เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นไม่ไกลเรียกความสนใจของผมให้เบนสายตาหันไปมอง และทันทีที่ผมเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น ทุกอย่างที่ผมอยากให้มันเป็นเพียงความฝัน ก็ตอกย้ำชัดเจนขึ้นมาอีกครั้งในทันทีว่ามันคือเรื่องจริง
“หมอ...”
ผมเปล่งเสียงเรียกหมอออกไป แต่ว่าเสียงของผมไม่ได้ดังเท่าไหร่นักเนื่องจากสายตาของผมเพิ่งจะเหลือบไปเห็นใครอีกคนนึงเข้าซะก่อน
“แล้วทำไมภีคต้องโทรบอกพี่หมอก่อนด้วยล่ะคะ หรือว่าพี่หมอแอบซ่อนใครไว้ในห้องนี้”
แล้วประโยคนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แอบสะดุ้งเบาๆ ตอนที่รู้สึกเหมือนจะโดนจ้องทั้งๆ เธอมองไม่เห็นผมสักหน่อย
หญิงสาวร่างระหงปากแดงแปร๊ดเหยียดยิ้ม แล้วจ้องหน้าหมอด้วยสายตาจับผิดหลังจากที่กวาดสายตามองสำรวจรอบห้องเป็นที่เรียบร้อย และก็เพราะสายตาของเธอนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นจากโซฟาที่ผมหลงมโนไปเองตั้งนานว่ามันที่ฟูกที่นอนบนเตียงขนาดคิงไซต์ทั้งๆ ที่มันยาวได้แค่พอเหยียดขาเท่านั้น ก่อนจะต้องรีบเดินตรงไปหลบอยู่ที่มุมตู้โชว์เพื่อแอบมองเธอคนนั้นเงียบๆ
“พี่ไม่ได้ซ่อนใครไว้ทั้งนั้น แต่ภีคก็น่าจะรู้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใครมาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“รวมภีคด้วยงั้นเหรอคะ”
“ใช่ ต่อไปนี้ถ้าเราจะมาหาพี่ที่นี่ให้โทรขออนุญาตพี่ก่อนทุกครั้ง”
ผมแอบเบะปากนิดหน่อยเมื่อได้ยินร่างสูงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ผู้หญิงคนนั้นช้อนตามองหมอด้วยสายตาเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนักเพราะใบหน้าของเธองุ้มงอลงอย่างเห็นได้ชัดจนผมเองก็อดจะแอบหัวเราะไม่ได้
“วันนี้พี่มีประชุมที่โรงพยาบาล ถ้ามีธุระสำคัญอะไรเย็นนี้พี่จะแวะเข้าไปคุยด้วยที่บ้าน”
“ภีคขอติดรถไปลงที่มหาฯ ลัยหน่อยได้มั้ยคะ”
“พี่มีประชุมตอนสาย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ภีครอได้เพราะภีคก็มีเรียนสาย” เธอคนนั้นรีบบอกแล้วฉีกยิ้ม
ผมยังคงแอบมองอยู่จากระยะไกล และกำลังยืนลุ้นอยู่ว่าหมอจะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะสีหน้าของหมอดูคล้ายจะเอือมระอาเธอคนนั้นซะเต็มประดา แต่เท่าที่ผมได้รู้จักกับหมอมาถึงแม้จะแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน ผมก็พอจะเดาได้ว่าหมอไม่กล้าเสียมารยาทเอ่ยปากไล่สุภาพสตรีหรอก
“กลับไปได้แล้วภีค”
เพล้ง!
เสียงใบหน้าของผมแตกละเอียด เพราะพูดไม่ทันขาดคำ หมอก็หักหน้าผมด้วยการเอ่ยปากไล่เธอซะแล้ว
“พี่หมอนัดใครไว้ใช้มั้ยคะ บอกภีคมาซะดีๆ”
“พี่ไม่เคยนัดใครมาที่นี่”
“งั้นพี่หมอก็ต้องซ่อนใครไว้ พี่หมอไม่เคยไล่ภีค พี่หมอเปลี่ยนไป”
นั่นไงล่ะ ผมล่ะเบื่อกับฉากน้ำเน่าๆ แบบนี้ชะมัด ให้ตายเถอะ แล้วนี่ผมจะแอบมองทำไมในเมื่อเธอมองไม่เห็นผมสักหน่อย
