บทที่ 3 แบบนี้ก็ได้หรือ??
หลังจากที่แม่เฒ่าเหลียนได้ไปตกลงยกหลานสาวให้กับเจ้าหนุ่มบ้านอวิ๋นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่เฒ่าก็เรียกลูกสาวมาหารือเรื่องสินเดิมของหลานสาวโดยไม่สนใจว่าอวิ๋นเซียวจะมีสินสอดมาสู่ขอหลานสาวตัวเองหรือไม่
ส่วนลูกชายกับลูกเขยนางไล่ให้เข้าป่าไปล่าสัตว์ ลูกสะใภ้อยู่ช่วยงานที่บ้าน พ่อเฒ่าเหลียนไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านว่าลูกสาวและลูกเขยย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านต้าหลี่แห่งนี้
“เหมยชิงแม่ว่าเราต้องเตรียมสินเดิมให้อาโหยวติดตัวไปบ้าง ถึงแม่จะไม่รู้ว่าอาเซียวจะมีสินสอดมาแต่งอาโหยวหรือไม่ ทางเราเองไม่ต้องการสินสอดอันใดขอเพียงอาโหยวปลอดภัยไม่ต้องตกเป็นเมียน้อยผู้อื่นแม่ย่อมยินดี”
“ข้าเห็นด้วยกับท่านแม่เจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่ได้มีเงินทองอันใดเท่าที่มีอยู่น้อยนิดเราจะเอาอะไรมาเป็นสินเดิมให้อาโหยวดีเจ้าคะ” เหมยชิง
“แม่มีผ้าอยู่ทำผ้าห่มให้อาโหยวดีหรือไม่ ตัดชุดใหม่ให้อาโหยวสัก 2 ชุด แล้วก็ให้ธัญพืชหยาบกับข้าวสารไปสัก 5 ชั่ง ถ้ามากกว่านี้เห็นทีจะไม่ไหว มันกะทันหันเกินไป แม่เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร อีกอย่างหลานสาวของเจ้าเพิ่งออกเรือนไป บ้านเราไม่มีใครที่อยู่ในวัยออกเรือนอีก จึงไม่มีของที่เตรียมเอาไว้ หลานชายเจ้ายังเล็กอีกนานกว่าจะแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ ได้เท่านี้ก็นับว่าดีมากแล้ว”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านแม่พลอยมาลำบากไปด้วยนะเจ้าคะ”
“หาใช่ความผิดของเจ้า ยายเฒ่าบ้านเว่ยนั่นล่ะที่ผิด เจ้าอย่าคิดมากเลย พวกเจ้ามาอยู่เสียที่นี่ก็ดีแล้วลำพังพี่ใหญ่เจ้าขึ้นเขาไปแค่คนเดียวก็ล่าอะไรมากไม่ได้อยู่แล้ว ลูกเขยมีความสามารถต่อไปนี้บ้านเราคงลืมตาอ้าปากได้บ้าง” แม่เฒ่าเหลียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นรบกวนท่านแม่เย็บผ้าห่ม ส่วนข้าจะขอให้พี่สะใภ้มาช่วยตัดชุดจะได้เสร็จเร็ว ๆ ไม่รู้ว่าอาเซียวจะมารับตัวอาโหยววันไหน ข้าเองก็อยากให้อาโหยวออกเรือนไปเร็ว ๆ ข้าไม่วางใจเจ้าค่ะ”
ทางด้านอวิ๋นเซียวเองก็กำลังหนักใจอยู่ไม่น้อยด้วยตัวเองแต่เดิมทีไม่คิดมีภรรยาแต่ทว่ามันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน เขาเองไม่สามารถอยู่ดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคนได้ตลอดเวลา จำต้องมีภรรยาช่วยแบ่งเบาภาระจึงจะดี แต่เขาเองก็ยากจนข้นแค้นเสียนี่กระไร แล้วจะเอาอะไรไปสู่ขอภรรยา
“พี่ใหญ่ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่ท่านจะแต่งพี่สะใภ้เข้าบ้าน” อวิ๋นซวน
“จริง จะได้มีคนคอยดูแลพวกเจ้าในตอนที่ข้าเข้าป่าล่าสัตว์หลาย ๆ วัน”
