บทที่ 1 นำเรื่อง
‘โอ๊ย!! ทำไมปวดหัวแบบนี้วะ’ ผมเอามือกุมหัวของตัวเองทันทีที่รู้สึกตัว มันปวดมากจนเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และที่สำคัญผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เพราะภาพสุดท้ายเท่าที่จำได้เหมือนผมกำลังจะจมน้ำหรืออะไรที่เกี่ยวกับน้ำซักอย่าง
“เอ่อ...ตื่นแล้วเหรอ มะ..เมื่อคืน...นายไข้ขึ้นสูงมากเลยนะ” เด็กหนุ่มหน้าตาดีถามขึ้นทันที่ผมตื่นขึ้นมา แถมท่าทางประหลาดร้อนรนหลุกหลิกอะไรขนาดนั้น ว่าแต่เจ้าแว่นคนนี้มันเป็นใครกันละ
“......................” ผมไม่รู้จะพูดอะไร แบบว่าถ้าไม่นับอาการที่มึนหัวหนักๆ แบบนี้ สมองของผมมันกลับว่างเปล่าและไม่มีอะไรตกค้างเลยซักอย่าง
“งั้นนายหิวหรือยัง เดี๋ยวเราไปทำข้าวต้มให้กินก็แล้วกันนะ” ใช่สิ! ตอนนี้ท้องของผมมันปั่นป่วนไปหมด คงเป็นเพราะหิวมากนั้นเอง ผมเลยพยักหน้าตอบไปหนึ่งที
พอเจ้าแว่นคนนั้นมันเดินเข้าไปในครัว ผมก็เริ่มลุกขึ้นมาสำรวจแล้วก็พบว่าตัวเองมีแผลหนักๆ อยู่ที่แขนขวา กับแผลที่หัว แต่ที่คิดไม่ออกเลยคือผมไปมีแผลพวกนี้มาได้ยังไง แล้วนี้ผมชอบใส่บ็อกเซอร์ลายโดเรมอนแบบนี้เหรอ ทำไมผมไม่เห็นจะคุ้นกับบ้านหลังนี้เลยนะ
โอ๊ย..ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว..
กลิ่นหอมของข้าวต้มที่เจ้าแว่นนั้นถือมามันจะผสมยาอะไรให้เรากันแน่วะ ชักไม่น่าไว้วางใจ ไม่แน่บางทีเจ้าแว่นคนนี้อาจจะเป็นคนที่ทำร้ายเราก็ได้ว่าแต่ ถ้าเจ้านั่นเป็นคนที่ทำร้ายผมแล้วทำไมต้องมาช่วยผมด้วยละ
พอเจ้าแว่นวางข้าวต้มลงบนโต๊ะมันก็น่ากินดีนี่หน่า ไม่น่าจะมียาพิษหรอกมั้ง ก็เห็นมันเป่าอยู่ ช่างเถอะหน้าใสๆ แบบนี้คงไม่มีอะไรหรอก และคงเป็นเพราะความหิวละมั้งที่ทำให้ผมต้องอ้าปากรอ
“นายชื่ออะไรอะ? ใช่ชื่ออุ่นหรือเปล่า? เราชื่อหมอทอยนะ”
“ไม่รู้” ผมไม่แน่ใจว่าผมชื่ออุ่นไหม แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันไหม แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่รู้
“แล้วบ้านนายอยู่ที่ไหน? มีญาติพี่น้องหรือเปล่า?”
“ไม่รู้” ใช่สิ..แสดงว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม แล้วบ้านผมอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้าแว่นนี่ไม่รู้จักแล้วเขาเป็นใครล่ะ
“แล้วนายเป็นอะไรถึงไปลอยอยู่ในน้ำแบบนั้น”
“ไม่รู้....” ผมไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง ทำไมผมจำอะไรไม่ได้วะ
“อะไรก็ไม่รู้ๆ สรุปว่านายเป็นใครกันแน่ ถ้ายังไม่รู้อีกเราจะโทรแจ้งตำรวจแล้วนะ!! ” พูดจบเจ้าแว่นนั่นก็ทำท่าจะขยับตัวลุกขึ้น แต่เหมือนคำว่าตำรวจจะเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเอามากๆ
ผมพยายามเอามือทุบหัวตัวเองเพื่อเรียกความทรงจำของตัวเองกลับคืนมา ผมไม่อยากเจอตำรวจ ทำไมถึงไม่อยากจะละ โอ๊ย!! ผมทุบจนตอนนี้เลือดจาดแผลเริ่มซึมออกมาแล้ว
“ไม่รู้..ไม่รู้..ไม่รู้..ไม่รู้..โอ๊ย!! ปวดหัว..ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว!! ” ตอนนี้เหมือนผมโดนอะไรแหลมๆ ทิ่มไปที่หัวจนเจ็บไปหมด แล้วเจ้าแว่นนั้นก็พยายามจะมาจับมือผมไว้ไม่ให้ทุบหัวตัวเอง
“โอเคๆ ๆ ๆ ไม่รู้ก็ไม่รู้ เดี๋ยวค่อยๆ คิดเอาละกัน ตอนนี้เลิกทุบหัวตัวเองก่อนนะ เดี๋ยวแผลจะฉีกอีก” สายตาที่เจ้าแว่นนั่นมองดูเหมือนมันจะเป็นห่วงผมจริงๆ นะ ผมเลยหยุดทุบตัวเองตามที่มันบอก
“ไม่รู้..ไม่รู้จริงๆ นะ” ผมยืนยัน
“ไม่เป็นไร..ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆ ก่อน ว่าแต่ถ้าอย่างนี้เราจะเรียกนายว่าอะไรดีละ” เออ..นั่นซิ
“น้ำ” ผมเผลอพูดเพราะตัวเองหิวน้ำเพราะตั้งแต่กินข้าวต้มลงไป ผมยังไม่ได้กินน้ำเลย
“หา!! จะให้เรียกนายว่า ‘น้ำ’ งั้นเหรอ?” ดูเหมือนเจ้าแว่นจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว ผมไม่ได้อยากให้มันเรียกผมว่าน้ำ ผมแค่หิวน้ำ
“หิวน้ำ”
“โธ่เอ๊ย!! แต่จะว่าไปเราเรียกนายว่าน้ำก็ดีเหมือนกันนะ เพราะนายลอยน้ำมา โอเค เราเรียกนายว่าน้ำก็แล้วกัน”
“ไผ่” เป็นอีกคำที่ผมรู้สึกคุ้นกับมันมาก ไม่รู้ทำไม
“หือ.. ไม่เอาหรอก ชื่อ ‘ไผ่’ ไม่เห็นจะเพราะเลย ชื่อ ‘น้ำ’ นี่แหละดีแล้วเนอะ ‘น้ำ’ เนอะ”
“อืม” ผมตอบตกลง
แล้วเจ้าแว่นนั่นมันก็ยิ้มขึ้นมาเหมือนเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจ จะว่าไปชื่ออะไรก็ได้ เพราะอย่างน้อยตอนที่ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรมันก็น่าจะดีที่จะไม่ต้องใช้ชื่อจริงๆ เพราะฉะนั้นเอาชื่ออะไรที่ผมไม่คุ้นเลยจะดีกว่า
