บทที่ 17 เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ
คนเป็นพ่อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“พ่อก็อยากไปรับแม่นะ แต่แม่คงไม่อยากเห็นหน้าพ่อ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ ดากับพี่นนท์แล้วก็พี่เวย์ไปรับแม่กันได้ แล้วเมื่อคืนพ่อหายไปไหนมาคะ”ลูกสาวคนเล็กถามเข้าประเด็นถึงจะเด็กแต่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
คนถูกถามชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้มแห้งๆ บุตรสาวเป็นคนอ่อนโยน และไม่ค่อยแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเปิดเผย แต่มาวันนี้ดูท่าลูกคงไม่พอใจเขาอยู่พอประมาน
“พ่อไม่อยากให้แม่เห็นหน้าแล้วพาลป่วยอีก เลยไปนอนที่อื่นมา”
“นอนที่บ้านผู้หญิงอีกคนนะเหรอคะพ่อ”
เวธัสกระอักกระอ่วนไม่อยากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อยากเดินหนีไปเสียให้ไกล เพราะตนเองไม่มีสิทธิ์ว่ากล่าวบิดาบุญธรรมแม้ใจอยากทำเหลือเกิน
“ดา... พ่อว่าลูกอย่ายุ่งเรื่องนี้เลย พ่อให้ผู้หญิงคนอื่นอยู่อีกที่ ทางโน้นไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับแม่เราเลยนะ”
“ดาไมว่าอะไรคุณพ่อหรอกค่ะ ให้ผู้หญิงของพ่ออยู่ในที่ของตัวเองไปตลอดนะคะ อย่าให้โผล่มาที่นี่ไม่งั้นดาไม่ยอมแน่!”
“พ่อเข้าใจแล้วลูก พ่อจะไม่ให้เขามาที่นี่หรอก”
ชนิดามองพ่ออีกครั้งแล้วรั้งข้อมือพี่ชายให้เดินหนีจากบริเวณนั้น ชัยเชษฐ์ยกมือกุมขมับก่อนเดินไปยังชั้นบนเพื่อดูภรรยา แม้ใจไม่อยากทำก็ตาม
สิบปีผ่านไป...
ร่างบางสาวเท้าลงมาด้านล่าง เห็นมารดาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พลอยภัทรากลายเป็นสาวเต็มตัว ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวงาม ดวงตากลมโต ผมยาวตรงเคลียแผ่นหลัง ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ คนเป็นแม่หันมองบุตรสาวอดชื่นชมไม่ได้
พลอยภัทรานั่งประจำที่แล้วตักอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว ก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย
“จะไปแล้วเหรอพลอย”คนเป็นแม่ถาม เมื่อเห็นบุตรสาวทานเข้าไปไม่กี่คำ
“ค่ะแม่ วันนี้พลอยมีประชุมที่บริษัท”
เธอสาวเท้าออกมานอกบ้านหยิบกุญแจสตาร์ทรถ แม่คอยเปิดประตูรั้วให้ พิมลตรายิ้มอ่อนโยนมองดูรถลูกลับหายจากสายตาจากเด็กสาววัยสิบสามกลับกลายเป็นสาวสวยวัยยี่สิบสาม กลายเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด เธอภูมิใจมากที่ลูกทำได้อย่างที่หวัง
คุณชัยเชษฐ์ยังคงรับอุปการะเธอ และข่าวคราวสุดท้ายคือ การจากไปของคุณวิไลวรรณภรรยาของเขา สำหรับเธอไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว ในเมื่อหน้าที่การงานลูกก้าวหน้าไปมาก พลอยภัทราสวยจนหนุ่มมากมายตามขายขนมจีบแต่ลูกสาวไม่ค่อยสนใจ ยังปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ลูกช่างเหมือนแม่ไม่มีผิด
ยังไม่ทันได้ปิดรั้วรถเบนซ์สีเงินเคลื่อนมาจอดเทียบ พิมลตรายิ้มกว้างเห็นสามีลงจากรถแล้วเดินเข้ามาหา สีหน้ายังบ่งบอกความเศร้าหมองอยู่
“คุณเชษฐ์กลับมานานหรือยังคะ”เธอถามสีหน้าแปลกใจเพราะเขาเพิ่งเดินทางไปประชุมต่างประเทศมา
“เพิ่งลงเครื่องเมื่อเช้า”เขาบอกแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาท่าทีเหนื่อยอ่อน
เธอรีบนำน้ำผลไม้มาเสริฟ์พร้อมนวดเพื่อผ่อนคลายให้สามี
