บทที่ 13 เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ

“คุณทราบแล้วใช่ไหมคะ ว่าพิมลมีลูกสาว”

“ผมรู้แล้วล่ะ”

พิมลตราโล่งใจ ที่เขารู้เรื่องส่วนตัวเธอทั้งหมด ไม่อยากมีอะไรปิดบังกัน

“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ”

เธอเงยหน้าสบตาเขา ครู่หนึ่งใบหน้าอีกคนโน้มเข้าหา ท่วงทำนองตามธรรมชาติของมนุษย์ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้พิมลตราเต็มใจตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ ให้สมกับความกรุณาที่มีให้

เด็กสาวยืนดูบ้านหลังน้อย ที่ตนเองอาศัยอยู่กับมารดามาหลายปีด้วยความอาลัย ไม่อยากไปจากที่นี่เพราะเธอกำลังรอบคอยใครคนหนึ่งให้กลับมา มองเยื้องไปซ้ายมือเห็นเค้าโครงแห่งความเสียหาย จากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ภาพที่เคยเห็นยังคงติดตา พลอยภัทราไม่อาจทำอะไรได้ เธอยังเด็กนัก ไม่กล้าเผชิญกับความกลัว แม้รู้ว่าใครคือผู้ก่อเหตุ

มือน้อยกำกระเป๋าแน่น หากจากที่นี่ไปเธอคงไม่มีโอกาสได้เจอหน้าพี่เวย์อีกแล้ว ครอบครัวคุณลุงเหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แล้วเมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีก แม้เวลาล่วงเลยมาหลายเดือน เธอยังไม่อาจลบเลือนความเจ็บปวดจากอดีต

“ไปกันได้แล้วยัยพลอย”พิมลตราเรียกบุตรสาว

“ถ้าเราไป พี่เวย์จะหาเราไม่เจอนะแม่”

“เวย์เขามีครอบครัวที่ดีแล้วพลอย แกต่างหากที่ต้องเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว จะมาจมปลักอยู่ตรงนี้ไม่ได้หรอก”

พลอยภัทรากัดริมฝีปากกลั้นสะอื้น ยอมขึ้นรถตู้ที่มารับอย่างว่าง่ายมองดูบ้านของคุณลุงวิรุตม์ น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม

“ลาก่อนนะคะคุณลุง คุณป้า รินแล้วก็พี่เวย์”เสียงแผ่วพึมพำออกมา แล้วสะอื้นไห้ คนเป็นแม่มองแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

รถเคลื่อนมาจอดเทียบหน้าบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ สองแม่ลูกลงจากรถเดินเข้าสู่ตัวบ้าน ก่อนข้าวของจะถูกขนออกมาวางไว้จนเรียบร้อย พิมลตราสำรวจภายในมันถูกตกแต่งเรียบร้อยหมดแล้ว เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างครบครัน แค่ขนเสื้อผ้ามาอย่างเดียวสามารถเข้าอยู่ได้เลย

“ถ้าคุณชัยเชษฐ์มาทำตัวดีๆ นะพลอย รู้ไหม”คนเป็นแม่สอนขณะจัดของเข้าที่

“คุณชัยเชษฐ์เป็นใครเหรอแม่”

“เป็นพ่อเลี้ยงแกไง”

เด็กสาวชะงักมองแม่ด้วยความไม่เข้าใจ ที่ว่าพ่อเลี้ยงหมายถึง สามีใหม่แม่งั้นเหรอ

“เป็นพ่อพลอยเหรอคะ”

“ใช่”

พลอยภัทราพูดไม่ออก เธอก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของต่อ ทุกอย่างที่มีในวันนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงมารดาทั้งนั้น  ไม่มีประโยชน์จะไปสอบถามเรื่องของผู้ใหญ่

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มหน้าบ้าน พิมลตรารีบวางมือก่อนเปิดประตูต้อนรับ เด็กสาวลุกยืนเห็นแม่เดินควงชายหน้าตาคุ้นเคย พลอยภัทรานิ่งอึ้งจ้องมองใบหน้าเขาไม่วางตา

“ยัยพลอย นี่คุณชัยเชษฐ์”คนเป็นแม่แนะนำ แต่ลูกกับไม่มีอาการตอบสนอง “ยัยพลอย!”

