บทที่ 1 บทที่ 1 การเริ่มต้น

ตึก… ตึก… ตึก…

รองเท้าส้นสูงกระทบพื้นถนนที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ หญิงสาวผมสลวยสีน้ำตาลเดินคนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไม่รู้จักมักคุ้น หลังจากเพิ่งลงเครื่องที่สนามบิน ที่นี่คงเป็นที่แรกที่อยากมา...หลังจากที่ไม่ได้มาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว…

ขาเรียวสวยก้าวเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนท้องฟ้าค่อยๆ มืดจางไป ผู้คนบางตาลงเรื่อยๆ ไปทีละคน...ทีละคน จนตอนนี้...เหลือฉันเพียงคนเดียว มีเพียงความมืดมิดของท้องฟ้ากับแสงสว่างสลัวๆ จากดวงไฟข้างทางอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น

และตอนนั้นเองมีบางอย่างทำให้ฉันหยุดเดินไปชั่วขณะ ขาแทบจะไม่แรงก้าวเดินต่อ สายตานั้นจับจ้องไปที่แผ่นหลังของใครบางคน...คนที่ทำให้ใจดวงนี้สั่นไหวอีกครั้ง ไม่รอช้า ฉันรีบวิ่งตามเขาไปแม้ขาแทบจะพยุงตัวไม่อยู่ แต่น่าเสียดายเมื่อชายผู้นั้นหายไปในความมืด ทำได้เพียงหลุบตาต่ำ รู้สึกเศร้าในใจ

แต่แล้วเหมือนสวรรค์จะเมตตา เมื่อสายตาไปสะดุดที่เขาพอดี ชายคนนั้นยืนห่างจากฉันไม่ไกลนัก รอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อความหวังที่จะได้พบกันอีกครั้งเป็นจริง จึงเดินเข้าใกล้และไม่ลังเลที่จะจับมือรั้งเขาไว้

“มะ…เอ่อ...ขอโทษค่ะ”

ความหวังนั้นจบสิ้นลงไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เคยเปื้อนใบหน้า...ทว่าไม่ใช่เขาคนนั้นที่ฉันรู้จัก ถึงจะรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ในใจ แต่ก็ก้าวเดินต่อไปตามท้องถนน

“นานมากแล้วสินะ ที่ฉันไม่ได้มาที่นี่”

ฉันทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่อยู่ริมทางเดิน แววตาเศร้าทอดมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มืดสนิทไปแล้ว มีเพียงแสงดาวริบหรี่เพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ทอแสงในนภา ดาวพวกนี้ก็ทำให้นึกถึงเรื่องของใครบางคนขึ้นมา เขามักจะพามาเดินเล่นและดูดาวที่นี่ด้วยกันบ่อยๆ ตอนที่เรา…ยังรักกัน และที่นี่ก็เป็นที่สุดท้ายที่เขาบอกเลิกฉัน ในวันนั้น…ฉันยังจำมันได้ดี…

เมื่อหลายเดือนก่อน

“คีย์เซีย”

ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเรียกชื่อหญิงสาวที่กอดอกยืนเหม่อลอย แขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กจากด้านหลัง ใบหน้าคมวางบนบ่าของเธอเบาๆ อย่างออดอ้อนซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวรับรู้ถึงความผิดปกติของเขา

“มีอะไรเหรอคะ ทำไมวันนี้มาแปลกจัง” ฉันหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับชายที่กอดซะแน่น ปกติเขาจะไม่แสดงท่าทีแบบนี้ในที่สาธารณะและยิ่งคนเยอะๆ แบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่

“เอ่อ…คือ” เขาอ้ำอึ้งที่จะพูดบางอย่างออกมา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเรียกความกล้าแล้วเผชิญหน้ากันอีกครั้ง มือทั้งสองข้างจับใบหน้านวลอย่างแผ่วเบา ทั้งสองสบตากันเนิ่นนานจนกระทั่งกล้าพอที่จะบอกบางสิ่ง

“มาสไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคีย์เซียได้อีกแล้ว…มาส…ขอโทษ...”

มือของเขาค่อยๆ เลื่อนออกจากใบหน้าขาวซีด ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป...ไปจากชีวิตของฉันตลอดกาล

“ไหนมาสบอกว่าจะดูแลกันตลอดไปไง มาสลืมแล้วเหรอ…สัญญาที่มาสพูดไว้น่ะ” สายน้ำแห่งความเสียใจเอ่อล้นเปียกชุ่มแก้มทั้งสองข้าง

ร่างกายที่เคยได้รับกอดที่แสนอบอุ่นหมุนตัวหันมาพูด

“มาสไม่ลืมหรอก...แต่มาสทำไม่ได้อีกแล้ว” น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบและเย็นชา มันทำให้ใจรู้สึกเจ็บเหมือนถูกบีบไว้

“ทำไม...บอกเหตุผลหน่อยได้ไหมว่าฉันทำอะไรผิดไป...” มือเรียวปาดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าจนหมดสิ้นและรอฟังคำตอบอย่างคาดหวัง....คาดหวังว่าเขาคงมีเหตุผลที่ดีกว่านี้...หวังว่าเขายังรักเหมือนในวันวาน...

“...ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไปได้ไหม...” มีเพียงคำขอเดียวเท่านั้นที่จะขอเขา

“ไม่ว่ามาสจะมีเหตุผลอะไร...ฉันขอแค่อยู่กับฉันเถอะนะ...”

ผู้คนเดินผ่านไปมามากมายท่ามกลางความเงียบของคนทั้งสอง แม้จะยืนห่างกันไม่ไกลนัก...แต่สำหรับเรามันชั่งไกลออกไปเรื่อยๆ

...ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง...

“มาสมีเหตุผลของมาส...ขอโทษจริงๆ”

ชายหนุ่มหันหลังเดินจากไปเพียงไม่กี่ก้าวได้หยุดเท้าลง เขาเบี่ยงหน้ากลับมาทางคนที่ฟูมฟายตรงที่เดิม เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า...

“ยังไงก็จะรักเสมอนะ...คีย์เซีย”

และคำพูดนี้คือสิ่งที่ฉันมีความสุขทุกๆ ครั้งที่เขาเอ่ยเอื้อนให้ฟัง...แต่มันไม่ใช่สำหรับครั้งนี้ มันไม่มีความสุขเลยสักนิด

เพราะสุดท้ายเขาก็จากไป… ทิ้งให้ฉันเจ็บปวดกับคำพูดของเขาอยู่คนเดียว

‘เพียงแค่สัญญาและคำบอกรักของใครบางคน มันก็ทำให้คนคนหนึ่งแทบเป็นบ้าได้เลย’

สุดท้ายเป็นยังไงน่ะเหรอ ฉันก็ต้องร้องไห้และปลอบใจตัวเองอยู่คนเดียวไง

ฉันดรอปเรียนแล้วไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศได้ราวๆ เกือบ 1 ปี เวลาที่ได้ใช้ไปนั้นมันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด ใช้ชีวิตไปวันๆ ในต่างประเทศ หมกมุ่นอยู่กับตัวเองว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า...

‘ยังไงก็จะรักเสมอนะ...คีย์เซีย’ เสียงของเขายังก้องอยู่ในหูของฉัน ฉันควรทำยังไง ทั้งที่รู้ว่าต้องลืมได้แล้ว แต่ทำไม...ทำไมยังจำคำบอกรักจอมปลอมนั่นได้อีก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ลืมเขาสักที ความทรงจำดีๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันมันมีมากกว่าที่เขาทำให้ร้องไห้ ต้องยอมรับว่ายังคงคิดถึงเขาทุกครั้งที่นึกถึงวันเก่าๆ ที่มีร่วมกัน

แต่เวลาที่ผ่านไปกับใจที่บอบช้ำนี้มันก็ทำให้ความรักจางหายไปได้เช่นกัน...เหมือนโซนสมองส่วนลึกบอกกับว่า...

‘โลกใบนี้ไม่ได้มีผู้ชายคนเดียวที่หล่อนจะต้องจมปลักนะยะ! ยังมีผู้ชายอีกหลายล้านคนที่รอหล่อนอยู่นะยัยคีย์เซีย! อย่าทำตัวเป็นนางเอกลืมรักครั้งแรกไม่ได้ไปหน่อยเลย! นังผู้หญิงโลกสวยงงงวยกับชีวิตอันวิบัติ!’

และเหมือนตัวเองก็จะได้ยินเสียงเรียกร้องที่ดูเหมือนจะด่าทอของสมองส่วนลึกบอกอยู่เร่าๆ เนื่องจากห่อเหี่ยวมานานจึงเกิดอาการฮึกเหิมอย่างแปลกประหลาด

แต่ก็จริง...ฉันควรเปิดใจรับคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตได้แล้ว ต่อจากนี้ฉันจะไม่ปิดกั้นตัวเองให้จมอยู่กับอดีตอีกต่อไป คีย์เซียคนเดิมกับชีวิตแบบใหม่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วล่ะ

“หลังจากวันนี้ไปฉันจะกลับไปเป็นคนเดิมที่เคยยิ้มได้...ฉันต้องทำให้ได้” พูดเบาๆ กับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากที่ตรงนั้น...

ในที่แห่งเดียวกันนั้น หญิงสาวจะรู้ไหม...ว่ามีใครเฝ้ามองเธอตลอดตั้งแต่ที่เธอมาที่นี่แล้ว...

ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าด้วยชุดสูทที่เจ้าตัวมักใส่เป็นประจำ หลังจากที่คุยธุระทางโทรศัพท์เสร็จ เขายังคงจับจ้องหญิงสาวที่นั่งอยู่เก้าอี้ริมทางเดินด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้พบกันอีก

“สิ่งที่เคยทำถูกแล้วใช่ไหม...” สายตายังคงไม่ละไปจากหญิงสาว

“ขอโทษนะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” ชายหนุ่มหลุบตาต่ำก่อนจะพูดคำสุดท้ายออกมาด้วยเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “ขอโทษ...”

บทถัดไป