“ขึ้นไปนอนพักข้างบนไหมคะ พิมลจะเปิดแอร์ไว้ให้”
“ไม่เป็นไรผมพักข้างล่างนี่แหละ นอนสักหน่อยเดี๋ยวคงหายเหนื่อย”
พิมลตรายังคงดูแลสามีไม่นานได้ยินเสียงกรนเบาๆ จึงลุกยืนแล้วเข้าครัวต่อ อยากเอาใจเขาอย่างน้อยก็อยู่กินกันมาร่วมสิบปี แถมยังส่งเสียบุตรสาวจนเรียนจบอีก
สองชั่วโมงกลิ่นอาหารลอยแตะจมูกชัยเชษฐ์ลุกนั่งสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง แล้วสาวเท้าไปยังห้องครัว พิมลตรากำลังจัดเตรียมอาหารโปรดเขาไว้อย่างเพียบพร้อม
“ตื่นแล้วเหรอคะ พิมลทำอาหารที่คุณชอบไว้ มาทานสิคะ”เธอบอกแล้ววางแกงส้มชะอมไข่อีกถ้วยบนโต๊ะ
เขานั่งลง ข้าวสวยถูกตักมาเสริฟ์ ชัยเชษฐ์ตักอาหารโปรดตนเองทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีพิมลตราดูแลไม่ห่าง เขารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ และที่สำคัญรอยยิ้มของภรรยาทำให้อบอุ่น พิมลตราไม่เคยก้าวก่ายบ้านใหญ่เลยสักครั้ง เจียมเนื้อเจียมตัวอย่างดีมาตลอด อีกทั้งพลอยภัทรายังเรียนหนังสือจนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งสมกับที่เขาคาดหวัง
เมื่อสองเดือนก่อนภรรยาเขาเสียชีวิต ในใจมันโหวงชอบกลโชคดีมีพิมลคอยปลอบไม่ห่าง ทำให้คลายความกังวลลงได้มาก มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องตอบแทนความดีของผู้หญิงคนนี้เสียที พิมลตรากับข้าวใส่จานสามีคอยรินน้ำเย็นที่พร่องตลอด ชัยเชษฐ์ช้อนสายตามองแล้วยกยิ้ม
“พิมล... คุณอยากแต่งงานกับผมไหม”
เคล้ง!
เสียงช้อนตกใส่จาน คนถูกถามชะงักดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตระหนกราวกับเรื่องที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง ฝันไปหรือกับคำถามของสามีเมื่อครู่นี้
“คะ...คุณพูดว่าอะไรนะคะ”เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ตนเองไม่ได้หูแว่วไปใช่ไหม
“ผมถามว่าคุณอยากแต่งงานกับผมไหม?”คนถามเลยเน้นย้ำคำพูดหนักกว่าเดิมเพื่อให้รู้
“คุณล้อพิมลเล่นหรือเปล่าคะ”พิมลตราย้อนถามเสียงสั่น
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมพูดจริง”
คนถูกขอน้ำตาเริ่มไหลรินไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเอ่ยคำนี้ออกมา หัวใจกำลังเต้นรัวด้วยความยินดี
“ฉะ...ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก นอกจากตอบผมว่าคุณจะแต่งงานกับผมหรือเปล่า”
เขาถามอีกครั้ง และสบตาจริงจัง พิมลตรารับรู้ได้ว่านี้คือความจริงจากใจสามี
“แต่งค่ะ”
ชัยเชษฐ์ลุกยืนรั้งคนสะอื้นมาโอบกอดไว้ แต่งกันแล้วเขาคงให้เธอไปอยู่ที่บ้านใหญ่ เพราะยังไงเสียลูกทั้งสองคนก็โตพอจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังกันอีก
พลอยภัทราขับรถจากการทำงานระหว่างทางสวนกับรถของพ่อเลี้ยง เธอชะงักหันมองแล้วขับต่อจนมาถึงบ้านตนเอง เห็นมารดากำลังปิดประตูรั้วพอเห็นรถเลยเปิดออก ลงจากรถในมือหอบขนมและกับข้าวมากมาย
“คุณชัยเชษฐ์มาเหรอคะแม่”พลอยภัทราถามขณะปิดประตูรถ
“ใช่จ้ะ เข้ามาในบ้านกันแม่มีเรื่องจะบอก”
ร่างบางนั่งลงบนโซฟาหยิบกระเป๋าสะพายออกจากไหล่ เร่งแอร์เพื่อคลายความร้อนให้ตนเอง พิมลตรามองสำรวจใบหน้าบุตรสาว ยิ่งโตยิ่งหน้าตาสะสวย เธออยากทำให้ลูกได้เข้าอยู่ในสังคมอีกระดับอาจได้พบผู้ชายดีๆ มีฐานะสักคนแต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องลำบากเหมือนแม่ และโอกาสนั้นมาถึงแล้ว
“แม่มีอะไรจะบอกเหรอคะ”
