บทที่ 6 บทที่ 3 เดิมพันกับนก (3)
“ส่วนไรอัน ลุงมีเรื่องให้ช่วย แกห้ามพาคีย์เซียหนีเที่ยวอีกถ้าพี่เค้าบังคับก็ไม่ต้องไปฟัง....เข้าใจมั้ย”
“ไรอัน!” เธอหันไปส่งสายตาจิกกัดไรอันที่กำลังนั่งกดดันกับครอบครัวที่แสนจะวุ่นวายนี้ เพื่อไม่ให้ไรอันรับปากพ่อของเธอ
“เอ่อ….ผม” ไรอันได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
จะอ้ำๆอึ้งๆอยู่ทำไมกันติดอ่างหรือไง*! ก็บอกลุงไปสิว่าไม่ทำ..แค่นี้ก็จบ
“งานนี้ลุงจ้างแก เอาเงินเท่าไหร่ก็บอกละกัน"
“ตกลงครับลุง เราไปคุยเรื่องงานของเรากันดีกว่าครับ” และคำรณก็เดินกอดคอไรอันเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข
เอาเข้าไป*! ฉันก็นึกว่าแกจะรักและเข้าข้างฉันบ้าง ไอ้น้องนิสัยเลว…เห็นเงินดีกว่าพี่สาวคนนี้รึไง(ถ้ามันรักคงไม่ทำแบบนี้หรอก…ไม่น่าถาม)*
“เพราะแกคนเดียวเลย ไอ้น้องบ้า” คัสตาร์ดที่ยืนอยู่ข้างๆหันหน้าอันบูดบึ้งมาทางเธอ แถมยังเบ้ปากอย่างกับจะร้องไห้ขนาดที่เด็กสามขวบยังอาย
“เพราะพี่นั่นแหละพูดเสียงดังจนพ่อได้ยิน ฉันเลยถูกลูกหลงด้วย”
“พูดมาก” เขาผลักหัวเธอจนตัวเธอเซไปหลายก้าว แหมทีผู้หญิงคนอื่นนี่นะทะนุทนอม รักษาทะนุบำรุงอย่างดี แทบจะเอาขึ้นหิ้งถวายน้ำแดงเช้าเย็น ทีน้องสาวคนนี้หาเรื่องทะเลาะกันอยู่เรื่อย เหอะ!
.
.
.
“แม่ขา แม่ช่วยบอกพ่อให้หน่อยสิว่าหนูไม่อยากไปดูงานที่ฟิตเนสเพื่อนพ่ออ่ะ”
เธอบีบๆนวดๆตามไหล่ แขน และขาเพื่ออ้อนแก้วมณีหลังจากที่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะต้องไปดูงานที่ฟิตเนส ไม่อยากไปเลย โดนบังคับตลอด
“ไปคุยกับพ่อแกเองสิ” แก้วมณีจิบน้ำชาอย่างไม่สนใจลูกสาวสักนิด นี่หนูกำลังจะเป็นนกนะคะแม่ขา!
“แม่ก็รู้ว่าพ่อไม่ยอมหรอก นะแม่นะ ช่วยหนูด้วย ให้หนูไปทำอะไรก็ได้.......นะๆๆๆ”
“ไปฟิตเนสบ้างก็ดีแล้ว ดูหุ่นแกสิ หืม” หญิงที่เริ่มมีอายุแต่ยังคงความสวยอยู่วางแก้วชาลงแล้วหันมามองหน้าลูกสาวของเธอให้เต็มตา “ไม่เจอกันหลายเดือนหน้าบวมขนาดนี้เลยหรือ?”
ไม่วายที่แม่ของเธอจะมองเธอด้วยสายตาแบบ.........
