บทที่ 1 เป็นคนเขลา

คนหื่นโหด มองร่างกายสาวบริสุทธิ์ขององค์หญิงเก้า ที่ยามนี้ปกปิดฐานะแท้จริงตนเองไว้ และนางสวมรอยเป็นสตรีชื่อว่า ‘ถิงถิง’ ผู้บกพร่องทางสติปัญญา เนื่องจากก่อนหน้านี้เสียใจอย่างหนัก ด้วยคนรักถูกฆ่าตาย จากฝีมือททหารชั่วของรัชทายาท

“ถิงถิง... เป็นคนเขลา...” ลู่ซินเหว่ยย้ำกับตนเองเช่นนั้น เพื่อแสดงบทบาทนี้ให้แนบเนียน นางไม่อยากให้ผู้ใดจับผิดได้ โดยเฉพาะบุรุษที่เป็นโจรสลัด...ซานเกอ

แสงสว่างในห้องดังกล่าววูบไหวตามการเคลื่อนที่ของเรือขนสินค้า ขับเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งจากเรือนร่างที่มีกลิ่นหอมละมุน ชวนให้บุรุษเกิดแรงกำหนัดอย่างหนัก

“แม่นางน้อย ได้ยินชัดเจนหรือไม่”

คนถูกถามพยักหน้าช้าๆ นางประหม่ายิ่งนัก ลู่ซินเหว่ยครั่นคร้ามใจ และพยายามรักษาชีวิตตนให้รอด ซึ่งหากอีกฝ่ายทำร้ายนางจนถึงชีวิต โอกาสทำภารกิจสำคัญคงหมดสิ้น

“เช่นนั้นจงตอบข้ามาให้ชื่นใจ คนเขลา ใช้ปาก และลิ้นดูดน้ำหวานจากขาที่สามของข้าเป็นหรือไม่!”

ร่างกายของหญิงสาววัยสิบหกย่างสิบเจ็ดปีแข็งทื่อ นับแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก เพิ่งเคยพบคนที่นอกจากหยาบคาย และบ้าตัณหาที่สุด เขายังพยายามหลอกล่อนางให้กระทำเรื่องน่าอับอายระหว่างชายหญิง

และก่อนถูกพามาห้องพักในเรือขนสินค้า องค์หญิงเก้า หรือ ลู่ซินเหว่ย มีอาการสะลึมสะลือหนังตาหนักอึ้ง ผิดแต่ร่างกายร้อนฉ่าไปหมด โดยเฉพาะกลีบบริสุทธิ์ที่คนหื่นโหด บังอาจสำรวจเย้าหยอกโดยไม่ให้นางได้ตั้งตัว นับแต่เขาพบนางที่ห้องรับรองส่วนตัว

ทว่าลู่ซินเหว่ยมาตกอยู่ในเงื้อมือโจรสลัดได้เยี่ยงไร ทั้งหมดช่างเป็นความอ่อนต่อโลกของนางโดยแท้

เรื่องแรก นางส่งนางกำนัลกับองครักษ์เงาปะปนไปกับคนเรือ พร้อมของใช้หลายอย่าง สองคือรับฟังเรื่องต่างๆ จากขันทีเฮา (เฮาตั๋ว) โดยฝ่ายนั้นซื้อข้อมูลจากสำนักขายข่าว กระทั่งมั่นใจว่าตนรู้ทุกอย่างแล้ว จึงวางแผนปลอมตัวเป็นแม่นางถิงถิง เพื่อโดยสารไปกับเรือขนสินค้าที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะเผิงหนาน

จากนั้นจึงหาตัวแม่ทัพโฮ่ว หรือโฮ่วหรงเข่อให้พบ เพื่อนำตราเคลื่อนทัพ รูปแกะสลัก จวีหรู* ส่วนที่เป็นฝั่งซ้ายให้แก่เขา เพื่อนำไปกระกอบกับอีกส่วนกับที่เขามีอยู่ จากนั้นก็ส่งคำสั่งให้เขารวบรวมกำลังเข้าไปช่วยอี้อ๋อง ผู้เป็นฮ่องเต้แคว้นอี้ (บิดาของนาง) ให้พ้นภัยจากฝ่ายรัชทายาทหวังเทา ซึ่งคิดก่อการกบฏ !

ซึ่งช่วงเวลานี้รัชทายาท ได้ให้คนนั่งบนบัลลังก์มังกรแทนอี้อ๋อง ฝ่ายนั้นคือฮ่องเต้เงา โดยมีฮองไทเฮาตัวร้ายชักใหญ่อยู่

ฝ่ายอี้อ๋องตัวจริง ถูกจำกัดบริการไว้ในตำหนักที่มีเวรยามแน่นหนา ก่อนหน้านั้น ลู่ซินเหว่ยได้เข้าเฝ้า กระทั่งวางแผนอย่างเร่งรีบว่านางจะเป็นผู้นำตราเคลื่อนทัพออกมาส่งมอบแก่แม่ทัพโฮ่ว

ฝ่ายแม่ทัพโฮ่ว ตัวเขาอยู่ที่เกาะเผิงหนานกำลังพักผ่อน เนื่องจากกรำศึกหนักมาหลายปีติดต่อกัน อีกทั้งฮูหยินของเขาได้จากไปพร้อมลูกในครรภ์นาง เขาจึงเก็บเงียบๆ

กระนั้นโฮ่วหรงเข่อก็ยังไม่บกพร่องต่องานของตน เขาได้ดำเนินการสั่งผลิตทั้งเรือรบ และเรือสินค้าเพื่อใช้ในการลดระยะเวลาในการขนส่งเสบียงที่ล่าช้าจากทางบก และสิ่งที่นางคิดไว้ว่าจะสำเร็จลงโดยง่ายตั้งแต่แรก ผิดที่ผิดทางไปหมด ราวกับมีใครบางคน จับตาดูเคลื่อนไหวลู่ซินเหว่ยนับแต่ลักลอบออกจากวังหลวงโดยใช้ทางหมารอด

ซึ่งหากนางล่วงรู้อีกสักนิดว่า คนที่จับตาดูนางไม่ใช่คนดีนัก ลู่ซินเหว่ยอาจจะไม่คิดออกจากวังหลวง และอาสาทำงานเสี่ยงอันตรายถึงเพียงนี้

ภายในห้องบนเรือลำใหญ่ นางกำลังเผชิญหน้ากับบุรุษตัวโต ผิวคร้ามแดด ใบหน้าเขาหล่อเหลาสมชายชาตรีอยู่หรอก ผิดแต่พิศแล้ว ป่าเถื่อน ทั้งดวงตาคมกริบเจือความกระหายอยากในเรือนร่างนาง

“นางโล ไม่ใช่สิ ของกำนัลที่เจ้าเมืองไป๋จู้ส่งมาให้ ข้าย่อมต้องสำรวจว่า มีตำหนิหรือไม่ ซานเกอ ผู้นี้ไม่นิยมกินของเหลือผู้ใด”

ยามนี้ ทุกอย่างนางรับรู้ด้วยสติที่เต็มเปี่ยม เพียงแต่ตนตั้งมั่นว่า เมื่ออยู่นอกวังหลวง จำเป็นต้องปกปิดความจริงเอาไว้ เหตุใดต้องทำอย่างนั้น เพราะลู่ซินเหว่ยขวัญกล้าเทียมฟ้า คิดว่าตนความฉลาด หากนางก็ขาดความเฉลียว จนนำภัยร้ายมาสู่ตน

ยามนี้ นางปลอมเป็นสตรีที่ถูกส่งตัวมาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้แก่ซานเกอ โจรสลัดชื่อดังไปทั่วใต้หล้านี้

“คนเขลา... เจ้าดูดน้ำหวานเป็นหรือไม่”

ได้ยินคำถามเดิมย้ำกลับมา ลู่ซินเหว่ยขนลุกซู่ๆ เหตุการณ์ยามนี้ แสนระทึกและซ่านสยิว แล้วไฉนนางจะเอาตัวรอดได้ ทั้งหมดเป็นเพราะนางสร้างเรื่องเองโดยแท้ รู้อย่างนี้นางปลอมตัวเป็นชาย หรือใส่หน้ากากหนังเพื่อให้ตนอัปลักษณ์ก็ดีหรอก แต่ลู่ซินเหว่ย กับเลือกสวมรอยเป็นสตรีปัญญาทึบ ความทรงจำเลือนหายชั่วขณะ

บทถัดไป