บทที่ 3 บทที่ 2 ทะลุเลือด (2)

“คุณ! คุณเป็นใครกัน มากอดฉันทำไม ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวผู้นั้นโวยวาย คีย์เซียรู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันเริ่มจะไม่ดีแล้ว เขาไม่ใช่แฟนกันเหรอ ทำไมผู้หญิงคนนั้นพูดเหมือนไม่รู้จักกับผู้ชายที่เข้ามากอดเธอเลยล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนั้นมันก็กำลังจะลวนลามผู้หญิงอยู่สินะ…มันก็หมายความว่าเขาก็คือ…ไอ้โรคจิตอ่ะดิ! ทำไงดี! จะเรียกคนมาช่วยก่อนดีมั้ย

เธอคิดอยู่นานจน…สองคนหายไปแล้ว เวรกรรม! แล้วมันจะพาเธอคนนั้นไปทำอะไรไม่ดีรึเปล่าเนี่ย

“พี่ เข้างานกัน” ในขณะนั้นไรอันเดินเข้ามาพอดี

“ไรอัน! ไรอันเมื่อกี้พี่เจอไอ้โรคจิตกำลังลวนลามผู้หญิง”

“อะไรนะ! แล้วอยู่ไหนแล้ว”

“ไม่รู้” ตอนนี้เธอใจไม่ดีเลย

“พี่ทำใจดีๆ นะ” ไรอันจับไหล่ของเธอแล้วจ้องหน้าเพื่อเรียกสติหญิงสาวที่ดูกระวนกระวายและคิดโทษว่าเป็นความผิดของตังเองอยู่เป็นแน่ “เดี๋ยวผมไปคุยกับทางโรงแรมก่อน พี่รอก่อน” แล้วไรอันก็รีบวิ่งไป

อ๊ายยยยยยยยยยยย!

เธอหันมองไปตามเสียง จะใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?

ไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรต่อขามันก็วิ่งไปตามเสียงแล้วและเมื่อถึงตรงนั้นเธอก็เห็นไอ้โรคจิต....มัน...

มัน......

มัน...

...มันสลบไปแล้ว...

สลบไปกับใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำ

นอกจากนี้ที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่เธอกับผู้หญิงคนนั้น ยังมีผู้ชายอีกคนที่หล่อลากอยู่แม้ว่าใบหน้าของเขาจะช้ำและมีเลือดอยู่ก็เถอะ

'หล่อทะลุเลือด' นี่คือฉายาที่เธอตั้งให้เขาเมื่อกี้สดๆ ร้อนๆ เพิ่งออกจากเตา

“เป็นอะไรรึเปล่าคะ ฉันได้ยินคุณร้องเสียงดัง” คีย์เซียถามหญิงคนนั้นด้วยความเป็นห่วง แต่ทว่าคุณหนูนั่นไม่ตอบคำถามเธอแถมยังเดินไปกอดแขนผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หล่อนซะงั้น

“คุณเป็นอะไรมากไหมคะ ดูหน้าสิคะ ช้ำไปหมด” ยัยนั่นพูดไปก็จับใบหน้าผู้ชายหน้าตาหล่อไปด้วย เธอกลอกตามองบนอย่างห้ามไม่ได้ ไม่ตอบคำถามเธอไม่ว่า ยังมีหน้าไปถามคนอื่นอีก

“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ตกลงคุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” หนุ่มหล่อทะลุเลือดจับมือที่แอบลวนลามเขาทางอ้อมออกพลางถามตามมารยาทสังคมที่ควรกระทำ

“โอ๊ย! สายไหมเจ็บข้อเท้าค่ะ คุณช่วยอุ้มไหมได้รึเปล่าคะ” ว่าแล้วก็คล้องคอชายตรงหน้าหล่อนอย่างแน่นหนายิ่งกว่ากาวชั้นดีที่ติดทนติดนาน

ใครๆ ดูก็รู้ว่ามารยา เหอะๆ เธอมาช่วยผิดคนสินะ ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นคุณหนูผู้แสนน่ารัก ไม่น่าวิ่งมาช่วยเลย ยัยนี่ชื่อสายไหมเหรอ น่าจะชื่อสายสะดือเนอะ สายไหมมันชื่อไม่มีสไตล์

เธอยังคงแขวะในใจไม่เลิกเพราะคงจะพูดออกมาก็คงไม่ได้

“แล้วคุณล่ะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

“…ฉันเหรอ” นิ้วเรียวชี้หน้าตัวเองหลังจากที่มึนงงอยู่นิดหน่อยที่ชายหน้าหล่อเปื้อนเลือดถามขึ้น คีย์เซียสำรวจตัวเองและแล้วก็ค้นพบบางอย่างแดงจ้ำออกมาเล็กน้อย

“ก็แค่ขาพลิกเอง ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เธอยิ้ม

โอ๊ย! เจ็บ บอกทำไมเนี่ย

หญิงสาวยังคงยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บช้ำที่ระบมไปทั่วข้อเท้า ถ้าเขาไม่บอกเธอก็จะไม่รู้แล้วก็จะไม่เจ็บ

“พี่! ผมมาแล้ว” ไรอันวิ่งหน้าตั้งมาเลย มาพร้อมกับ รปภ.ของทางโรงแรม หมดกันชุดสูทสุดหล่อก็ไม่สามารถปิดบังความเป็นเด็กน้อยในตัวเขาได้เลย แต่ช่วยทำให้เธอเห็นว่าเขาโตขึ้นหน่อยได้ไหม

“ผมจัดการไว้แล้วล่ะ เอาตัวไปเลยครับ” นายหน้าหล่อบอกกับ รปภ. แล้วก็นำ รปภ.ไปพร้อมกับอุ้มยัยสายสะดือที่เธอตั้งฉายาให้อีกเช่นกัน เจ้าหล่อนเกาะชายหนุ่มหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแกซะอีก

“กลับบ้านกันเถอะไรอัน ง่วงแล้วอ่ะ” เธอพูดไปก็อยากจะหาวไปด้วยแรงแห่งความง่วง

“พี่ยังไม่ได้เข้าไปในงานเลยนะ จะกลับซะแล้ว” ไรอันพูดพร้อมทำหน้ายุ่ง

“ไม่ต้องมาตีหน้ายุ่งเลยนะแก มัวแต่ไปหลีหญิงที่ไหนล่ะ ฉันเลยอดเข้างานเลย”

“พี่อ่ะ” พ่อเด็กยักษ์ไม่รู้จักโตนามว่าไรอันทำหน้างอกว่าเดิม

“ไม่ต้องมาพูดมากเลย กลับบ้านกันได้แล้ว”

“แต่วันนี้พี่เจ๋งมากอ่ะ พี่ต้องเป็นวีรสตรีที่มาแรงแซงทางโค้งไม่มีใครสยบความแรงในตัวพี่ผมได้อีกแล้ว” ไรอันพรรณนาจนเธอนี่เปรียบเสมือนเป็นดาวดวงใหม่ของวงการคนดีศรีสังคมเลยนะเนี่ย น้องชายเวอร์ไปละ เธอแทบจะไม่ได้อะไรให้เลยด้วยซ้ำ

“ช่วยบ้าอะไรกัน แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังมาเจ็บตัวอีก นี่แกดูขาฉัน” พูดไปก็ตบหัวไรอันไปเบาๆ พร้อมถกกระโปรงขึ้น

“โห…ขาสวยอยู่นะพี่”

“ตลกมั้ยคะ ดูหน้าด้วย” เธอตีหน้านิ่งใส่ไรอัน

“ล้อเล่นน่า ไปหาหมอไหม”

“ไม่ไป จะกลับบ้าน”

“ไม่ไปไม่ได้แล้ว…ไปเถอะน่า”

“แต่…….”

“มา…ขี่หลังผม” ยังไม่ทันจะพูดอะไรไรอันก็ตัดบทซะเลย

“เหมือนสุภาพบุรุษเนอะ”

“แน่อยู่แล้ว ผมใจดีกับเด็กและคนชราเสมอ” ไรอันคงไม่ได้บอกว่าเธอหน้าเด็กหรอก มันว่าเธอเป็นคนชราซะมากกว่า เธอแค่วัยรุ่นตอนปลายเองนะ 24เหนาะๆ นะจะบอกให้ เขาอายุก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเธอมากนักหรอกแค่น้อยกว่า 2 ปี กว่าเธอจะระลึกเสร็จ ไรอันก็วิ่งฝุ่นตลบไปแล้ว

“ตายซะเถอะไรอัน!”

“โอ๊ยย!”