“ทำไมทุกคนต้องว่าหนูอ้วนด้วย น้ำหนักขึ้นนิดหน่อยเอง”
เฮ้อยอมรับว่าอ้วนขึ้นก็ได้ค่ะ ก็อาหารที่ต่างประเทศไม่เหมือนอาหารที่ไทยซะหน่อยแถมหนูไม่ชอบออกกำลังกายอีกน้ำหนักก็ขึ้นเป็นธรรมดา
“ถ้าอย่างนั้นยิ่งดีเลย แกจะได้ลดน้ำหนักซะบ้าง”
“แม่ขา ให้หนูไปทำอย่างอื่นเถอะนะ แม่ก็รู้นี่ว่าหนูไม่ถูกกับอะไรที่เสียเหงื่อ ไปเรียนดนตรีก็ได้ นะๆๆๆๆๆๆ” เธอซบไหล่ของแก้วมณีแถมถูหน้าขึ้นลงพลางส่งสายอ้อนวอนดั่งลูกแมวอ้อนเจ้าของ
“ยัยคีย์เซีย......นี่แค่ไปฝึกงานนะ มันจะเสียเหงื่ออะไรมากมาย บ่นเป็นคนใกล้วัยทองไปได้”
“แม่อ่ะ.......ก็หนูไม่อยากไปที่นั่นนี่.........ให้หนูไปเรียนดนตรีเถอะนะ...นะคะแม่......” เธอพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนคุณแม่ที่รัก
“ก็ได้”
“เยส!”
เธอดีดตัวขึ้นจากโซฟาอย่างดีใจจนลืมตัวว่าแก้วมณีนั่งอยู่ด้วย ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มแหยๆให้ท่านพลางเกาหัวแก้เขินกับอาการหน้าแตกแหกยับเยิน
“รักแม่ที่สุดเลย” แก้เขินเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆแม่ก่อนจะหอมแก้มท่านอย่างดีใจ
ฟอดดด!
เธอหอมแก้มแก้วมณียกใหญ่ ซ้ายขวาสลับกันอยู่หลายทีก่อนความฝันจะดับลง...
“แต่แกต้องไปดูงานที่นี่ให้เสร็จก่อน แล้วจงไปเรียนดนตรีได้”
“แม่! ใจร้ายโคตร” เธอเบ้ปากราวกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คงเดาไม่ยากว่าอาการนี้ก๊อปปี้มาจากใคร
“แม่จะส่งแกไปอยู่กับหนูมินนี่”
“อะไรนะ!” ช็อคยิ่งกว่าช็อค! ยัยมินนี่คือเพื่อนสมัยเรียนของเธอตอนมัธยม รู้ไหมยัยนี่เจ้าระเบียบเป็นอย่างยิ่ง เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียวก็ว่าได้ ตายแน่ๆงานนี้
“จะทำหรือไม่ทำ ไม่ทำพ่อแกคงไม่พอใจมากเลยนะถ้าแกไม่ทำตามที่เขาต้องการ”
“ค่ะ ใครจะกล้าไปขัดใจพ่อล่ะคะ เดี๋ยวก็กลายร่างเป็นนกหรอก” เธอบ่นกระปอดกระแปดตามประสาความบ้าบอของตัวเอง แต่คนที่ฟังคำบ่นนั้นอย่างไม่เข้าใจคือผู้หญิงที่นั่งข้างๆเธอ
“กลายเป็นนกอะไรของแก”
“ไม่มีไรหรอกแม่ หนูบ่นไปเรื่อยนั่นแหละ” เธอพูดตัดบทก่อนที่ท่านจะถามไปมากกว่านี้ ตอนนี้จิตใจกำลังเลื่อนลอยไม่มีกระจิตกระใจจะอธิบายอะไรทั้งนั้น
เมื่อลูกสาวไม่อยากอธิบายอะไรให้คนเป็นแม่ฟัง แก้วมณีก็ไม่ใส่ใจเพราะคำพูดลูกสาวที่โพล่งออกมาคงไร้สาระอีกตามเคย ตามสไตล์ของเจ้าตัวที่หาสาระไม่ค่อยได้ เมื่อคิดดังนั้นก็ส่ายหัวน้อยๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“แม่ให้คนขนเสื้อผ้าแกไปที่อพาร์ทเม้นท์หนูมินนี่แล้วนะ ลูกไปอยู่ได้เลย”
“เตรียมพร้อมจังนะคะ” เธอประชดประชันกับความพร้อมของผู้เป็นแม่ที่พร้อมจริงๆกับสถานการณ์กดดันลูกสาวแบบนี้
“แน่นอนจ้ะคุณลูกสาว”
แม่ส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้เธอ เธอเองก็ตอบกลับไปด้วยยิ้มเหมือนกัน จะต่างกันตรงที่เธอยิ้มแหยๆให้แค่นั้น