เด็กสาวสะดุ้ง แล้วรีบยกมือกระพุ่มไหว้

“สวัสดีค่ะ”

“นี่ลูกสาวเหรอ เพิ่งเห็นหน้าชัดๆ วันนี้แหละ”

“ใช่ค่ะ ลูกสาว”

“โตเป็นสาวแล้วนะ คงมีหนุ่มมาจีบเยอะ หน้าตาสวยไม่เบาเลย”ชัยเชษฐ์ยิ้มอ่อนโยน

“ยังกะโปโลอยู่เลยค่ะ จะหาหนุ่มที่ไหนมาจีบ พิมลยังไม่อยากให้ลูกคิดเรื่องนั้น อยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่า”

ร่างสูงสาวเท้าหย่อนกายลงบนโซฟา พิมลตรารีบรินน้ำเย็นใส่แก้วมาวางไว้ให้ แล้วนั่งลงข้างกัน

“บ้านพอใช้ได้ไหม”

“ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”เธอยกมือไหว้เขา แต่มือบางถูกจับไว้

“เธอชอบก็ดีแล้ว ทำตัวดีๆ นะพิมล บ้านใหญ่เขาไม่มาวุ่นวายกับเธอหรอก”

“ค่ะ”

พลอยภัทรายืนงง ชายคนนี้เธอเคยเห็นหน้าในงานศพครอบครัวพี่เวย์ เคยเห็นพี่ขึ้นรถไปด้วย หรือว่าเขาคือคนที่รับอุปการะพี่เวย์อยู่

“เรียกพลอยมาคุยกันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”

คนเป็นแม่ชะเง้อมองบุตรสาว “พลอยมานี่หน่อย”

เด็กสาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา แล้วนั่งลงร่วมวงสนทนาทันทีตามความต้องการของมารดา

“เรียนอยู่ชั้นอะไรแล้วเหรอพลอย”ชัยเชษฐ์เอ่ยถาม

“มอสองแล้วค่ะ”

“ฉันจะให้เธอย้ายโรงเรียนนะ ไปเรียนเอกชนที่เขาเน้นภาษาอังกฤษดีไหม”

พลอยภัทราช้อนสายตามอง เธอไม่อยากจากเพื่อนไปเลย

“แต่ที่นั้นค่าเทอมแพงมากนะคะ!”พิมลตราโพลงออกมา

“ผมออกค่าเทอมให้เอง ส่งเด็กเรียนแค่คนเดียวไม่ทำให้ผมจนลงหรอกพิมล”

คนเป็นแม่ยิ้มกว้างด้วยความยินดี หากลูกได้เรียนเอกชนคงทัดเทียมคนอื่น หน้าที่การงานในอนาคตคงจะดีขึ้นด้วย เธอหันมองบุตรสาวพยักเพยิด

“ทำอะไรอยู่ ขอบคุณคุณเขาสิลูก”

เด็กสาวยกมือกระพุ่มไหว้ ชัยเชษฐ์ยกยิ้มพึงพอใจ

“แล้วเราเรียนหนังสือได้ที่เท่าไหร่ล่ะ”

“ที่หนึ่งค่ะ”

“เรียนเก่งนี้ เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ล่ะตอนนี้”เขาซักต่อ

“ล่าสุดได้สามจุดเก้าค่ะ”

ชัยเชษฐ์พยักหน้ารู้สึกพออกพอใจในตัวเด็กสาว เขาชอบเด็กเรียนเก่ง พลอยภัทราอาจกลายเป็นกำลังสำคัญในการบริหารห้างของตนเองในภายภาคหน้าก็เป็นได้

“เอาเป็นว่าฉันจะทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้ เธอแค่ตั้งใจเรียนก็พอนะ เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วค่ะ”เด็กสาวรับคำอย่างว่าง่าย แม้ใจจะค้านก็ตาม

ร่างสูงลุกยืน พิมลตรารีบลุกตาม

“เดี๋ยวผมกลับก่อนนะ ต้องไปประชุม”

“ค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป