บทที่ 9 ตอนที่ 3 รับผิดชอบ2

เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถูกวางยาปลุกกำหนัดให้ร่วมรักกับสตรีนางนั้น กระทั่งมีคนจากตระกูลของนางเข้ามายืนรอเป็นพยานกดดันอย่างเข้มข้น

ช่างแยบยลร้ายกาจเสียจริง!

เฉินหยางหลงยังคงยกยิ้มชอบใจพลางเอ่ย “ตระกูลหลิงเป็นตระกูลใหญ่ ถึงแม้ว่าใต้เท้าหลิงจะเจ้าเล่ห์ไปสักหน่อย แต่ได้บุตรีของเขามาครอบครองนั่นนับว่าเป็นการดี ข้ายังไม่เห็นว่ามีอะไรเสียหาย”

ฟงชินหยางได้ฟังจึงหรี่ตามองบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าแล้วเอ่ยคำตามที่ใจคิด “กระหม่อมถูกลอบวางยา บุตรีของเขาช่างหน้าไม่อาย” เขาเริ่มเดือดดาลเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้

สตรีอะไรกัน! ช่างทำตัวได้น่ารังเกียจยิ่งนัก

บุรุษโครงหน้างดงามเจ้าของตำหนักเซียนกงยังคงเอ่ยเย้า “หากเจ้ายังมิได้กลืนกินนางเข้าไปเต็มคำอย่างนั้นก็อาจจะพอปฏิเสธได้แต่นี่เจ้า...เฮ่อ!”

กล่าวจบก็ทำท่าถอนหายใจทั้งๆ ที่นัยน์ยังคงทอประกายสนุกสนาน

สหายของเขาผู้นี้ชนะศึกในสนามรบมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่กลับมาแพ้ทางสตรีตัวเล็กๆ เสียได้ มิรู้ว่าจะเห็นใจหรือขำขันดี

“ท่านกำลังเห็นใจกันใช่หรือไม่” ฟงชินหยางเสียงเข้มขึ้น ใบหน้าคมคายไม่มีแววล้อเล่นด้วยแต่อย่างใดเมื่อมองเห็นใบหน้าของสหายบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังขบขันตน น่าอายยิ่งนัก!

“เอาน่าๆ อาหยาง การมีเมียมิใช่เรื่องใหญ่ ข้าเองก็มีเมียอยู่หลายคน แต่ละค่ำคืนช่างสำราญ ไม่ดีตรงไหน ตัวข้าเองกำลังจะได้บุตรีงดงามของใต้เท้าหลิงที่ข้าแอบหลงรักมานอนกอดให้ชื่นใจ” เฉินหยางหลงเริ่มปลอบใจสหายอย่างจริงจังเมื่อเห็นสีหน้าดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ของอีกฝ่าย

ฟงชินหยางได้แต่เงียบงันมิได้เอ่ยต่อคำใด

ชายหนุ่มเริ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งตนโดยไม่สนใจสหายตรงหน้าอีกต่อไป

เขามิได้ผูกสมัครรักใคร่นาง สตรีนางนี้เป็นใครเขาไม่เคยได้รู้จัก อารมณ์ยามนั้นที่กระทำไปเขามิได้พิศมองใบหน้าของนางด้วยซ้ำ แล้วจะอยู่ร่วมเรือนกันอย่างไร หากแต่เรื่องที่เขาถูกวางยาปลุกกำหนัดจนต้องแต่งงานกันนั้นล่วงรู้ไปถึงท่านพ่อกับท่านแม่ พวกท่านคงจะผิดหวังในตัวของเขาอยู่ไม่น้อย

เฉินหยางหลงนั่งมองใบหน้าคมเข้มของสหายอย่างเข้าใจเป็นอย่างดีจึงเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างรู้ใจ

“ข้าจะไม่บอกใคร อาหยาง เรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตบุรุษอย่างฟงชินหยาง ข้าจะไม่บอกใคร”

บุรุษร่างใหญ่ในอาภรร์สีเข้มได้ยินพลันมองสบตากับสหายของตน

เจ้าของตำหนักเซียนกงยังคงเอ่ย “เรื่องนี้จะมีเพียงเราสองที่รับรู้...นะ...” กล่าวจบก็ทำท่ากรุ่มกริ่มประหนึ่งชอบตัดแขนเสื้อกับสหายตรงหน้า

ฟงชินหยางได้แต่ถอนหายใจ นี่เขาเป็นสหายกับอ๋องผู้นี้ได้อย่างไร เขายังงง!

ภายในโรงเตี๊ยมอี้ฉางแห่งเดิมที่ไม่มีเงาร่างของฟงชินหยางเข้าพักอีกต่อไป

เถ้าแก่เนี๊ยนามเหมยลี่กำลังวิ่งไปกรีดร้องไปตามมุมต่างๆ ของสวนสวยหลังโรงเตี๊ยมแห่งนี้

“ใจเย็นก่อน ข้ามิได้รู้เรื่องอันใด” เหมยลี่วิ่งไปบ่นไปหลบมือเรียวสวยของอวี้ถิงที่ไล่บีบคอตนอยู่

“คืนเงินมา” อวี้ถิงเอ่ยเสียงกดต่ำพลางแบมือไปด้วยไล่บีบคอเถ้าแก่เนี๊ยไปด้วย

“ข้านำยาปลุกกำหนัดเอาไปไว้ให้ตามคำสั่งของเจ้าและนำพาพยานมาชี้เป้ารับผิดชอบเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้า มิใช่ธุระของข้านะ เช่นนั้นข้าไม่จำเป็นต้องคืนเงินแก่เจ้า” เหมยลี่เอ่ยคำอย่างไม่ยินยอมใดๆ เงินเข้ามือมาแล้วย่อมไม่มีทางได้ออกจากมือไป นางไม่ยอม!

“สตรีใต้ร่างของท่านแม่ทัพควรเป็นข้า แล้วสตรีนางนั้นเป็นใครกัน” อวี้ถิงเริ่มคำรามถามคำถามเดิมๆ อย่างต่อเนื่อง

“นางเป็นถึงบุตรีของเสนาบดีหลิง เจ้าก็จงทำใจเสีย” เหมยลี่ทำใจดีสู้เสือกล่าวเตือนสติอวี้ถิง

“ไม่มีทาง!” หญิงสาวเจ้าของฝ่ามือที่กำลังจะเอื้อมมาบีบคอเหมยลี่เอ่ยเสียงกดต่ำดวงตาวาวแดง “ข้าไม่มีทางปล่อยสตรีนางนั้นให้ลอยนวล ข้าจะตามราวีมิให้นางได้เป็นสุข”

เหมยลี่วิ่งหลบมุมปากก็พร่ำถาม “เจ้าจะไปเป็นอนุให้ท่านแม่ทัพหรือไร”

อวี้ถิงสะบัดเสียงกลับ “ไม่มีทาง ข้าจะต้องได้แม่ทัพฟงเป็นสามีของข้าแต่เพียงผู้เดียว”

“แต่พวกเขาจะแต่งงานกันในเร็ววัน” เถ้าแก้เนี๊ยกล่าวออกมาเมื่อร่างงามของตนหลบอยู่หลังพุ่มไม้ได้สำเร็จ

“แต่งได้ก็หย่าได้” อวี้ถิงยังคงดุดันในน้ำเสียงพลางยืน ทะมึงทึงอยู่เหนือพุ่มไม้นั้น “หากไม่หย่าข้าจะฆ่านางทิ้งเสีย”

เหมยลี่ถึงกับชะงักจ้องมองอวี้ถิงนิ่งงัน

ดียิ่งนักที่ท่านแม่ทัพมิได้สตรีนางนี้เป็นเมีย เฮ่อ!

สามวันผ่านมาช่างรวดเร็วประหนึ่งว่าเป็นเวลาแค่หนึ่งเค่อ

ค่ำคืนอันเป็นมงคลที่ประดับประดาไปด้วยม่านมุ้งสีแดงจนเต็มพื้นที่ เจ้าสาวในชุดสีแดงมงคลกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวอยู่ภายในห้องหอสีแดงสดอย่างเดียวดายเงียบเชียบภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกับอาภรณ์

นางกำลังนั่งอยู่ด้วยอาการตื่นกลัวอยู่ไม่น้อยกับการสมรสที่รวดเร็วรวบรัดนี้

นางถูกบ่าวไพร่คุมตัวเอาไว้มิให้คลาดสายตามาตลอดสามวันกระทั่งวันส่งตัวขึ้นเกี้ยวแล้วเดินทางรอนแรมมานั่งอย่างเดียวดายอยู่ตรงนี้

เจ้าบ่าวของนางก็ช่างน่ากลัวยิ่งนัก นางเป็นของเขาด้วยวิธีผิดๆ และเขายังต้องรับผิดชอบนางด้วยความจำใจ

มองดูสีหน้าของเขาเมื่อวันก่อนนั่นประไร เขาจะฆ่านางหรือไม่นางยังมิอาจคาดเดา

หลิงเวยนั่งกำมือแน่นอยู่ตรงโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีแดงกลางห้องแห่งเรือนหอ นางนั่งอยู่ด้วยเนื้อตัวสั่นเทากระทั่งโต๊ะตรงหน้ายังรับแรงสะเทือนนั้นดังกึกๆ

นางผิดเองที่แอบหนีออกจากจวนในวันนั้นแล้วแอบเข้าไปนอนที่ห้องพักนั่นจนกระทั่งแผนการขยับขยายตระกูลของบิดาได้สำเร็จลุล่วงส่งผลให้บุรุษผู้นี้ต้องรับเคราะห์ไปกับนาง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป