บทที่ 5 ตอนที่5
“ไปที่ไหนก็ได้….ที่ไม่เห็นหน้านาย!”ฉันตอบเขาไปและรีบเดินออกไปจากตรงนี้ จุดหมายปลายทางของฉันคือร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดไปจากที่มหาลัยนี่อีกสองซอยเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ฉันรับจ้างทำงานพาร์ทไทม์หลายที่และแต่ละที่ก็ได้ชั่วโมงละหกสิบบาท วันๆหนึ่งฉันต้องทำงานให้ได้เก้าชั่วโมงไม่งั้นฉันจะไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องค่าน้ำค่าไฟและค่าเทอม
ร้านสะดวกซื้อ A
20:30น.
เอริ ฐิติมน…..
พรึบ
“วันนี้พี่ต้องขอโทษเอริด้วยนะ…”
“ที่ต้องให้เธออยู่เฝ้าร้านต่ออีกจนกว่าร้านจะปิดน่ะ…”พี่น้ำฝนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกผิด เธอเป็นลูกจ้างประจำของร้านสะดวกซื้อที่เปิดถึงเที่ยงคืนของทุกวันและวันนี้เธอก็มีนัดสำคัญกับคนรู้ใจของเธอน่ะ เห็นเธอบอกฉันแบบนั้น ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้มีขายทุกอย่างและเป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างติดกระจกด้านหน้าแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากมีกล้องวงจรปิดติดทุกมุมเพื่อใช้ในการสอดส่องการหยิบของเพื่อทำการขโมยของลูกค้า
“ไม่เป็นไรค่ะ…พี่น้ำฝนรีบไปเถอะค่ะ…เดี๋ยวรถเมล์จะหมดเอา…”ฉันบอกเธอด้วยความหวังดี เธอก็มองหน้าฉันอย่างซาบซึ้งน้ำใจที่ฉันมีให้กับเธอ ที่ยอมอยู่เฝ้าร้านแทนเธอทั้งๆที่ป่านนี้ฉันควรจะไปทำงานอยู่ที่ร้านอาหารเพื่อเป็นผู้ช่วยกุ๊กแล้ว แต่โชคดีที่วันนี้ร้านอาหารที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ประจำปิดน่ะฉันเลยสามารถอยู่เฝ้าร้านแทนพี่น้ำฝนได้
“จ้า…..งั้นพี่ไปก่อนนะ…ไว้โทรคุยกันบ๊าย..”
“บ๊ายค่ะ^_^”ฉันยกมือโบกให้พี่น้ำฝนและเธอก็วิ่งออกไปจากร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยท่าทางรีบร้อน ส่วนฉันเมื่อเธอไปแล้วก็หยิบสมุดโน้ตรายงานการทำงานและรายจ่ายที่ฉันจะได้รับจากกทำงานพาร์ทไทม์ขึ้นมาบวกลบคูณหารทันทีพร้อมกับเปิดดูบัญชีธนาคารในโทรศัพท์วงเงินคงเหลือของฉันตอนนี้อยู่ที่สามหมื่นห้าพันบาท
“ค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วหนึ่งแสน…บวกกับเทอมนี้ที่ยังไม่ได้จ่ายอีกสามแสนห้าหมื่นบาท…เป็นจำนวนเงิน”
“สี่แสนห้าหมื่นบาท….”
“เห้อ…”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดกำลังใจหมดแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะดันทุรังตัวเองไปทำไมมากขนาดนี้ ฉันหวังอยากเรียนมหาลัยอินเตอร์ที่ค่าเทอมสามแสนห้าหมื่นบาท นี่ขนาดฉันเป็นเด็กนักเรียนเรียนดีได้ส่วนลดค่าเทอมห้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะเนี่ย ถ้าจะต้องจ่ายเต็มก็เจ็ดแสนกว่าอ่ะไหนจะค่าจิปาถะอะไรต่างๆนาๆของแต่ละวิชาอีก เห้อ…!
“เวลาอีกแค่สามวัน….ฉันจะไปหามาจากไหนอีกตั้ง…หลายแสน..”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง ตอนนี้ฉันเครียดมาก หมดหนทางแล้วจริงๆสงสัยต้องขายไตเพื่อส่งตัวเองเรี
ยนแล้วมั้ง….
พรึบ
จิ้มๆๆๆๆ
“อื้อ…”ฉันร้องออกมาอย่างรำคาญที่มีมือนิ่มๆของใครสักคนมาจิ้มๆที่แขนของฉันที่นอนฟุบหน้าลงไปกับเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยความเคร่งเครียดและหมดหนทางที่จะไปต่อกับชีวิตต่อจากนี้
พรึบ
“พอดีว่า….ผมหิวข้าวน่ะครับ…”เสียงเล็กแหลมของผู้ชายเอ่ยขึ้นเป็นน้ำเสียงอู้ๆอี้ๆเหมือนเขาพยายามดัดเสียง ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปเพราะนี้เป็นเวลางานฉัน ฉันจะมาอู้แบบนี้ไม่ได้
พรึบ
ฉันขมวดคิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมทันทีเมื่อพบกับพี่หมีตัวสีขาวตัวใหญ่ยักษ์ที่มีหน้าตาน่ารักและน่ากอดมากๆ ทำให้ฉันเผลออมยิ้มขึ้นมาเมื่อพี่หมียักษ์ตัวนั้นยื่นมือมาลูบศีรษะของฉันอย่างแผ่วเบาทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายลงไปได้เยอะเลย เพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน
พรึบ
“พี่หมี…หิวข้าวเหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปพลางยิ้มร่าให้เขาไปด้วย ศีรษะใหญ่ยักษ์ของพี่หมีก็พยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบว่าเขาหิวข้าว ด้านในของตุ๊กตาหมีแบร์สีขาวตัวนี้มีคนอยู่ด้านใน แต่ว่าคนคนนั้นเป็นใครกันนะ?ที่มาทำให้ฉันลืมเวลาที่เศร้าที่สุดของชีวิตไปได้น่ะ
พรึบ
ฉันลุกขึ้นเดินออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์เดินมุ่งหน้าไปยังตู้แช่ของที่เป็นชั้นๆที่จัดโซนเป็นพวกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง
“อื้อออ….ที่นี้มีแต่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง…”เมื่อฉันมองสำรวจอาหารดูแล้วก็พบว่ามีแต่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งไม่รู้ว่าพี่หมีจะทานได้รึเปล่า
“พี่หมีอยากทานอะไรดีคะ?”ฉันหันกลับมาเอ่ยถามพี่หมีอย่างขอความคิดเห็น ร่างอ้วนท้วมอุ้ยอ้ายของพี่หมีก็ค่อยๆเดินตรงดิ่งมาหาฉันพร้อมกับยืนขนาบข้างฉันและยื่นหน้าเข้าไปดูอาหารพลางยกมือขึ้นมาจิ้มๆที่ปลายคางตัวเองอย่างน่ารักๆท่าทางของพี่หมีทำให้ฉันยิ้มออกมา
พรึบ
“เอาอันนี้เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปทันทีที่เขาชี้นิ้วอ้วนไปที่กล่องอาหารในตู้แช่
พรึบ พรึบ
เขาพยักหน้าตอบฉัน ฉันก็ยิ้มและยื่นมือไปเปิดประตูตู้เเช่เพื่อหยิบกล่องอาหารที่พี่หมีเลือกออกมา
“ข้าวหมูทอด^_^”ฉันอ่านชื่ออาหารและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่หมีแล้วยิ้มกริ่มออกมาเขาก็ยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอยตัวเองทำท่าเขินอายอย่างน่ารักๆ
พรึบ
“สองกล่องเหรอ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีตัวโตน่ารักไปที่เขาทำมือชูสองนิ้วให้ฉันดู
พรึบ พรึบ
เขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง
“เดี๋ยวฉันเอาไปเวฟให้นะคะ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไป
พรึบ พรึบ
