บทที่ 4 RIKKIE :1(2)
“มีเรื่องกับไอ้คลื่นนิดหน่อย”
“แล้วตกลงความจริงคืออะไร” เฮียหมูเดินเข้ามาคุยกับผมอย่างเป็นห่วง “ได้ยินว่ามีคนตายด้วย”
“คนเจ็บให้ไอ้เก่งดูอยู่ ไม่น่าถึงชีวิต”
“ไอ้บ้านั่นมันมาทำอะไร” แฮคชะโงกหน้ามาคุย
“แค่มาก่อกวนนั่นแหละ” เรซพูดแทรกขึ้นมาเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ แต่ทั้งหมดเป็นการคาดเดาของมันล้วนๆ ตอนเกิดเรื่องมันยังไม่ถึงที่จัดงานด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เรามาฉลองกันดีกว่า เอ้าเฮ้! ดื่มให้กับผู้นำคนใหม่ของ RED SUN” เฮียหมูยัดเบียร์ใส่มือผมแล้วชนขวดเรียกความฮึกเหิม หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องอื่น สนุกไปกับงานฉลองจนถึงตีสาม
เสียงเพลงที่เคยครึกครื้นเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเพลงจังหวะชิลๆ รถหลายคันเริ่มสลายไปจากพื้นที่
กลิ่นอายดินผสมกับหยดน้ำค้างบนหญ้าสนามลอยแตะจมูกทั้งสดชื่นทั้งทำให้อยากนอนในเวลาเดียวกัน ผมผลักผู้หญิงผมสั้นที่หอบหายใจอยู่บนตักออกหลังจากเสร็จภารกิจ เช็ดลิปสติกเหนียวๆ ที่แก้มและคอออกก่อนจะลุกขึ้นรูดซิปกางเกง เดินออกจากรถ จุดบุหรี่สูบ สักพักยัยนั่นก็ตามลงมาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง หันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างเย้ายวนใจโบกมือเดินออกไป
“ไว้มาสนุกกันใหม่นะรูปหล่อ”
“หึ....” ผมแสยะยิ้มมุมปาก ปกติผมจะไม่มีเซ็กกับผู้หญิงที่คลั่งไคล้ผมเพราะขี้เกียจมีปัญหาตามมาทีหลัง ผมจะเลือกเฉพาะผู้หญิงที่รักสนุกไปวันๆ แต่ไม่ผูกพันอย่างเช่นยัยวีเจที่เรซจ้างมานี่เป็นต้น
ผมเดินมาปิดประตูที่ยัยนั่นเปิดทิ้งเอาไว้ เหลือบไปเห็นกระเป๋าที่ทิ้งอยู่เบาะหลังอย่างไม่ตั้งใจ.... ของยัยผู้หญิงที่โดนยิง ถ้าผมไม่ล่อสาวมาที่รถก็คงไม่สังเกตว่ามีกระเป๋าหล่นอยู่ตรงเบาะหน้าแล้วผมก็จับมันโยนไปเบาะหลังอย่างรำคาญตอนที่อารมณ์กำลังเร่าร้อน
ผมเดินกลับเข้ามาในเต็นท์ซึ่งสภาพเละเทะต่างจากตอนแรกลิบลับ เฮียหมูนอนแผ่พุงสองชั้นอยู่บนโซฟา ส่วนเรซกับผู้หญิงหายไปพร้อมกับรถ ไอ้แฮคกำลังเล่นจ้ำจี้กับสาวคนที่สามบนรถบรรทุก ผมไม่ได้เห็นหรอกแค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้ว
เดินมาตบหน้าเฮียเบาๆ
“เฮียหมู”
“เหอ... เบียร์อยู่ในตู้....”
“เฮียนี่ผมเอง!”
“หา! อ้อ ริกกี้เองเหรอ” เฮียสะดุ้งทีหนึ่ง ทำปากแจ้บๆ ก่อนจะมองหน้าผมตรงๆ
“จะอยู่นี่ถึงเช้าไหม”
“อือ เมามากขับรถไม่ไหวจะนอนนี่แหละ”
“งั้นฝากเก็บกวาดด้วยนะ ผมจะกลับไปดูไอ้เก่ง”
“อือไม่มีปัญหา”
เฮียหมูรับปากแล้วหลับต่อ รู้เรื่องไหมวะนั่น ผมมองสภาพเฮียครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้เดินออกมาทันที เพราะเฮียไว้ใจได้เสมอไม่งั้นคงไม่อยู่ด้วยกันมาถึงสามปีได้หรอก
ผมกลับมาถึงคอนโดตีสี่ครึ่ง....
เก่งนอนกรนอยู่บนโซฟา แขนขวาห้อยตกลงพื้น ขาข้างหนึ่งพาดพนักท่าทางเหนื่อยมากผมไม่อยากปลุกมัน เดินผ่านมาปกติ วางกระเป๋าที่หยิบติดมือมาด้วยบนโต๊ะก่อนตรงเข้าห้องนอน กลิ่นคาวเลือดกับแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อคลุ้งแตะจมูกทันที เออว่ะ ผมเพิ่งจะคิดได้ทำไมต้องเอาร่างยัยนี่มาไว้ในห้องนอนตัวเองด้วยวะ ห้องอื่นก็มี
เป็นครั้งแรกที่ผมทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้
ร่างของยัยนั่นนอนนิ่งอยู่บนเตียง ตั้งแต่ไหล่ลงไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม แสงจากเทียนที่เก่งเป็นคนจุดสะท้อนให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนที่โผล่พ้นผ้าคลุม
จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งเมื่อแน่ใจว่ายังมีชีวิตอยู่ก็หันกลับมาระหว่างนั้นเปลือกตาที่ปิดสนิทก็ขยับไหว ผมชะงักทันควัน เดินเข้าไปข้างเตียง
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
ยัยนั่นทำหน้าหวาดกลัวทันทีที่เหลือบเห็นผม ผวาสุดแรงจนต้องร้องออกมาเพราะบาดแผลทำฤทธิ์ ผมมองท่าทางทรมานของคนตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน อยากไม่ระวังตัวเองช่วยไม่ได้
“ฉันน่ากลัวกว่าลูกปืนหรือไง”
ผมจ้องยัยนั่นอย่างหงุดหงิด ยัยนั่นทำหน้าโง่ๆ แบบที่ผมเกลียดที่สุดออกมา ให้ตายสิ คิดจะเรียกร้องความสงสารหรือไง
ผมพยายามข่มอารมณ์ถามถึงไอ้คลื่น อยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเอาตัวไปปกป้องมัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจจนผมชักรำคาญ จับตัวยัยนั่นเขย่าถามด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น แต่ก่อนที่ผมจะบีบยัยนั่นจนเละคามือไอ้เก่งก็พรวดพราดเข้ามาดึงผมออกไป
“เฮ้ยริกกี้ทำอะไร”
“เก่ง”
“ทำอะไร จะฆ่าคนไข้หรือไง”
“ไม่เกี่ยวกับมึง อย่ายุ่ง”
“ใจเย็นหน่อยสิวะ....”
ไอ้เก่งกล่อมจนผมใจเย็นลง ผมเหลือบมองยัยผู้หญิงนั่นที่นอนตัวสั่นอยู่บนเตียงแวบหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้อง ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด มองกระเป๋าบนโต๊ะนิ่งสักพักก็หยิบมาเปิดดู
มีโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์อยู่ข้างไหน ผมดูโทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรกแต่ใส่รหัสป้องกันไว้ ผมทิ้งมันลงบนโต๊ะอย่างหมดความสนใจ ค้นกระเป๋าสตางค์ดูแทน เผื่อจะมีอะไรที่เชื่อมโยงกับไอ้คลื่นบ้าง
บัตรนักศึกษาเหรอ.... หืมเรียนที่เดียวกันงั้นเหรอ
ผมไม่ได้แปลกใจอะไรมากกับชื่อสถาบันบนบัตร นอกจากบัตรประชาชนที่ระบุบ้านเลขที่กับเลขสิบสามหลักก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทิ้งกระเป๋านั่นแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกรอบ ลองสุ่มกดรหัสผ่านหกหลักลงไป
บ๊ะ!! ได้จริงด้วย หึ
คนธรรมดาๆ ก็ใช้วันเดือนปีเกิดตัวเองแบบนี้ล่ะ
ไม่มีรายชื่อติดต่อหรืออะไรที่เชื่อมโยงกับไอ้คลื่นเลยสักอย่างแต่ที่ทำผมสะดุดคือ เพนนี ผู้หญิงที่มีส่วนทำให้ฮานหัวหน้าคนเก่าของ RED SUN ออกจากทีมไป ยัยนั่นมีทั้งชื่อและก็ไลน์ของเพนนี
ผมได้กลิ่นทะแม่งๆ ขึ้นมาทันที