“พี่ใหญ่เจ้าคะ แล้วพี่สะใภ้จะยินดีมาอยู่บ้านเราหรือเจ้าคะ นางจะไม่รังเกียจครอบครัวพวกเราใช่หรือไม่เจ้าคะ” อวิ๋นเฟย
“พวกเจ้าวางใจเถอะ ท่านยายเหลียนบอกว่านางเป็นคนดีมาก จะจริงไม่จริงอย่างไรไม่สู้รอให้ข้าแต่งนางเข้ามาก่อนค่อยว่ากันอีกที หากนางไม่ดีต่อพวกเจ้าพี่ค่อยหย่าขาดจากนางก็ยังไม่สาย”
“ขอรับพี่ใหญ่”
“ข้าเชื่อพี่ใหญ่เจ้าค่ะ แต่ว่าแล้วพี่ใหญ่จะเอาอะไรไปสู่ขอพี่สะใภ้ บ้านเราเองก็ไม่มีอะไรที่จะนำมาเป็นสินสอดได้เลยนะเจ้าคะ ทรัพย์สมบัติของท่านพ่อท่านแม่ก็ถูกบ้านลุงใหญ่เอาไปหมดแล้ว”
“พี่คงต้องเข้าป่า เผื่อจะได้หมูป่าสักตัวเอาไปสู่ขอพี่สะใภ้ให้พวกเจ้า”
แบบนี้ก็ได้หรือเจ้าคะ ข้าไม่เห็นใครเขานำหมูไปเป็นสินสอดเลย หากล่าหมูไม่ได้เล่าเจ้าคะจะทำเช่นไรดี" อวิ๋นเฟยพูดออกมาด้วยความทุกข์ใจ
จากนั้นสามพี่น้องก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นว่าเวลาไม่รอช้าแล้วอวิ๋นเซียวก็เข้าป่าไปแสวงโชคทันทีโดยที่วันนี้เขาเข้าป่าไปลึกกว่าทุกทีด้วยหวังว่าจะล่าหมู่ป่าได้สักตัวเพื่อนำมาเป็นสินสอดสู่ขอภรรยา
ทางด้านเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงเดินขึ้นเขาและวันนี้พวกเขาเองก็ตัดสินใจเข้าป่าลึกด้วยเช่นเดียวกันด้วยหวังว่าการเข้าป่าลึกในครั้งนี้พวกเขาจะมีโชคลาภสักครั้ง
“พี่ใหญ่ข้าว่าเราวางกับดักแถวนี้เถอะขอรับอย่าได้เข้าป่าไปลึกมากว่านี้เลยข้าว่ามันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เผื่อว่ามีสัตว์ป่าดุร้ายขึ้นมาเราเองจะลำบาก” เจี้ยนป๋อ
“ได้เอาตามที่เจ้าว่า” เหลียนอี้ปิง
จากนั้นทั้งสองคนได้แยกกันไปวางกับดัก เมื่อเสร็จแล้วจึงได้ตกลงกันว่าจะช่วยกันขุดหลุมกับดักเอาไว้เพื่อรอเวลาตรวจดูกับดักจากนั้นค่อยลงเขากลับบ้าน
ตอนนี้แม่เฒ่าเหลียนและลูกสาวรวมถึงลูกสะใภ้ต่างวุ่นวายช่วยกันตัดเย็บชุดและผ้าห่ม พ่อเฒ่าเหลียนเมื่อกลับมาจากบ้านของผู้นำหมู่บ้านก็พาหลานชายทั้งสามออกไปถอนหญ้าและรดน้ำข้าวสาลีที่ปลูกเอาไว้
หลานชายทั้งสามต่างช่วยงานท่านปู่และท่านตาด้วยความขยันขันแข็ง เหลียนอี้ปิงมีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน ส่วนลูกสาวเพิ่งแต่งงานออกเรือนไปเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้เหลือแต่ลูกชายคือเหลียนอี้หลุน อายุ 15 หนาว ซึ่งมากกว่าเว่ยหย่งคัง 1 หนาวและมากกว่าเว่ยหย่งหมิงถึง 8 หนาวเลยทีเดียว
ตอนนี้คนที่ว่างงานที่สุดคือเว่ยจื้อโหยวนอกจากจะไม่ต้องทำอันใดแล้วนางมีหน้าที่แค่นอนรอแต่งออกไปเท่านั้น บาดแผลของนางไม่นับว่าหนักหนาอันใด จะหนักที่สุดเห็นจะเป็นที่หน้าผากของนางที่โดนย่าแท้ ๆ และป้าสะใภ้ผลักจนล้มลงไปหน้าผากกระแทกกับท่อนฟืนที่วางอยู่ จากนั้นก็โดนทุบตีอีกไม่น้อยนี่คงเป็นสาเหตุทำให้เจ้าของร่างตายและวิญญาณของนางเข้ามาอยู่แทน
ยามโหย่วเหลียนอี้ปิงและเว่ยเจียนป๋อก็กลับมาถึงบ้าน พวกเขาได้ไก่ฟ้ามาทั้งหมด 5 ตัวและกระต่ายป่า 3 ตัว ส่วนหลุมกับดักที่ขุดเอาไว้พรุ่งนี้ถึงจะขึ้นไปดูอีกครั้งรวมถึงกับดักที่วางเอาไว้ด้วย
ทางด้านอวิ๋นเซียวที่ตอนนี้มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อที่จะล่าหมูป่าไปสู่ขอภรรยาแต่งเข้าบ้าน แต่เขาเดินเข้าป่าลึกมามากกว่าปกติแต่ยังไม่มีวี่แววหรือร่องรอยของหมู่ป่าให้เห็นเลย
“เฮ้อ! การจะแต่งเมียสักคนมันช่างยากเย็นเสียจริง หวังว่าข้าจะล่าหมูได้เพื่อนำไปเป็นสินสอดนะ หากข้าจะไปสู่ขอภรรยามือเปล่าก็ดูจะเกินไปหน่อย” อวิ๋นเซียวบ่นออกมา
หลังจากเดินเข้ามาในป่าลึกมากอวิ๋นเซียวเริ่มวางกับดัก หลังจากวางกับดักเอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้หาที่นั่งพักเพื่อกินอาหารที่นำมาจากบ้านและหาที่นอนในคืนนี้ เขาตั้งใจว่าจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะได้หมูหรือสัตว์ป่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไก่และกระต่ายหวังว่าเขาจะโชคดีสักครั้ง
อวิ๋นเซียวกินนอนอยู่ในป่า 2 วัน 2 คืน เช้าวันที่ 3 เขากลับออกจากป่าพร้อมกับหมูป่าตัวใหญ่หนึ่งตัว และมีไก่ป่า กระต่ายป่าอีกไม่น้อย ถึงแม้จะเหนื่อยล้ามากขนาดไหนแต่เขาก็พยายามแบกหมูป่ามาจนถึงบริเวณที่เขาเอารถเข็นมาซ่อนเอาไว้เมื่อเอาสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ทั้งหมดใส่ในรถเข็นเรียบร้อยแล้วเขาถึงกับเข่าทรุดหมดแรงนั่งลงไปตรงนั้นทันที
อวิ๋นเซียวนั่งพักอยู่ประมาณ 2 เค่อ หลังจากดื่มน้ำและกินผิงกั่วป่าไป 3 ลูก เขาถึงได้เข็นรถออกจากป่าและตรงกลับบ้านทันทีพร้อมกับหมูป่าที่จะนำไปเป็นสินสอดแต่งภรรยาเข้าบ้าน
พอพ้นจากชายป่าเขาเข็นรถกลับบ้านด้วยความรีบเร่งไม่รู้ว่าป่านนี้น้องสาวน้องชายเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากรีบเร่งเดินในที่สุดก็ถึงหมู่บ้านเสียที อวิ๋นเซียวไม่ได้สนใจทักทายใครระหว่างทางด้วยความเป็นห่วงน้องชายและน้องสาวเขาค้างคืนในป่าถึง 2 คืนไม่รู้ว่าคนเห็นแก่ตัวพวกนั้นจะมาหาเรื่องรังแกน้อง ๆ ของเขาหรือไม่
ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงบ้านอวิ๋นเซียวได้ยินเสียงด่าทอของป้าสะใภ้มาจากทางบ้านของเขาและเสียงของน้องชายน้องสาวร้องไห้ดังออกมา ไม่รอช้าเขารีบเข็นรถเข้าไปซ่อนเอาไว้ในดงหญ้ารกที่ขึ้นสูงจนเลยเอวของเขาจากเมื่อดูจนแน่ใจว่าไม่มีมองเห็นรถเข็นของเขาแน่ ๆ เขาถึงได้รีบร้อนวิ่งกลับบ้านไปทันที
“เจ้าเด็กเหลือขอปล่อยข้านะ ปล่อยมือจากข้าบัดเดี๋ยวนี้ อยากเจ็บตัวอีกใช่หรือไม่ ห๊ะ ปล่อย ข้าบอกให้ปล่อยไง” นางเฉียนซื่อด่าทออวิ๋นเฟยพร้อมทั้งพยายามดึงมือที่เต็มไปด้วยข้าวของเต็มทั้งสองมือ
“ท่านป้าสะใภ้ท่านคืนของบ้านข้ามาก่อน ท่านจะมาเอาข้าวของบ้านข้าไปแบบนี้ไม่ได้” อวิ๋นซวน
“ไอ้เด็กเหลือขอใครให้หน้าเจ้า กล้าดียังไงมาขัดขวางข้า ขนาดพ่อแม่ของพวกเจ้ายังไม่มีปัญญาขัดขวางข้า คอยดูเถอะข้าจะจับพวกเจ้าไปขายเป็นทาสให้หมด ของพวกเข้างั้นรึหากข้าอยากได้ย่อมต้องเป็นของข้า”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด” อวิ๋นเซียว
“อ่อ กลับมาก็ดีแล้ว หลานอกตัญญูไม่รู้จักตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนคนบ้านใหญ่ ยังมีหน้ามาตวาดใส่ข้าอีกหรือ”
“ข้ากับพวกท่านไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกันอีก ข้าวของพวกนี้เป็นของบ้านข้ากรุณาวางลงด้วย หาไม่แล้วอย่าหาว่าข้าหยาบคาย หนังสือตัดขาดในมือข้ายังมี ข้าไม่กลัวว่าจะเสียเวลาหากจะเดินทางเข้าเมืองเพื่อนำไปยื่นกับทางการ ท่านจะเอาอย่างไร เป็นพวกท่านที่ขับไล่ไสส่งพวกเราออกมา ทรัพย์สินของท่านพ่อท่านแม่ข้าพวกท่านยึดเอาไปหมดแล้วพวกท่านยังต้องการอะไรอีก”
“เจ้า.. เจ้ากล้าหรือ” นางเฉียนซื่อชี้หน้าอวิ๋นเซียวปากคอสั่น
“กล้าหรือไม่ ท่านจะลองดูก็ได้นะ ข้าจะได้แจ้งทหารรักษาการเมืองด้วยว่า ท่านทำร้ายร่างกายน้องชายน้องสาวข้า อีกทั้งยังรื้อค้นข้าวของในบ้านข้าทั้งยังหยิบฉวยข้าวของในบ้านข้าไปด้วย ความผิดของท่านหลายกระทงเช่นนี้มิพ้นนอนคุก ท่านจะลองดูหรือไม่”
“อ๊าย ไอ้เด็กเหลือขอ สารเลว สารเลวเหมือนพ่อแม่พวกแก”
“พี่ใหญ่ ขอบคุณที่ท่านกลับมาทันเวลา หาไม่แล้วข้ากับน้องสาวคงต้องเจ็บหนักแน่” อวิ๋นซวน
“พวกเจ้าบาดเจ็บหรือไม่”
“ไม่ขอรับ”
“ข้าเองก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่ว่าป้าสะใภ้ต้องมาอีกแน่ ๆ คนอย่างนางคงไม่ยอมรามือ พี่ใหญ่ว่าเราแจ้งความกับทางการดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ถ้านางมาหาเรื่องอีกครั้งข้าจะเข้าไปแจ้งความกับทางการ พวกเจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เข้าบ้านเถอะ ข้ากลับไปเอารถเข็นก่อน”
“ขอรับพี่ใหญ่”
ยามเว่ยอวิ๋นเซียวพร้อมด้วยน้องชายน้องสาวเข็นรถที่มีหมูป่าตัวเขื่องพร้อมด้วยไข่ไก่ป่า 20 ฟอง กระต่ายป่า 5 ตัว ไปยังบ้านตระกูลเหลียน ระหว่างทางมีชาวบ้านถามพวกเขาสามพี่น้องว่านำหมูป่ามาขายในหมู่บ้านหรือ อวิ๋นเซียวเพียงตอบว่าไม่ได้นำมาขายเพียงเท่านั้นเขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้
ในเวลาต่อมาชาวบ้านถึงได้รู้ว่าอวิ๋นเซียวและน้องชายน้องสาว ชายหนุ่มยากจนได้นำหมูและของป่ามาเป็นสินสอดเพื่อสู่ขอหลานสาวบ้านเหลียนแต่งเป็นภรรยาเข้าบ้าน เรื่องในครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทาอยู่หลายวัน
บางคนก็อดสงสารหญิงสาวที่จะต้องแต่งเข้าไปบ้านอวิ๋น แต่คนที่เสียใจที่สุดเห็นจะเป็นหญิงสาวหลายคนในหมู่บ้านที่หมายตาอวิ๋นเซียวเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เว่ยจื้อโหยวจึงต้องกลับไปพร้อมกับอวิ๋นเซียวในวันเดียวกัน ช่างเป็นงานแต่งงานที่เรียบง่ายและรวดเร็วเสียจนเว่ยจื้อโหยวเตรียมตัวไม่ทัน