เธอที่ลืมตัวว่าขาเจ็บอยู่ออกแรงเดินอย่างเต็มเท้าเลยทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง

เดินต่อไม่ไหวแล้ว ทำไงดี จะยืนเป็นพริกชี้ฟ้าอยู่อย่างนี้เหรอ

เมื่อคิดได้เธอก็ค่อยๆ ขยับขาไปที่เก้าอี้ที่ใกล้ที่สุด เพื่อจะนั่ง และแล้วขาเธอก็รับน้ำหนักไว้ไม่ไหวเลยต้องไปนั่งกองกับพื้นอย่างง่ายดายราวกับนางเอกทีไร้แรงและกำลังแต่สำหรับเธอคงไม่ใช่นางเอกล่ะมั้ง? เพราะปกติออกจะแข็งแรง

“ผมช่วย”

ยังไม่ทันที่จะเป็นนางเอกได้นานก็มีพระเอกเข้ามาช่วยแล้วเหรอนี่ อะไรจะลงตัวขนาดนี้ เธอมองมือที่ยื่นมาพร้อมใบหน้าที่แสนจะปริ่มไปด้วยซึ้งใจในตัวพระเอกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เงยมองหน้าเขาสักนิด

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยขอบคุณแล้วก็จับมือเขาอย่างแผ่วเบาทั้งที่ใบหน้ายังเคลิ้มฝันอยู่

“เฮ้ยยยยย!!!”

เสียงที่มาดแมนของเธอกับเขาเกิดขึ้นพร้อมกัน ฟังไม่ผิดหรอกเพราะเธออุทานแบบนั้นจริงๆ ซึ่งมันไร้ความเป็นนางเอกมากๆ

หลังจากที่เงยหน้าก็พบกับ...'อะไรสักอย่างที่ไม่น่าจะใช่คน'

นี่คือความคิดแรกที่เข้ามาอยู่ในสมองเลยทำให้กรี๊ดด้วยเสียงแมนๆ ออกไปอย่างลืมตัวก่อนที่เธอจะคิดได้ว่าคงเป็นคนนั่นแหละ

“นี่คุณจะกรี๊ดทำไมครับ ผมตกใจหมด” เขาพูดพลางดึงมือเธอให้พยุงตัวลุกขึ้นยืน

“ก็ดูคุณสิ...” หญิงสาวทำหน้ากลั้นขำแบบสุดจะทน “ถ้าจะพันแผลขนาดนี้นะคะ ฉันว่าไปเป็นมัมมี่เลยดีกว่าฮ่าๆ ๆ”

ในที่สุดเธอเองก็ทนอดกลั้นที่จะขำพ่อเทพบุตรคนหล่อทะลุเลือดคนนั้นไม่ได้ ก็ดูเขาตอนนี้สิ ผ้าพันแผลพันรอบศีรษะเหลือช่องให้ตา ปาก และจมูกที่พอจะทำมองเห็น พูดและหายใจได้ ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัวเองมาก่อนเลยลูบๆ คลำๆ หน้าก่อนจะยีผมตัวเองกับความสะเพร่านี้

“ใครทำแผลให้คุณกัน ฉันว่าคงไม่ใช่หมอหรือพยาบาลแน่ ถ้าใช่เขาคงจะเกลียดคุณมากแน่ๆ” เธอยังคงแขวะเขาไม่เลิกในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามอย่างมากในการแกะผ้าพันแผลออก

“นี่คุณครับเลิกแขวะผมแล้วมาช่วยผมเอาผ้านี่ออกดีไหม” น้ำเสียงเขาที่เหมือนอารมณ์เสียนิดๆ ปนดุเธอหน่อยๆ จนเธอเพิ่งระลึกได้ก่อนจะไปช่วยเขาเอาผ้าพันแผลออก

“สายไหมนะสายไหมทำไมทำกันแบบนี้” เขาพึมพำออกมาติดน้ำเสียหงุดหงิดนิดหน่อยแต่พอที่เธอจะฟังออก

“คุณสายไหมเมื่อกี้น่ะเหรอคะ?”

“ครับ” เมื่อได้คำตอบเธอได้แต่เม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

“ว่าแต่คุณเถอะ ทำไมมานั่งกองเผละตรงนี้” เธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่งกับคำว่า ‘กองเผละ’ ของเขา นี่เหมือนกองอะไรสักอย่างเลยนะไม่ก็เหมือนเธออ้วนเผละอะไรทำนองนั้น เธอเลิกใส่ใจคำว่ากองเผละแล้วกลับมาพูดกับเขาต่อ

“ก็ไรอั….” เธอพูดไม่ทันจบ ไรอันก็วิ่งหน้าตั้งมาเช่นเดิม

“พี่..ผมมารับแล้ว..เรากลับกันเถอะ”

“ฉันขอตัวนะ หวังว่าคงแกะผ้าเองได้ คงไม่นานถึงเช้าหรอกนะคะ” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างๆ ปนขำเล็กน้อยให้เขา

“ยังจะแขวะอีกนะครับคุณ” เธอยิ้มน้อยๆ แล้วก็เดินจากไปพร้อมกันไรอันที่คอยพยุงเธออยู่

“แล้วพบกันใหม่ครับ”

เสียงที่ไล่หลังมาทำให้เธออมยิ้มอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป