บทที่ 4 ที่มาของพลัง
เด็กสาวสองคนเดินออกจากห้องพยาบาล พลอยภัทราพยายามสลัดความคิดทั้งหมดออกไป หรือสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงแค่ความฝัน หรือจิตนาการที่ตนเองสร้างเท่านั้น
รถยนต์จอดเทียบหน้าบ้าน พลอยภัทราลงแล้วยกมือกระพุ่มไหว้คุณลุงวิรุตม์ แล้วเดินกลับมายังบ้านตนเอง ประตูรั้วไม่ได้ใส่กุญแจเด็กสาวยิ้มกว้าง แม่คงอยู่บ้าน เมื่อก้าวเข้ามาด้านใน เห็นมารดานอนอยู่บนโซฟา ด้านหน้าโต๊ะรับแขกมีแก้วน้ำดื่มกับยาแก้ไข้
เด็กสาวย่อกายลงมองดูใบหน้าอันซีดเซียวของแม่ ไม่รู้ว่าตนเองควรทำอะไรดี ก่อนตัดสินใจยกมือทาบหน้าผากรับจึงรับรู้ถึงความร้อน พลอยภัทรารีบเดินไปหลังครัวนำกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูมาชุบแล้วเช็ดตามแขน ใบหน้า ของมารดาเพื่อคลายความร้อน แต่ทว่าบางอย่างกลับแทรกเข้ามา เมื่อมือซ้ายเธอสัมผัสท่อนแขนมารดา ภาพมากมายผุดเต็มหัว เด็กสาวชะงักดวงตาเบิกกว้าง
ร่างเล็กผงะถอยหลังก้นกระแทกพื้น น้ำตาเริ่มไหลรินออกมา สิ่งที่ชาวบ้านนินทามันเป็นความจริงหรือนี่ ไม่จริงบางทีภาพเหล่านั้นมันคือจินตนาการด้านลบภายใต้จิตสำนึกของเธอเท่านั้น แม่... ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ทำไมถึงมีภาพพ่อของเต็มเดือนโผล่เข้ามาด้วย
“กลับมาแล้วเหรอพลอย”เสียงมารดาทำให้เด็กสาวหลุกจากภวังค์ ดวงตาเรียวสวยมองแม่ด้วยความปวดร้าว คนเป็นแม่ปรือตามอง “เป็นอะไรพลอย”
“ปะ...เปล่าจ้ะแม่”
“กินข้าวหรือยัง แม่ทำกับข้าวไว้ในครัวไปหากินเอานะ”
“จ้ะแม่”
“มีการบ้านหรือเปล่า อย่าลืมทำด้วยล่ะ”
“มีจ้ะแม่ เดี๋ยวพลอยทำ” พลอยภัทรากัดริมฝีปาก “แม่ไม่สบายกินอะไรหรือยัง ให้พลอยทำข้าวต้มให้ไหม”
“ไม่เป็นไรแกไปกินข้าวทำการบ้านเถอะ แม่กินเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็หาย”
เธอแทบไม่เคยเห็นแม่ป่วยเลย แต่ดูจากสีหน้าแม่คงเหนื่อยมาก พลอยภัทราลุกยืนเธอไม่อยากขัดใจเพราะเกรงแม่จะดุเอา แต่ในใจกลับสะดุดภาพที่เห็นก่อนหน้าไม่อาจละความรู้สึกเจ็บปวดออกไปได้เลย สิ่งที่เธอเห็นมาจากอะไรกันแน่ เท่าที่จำได้ทันทีมือซ้ายหลุดจากท่อนแขนแม่ภาพทุกอย่างมันหายไป ยกมือขึ้นมองสีหน้าไม่สบายใจ หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ
เกือบสี่ทุ่มร่างเล็กเดินมาดูมารดาอีกครั้ง เห็นยังคงนอนอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย เธอรู้สึกเป็นห่วง ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนมือทาบหน้าผากแม่เหมือนอาการจะทรุดลงมากกว่าเดิมเสียอีก ทำยังไงดีคงไม่ดีแน่หากไข้ขึ้นมากกว่านี้ เด็กสาววิ่งตรงไปยังข้างบ้านเห็นปิดไฟเรียบร้อยเดินวนเวียนอยู่ตรงนั้นด้วยความกังวล
มองกริ่งหน้าบ้านยกมือหลายครั้งแต่ไม่กล้า สุดท้ายตัดสินใจกดลง แล้วรอ... แสงไฟในบ้านเริ่มสว่าง ร่างสูงโปร่งเดินออกมาเห็นเพื่อนลูกสาวยืนอยู่
“อ้าวพลอยมีอะไรลูก”วิรุตม์ถาม
“คุณลุง แม่พลอยไม่สบายค่ะ”
“ไม่สบายเหรอ”
“ค่ะ”
จารุนีสาวเท้าออกมายืนข้างสามี
“มีอะไรคะคุณ”
“คุณพิมลไม่สบายน่ะสิ”วิรุตม์บอกภรรยาเสียงเครียด
“พาป้าไปดูหน่อยสิลูก”จารุนีอาสา
เด็กสาวเดินนำมาถึงห้องนั่งเล่น เห็นคนป่วยนอนหลับไม่ได้สติอยู่ จารุนีทรุดกายลงนั่งยกมือแตะหน้าผากคิ้วขมวด ก่อนหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามผิวกายเพื่อลดความร้อน
“อาการหนักไหมคุณ”วิรุตม์ถามภรรยา
“ยังไม่หนักเท่าไหร่ค่ะ แต่ต้องดูกันทั้งคืน”
“ต้องซื้อยาอะไรไหม”
“คุณช่วยไปซื้อยาแก้ไข้มาให้ดีกว่าค่ะ พาราน่าจะเอาไม่อยู่”จารุนีอธิบาย
“ได้ๆ”
วิรุตม์เคลื่อนรถออกจากบ้านตามคำสั่งของภรรยา เด็กสาวยืนดูคุณป้าข้างบ้านดูแลแม่ตนเอง จารุนีหันมองแล้วยิ้มอ่อนโยน
“ไปนอนเถอะพลอย ป้าดูแม่ให้เองนะ”
“แต่ว่า...”เด็กสาวรู้สึกเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกลูก พรุ่งนี้หนูต้องเรียนหนังสือนะ”
พลอยภัทราลังเล ก่อนตัดสินใจ “หนูฝากแม่ด้วยนะคะ”
“จ้ะ ป้าดูให้เองนะ”
เด็กสาวขึ้นมายังห้องนอนตนเอง นั่งชันเข่าคิดถึงภาพที่ตนเห็น หากมันคือความจริงก็คงไม่แปลกที่คนเขาพูดกันเกี่ยวกับตัวมารดาเธอ แต่จะทำยังไงเล่าในเมื่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อให้เธอได้เรียนหนังสือ น้ำตาดันไหลออกมาอยากกักเก็บมันไว้แต่ทำไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ควรทำเช่นไรดี
เปลือกตาคนป่วยค่อยๆ เปิดออกในช่วงอรุณรุ่งของอีกวัน พิมลตราชะงักเมื่อเห็นว่าคนเฝ้าไข้คือใคร รีบชันกายขึ้นนั่งจนผ้าตรงหน้าผากหล่นลงบนตัก ดวงตาจ้องมองจารุนีด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“คุณจาคะ”เสียงแผ่วเอ่ยเรียก เจ้าของชื่อลืมตาตื่น
“อ้าวตื่นแล้วเหรอคะคุณพิมล”
“ค่ะ”
“เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปทำอะไรร้อนๆ มาให้ทานนะคะ”จารุนีอาสาทันที
พิมลตรามองตามแล้วก้มมองผ้าขนหนู ไม่นานนักได้ยินเสียงฝีเท้าบุตรสาวลงมาจากชั้นบนในชุดนักเรียนมัธยมต้น พลอยภัทรารีบตรงดิ่งมาหาแม่ทันที
“แม่หายแล้วหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้ว แล้วทำไมคุณจาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะพลอย”
“พอดีเมื่อคืนแม่ไข้ขึ้น พลอยเลยไปขอให้คุณลุงกับคุณป้าช่วยมาดูค่ะ”เด็กสาวก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด
คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนบ้านมาก เพราะตอนนี้แทบไม่มีใครคบหาเลย
“ไปเรียนเถอะพลอยเดี๋ยวสาย”เธอตัดใจไม่ต่อว่า
“จ้ะแม่”
พลอยภัทราออกมานอกรั้วบ้านเห็นรถของคุณลุงวิรุตม์จอดรออยู่ ติดตามมาด้วยคุณป้ากำลังถือถ้วยบางอย่างออกมา
“พลอยไปเรียนเถอะไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวป้าดูแลให้นะ”
“ค่ะคุณป้า”
มิรินจูงมือเพื่อนขึ้นรถจังหวะนั้นเด็กสาวสะดุ้งอีกครั้งเมื่อภาพเข้ามาในหัว รีบสะบัดอย่างรวดเร็วจนเพื่อนตกใจ
“เป็นอะไรไปพลอย”มิรินถามสีหน้าสงสัย
“อ๋อ เปล่าจ้ะ พอดีพลอยตกใจนิดหน่อย”
“ไปเรียนกันเถอะ”
“ได้ๆ”
เวธัสเองก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อครู่พลอยภัทราเป็นอะไรถึงแสดงท่าทีแบบนั้นกับน้องสาว เด็กนักเรียนขึ้นรถครบ วิรุตม์เคลื่อนออกจากหน้าบ้านเพื่อส่งถึงรั้วโรงเรียน สามคนลงจากรถมิรินเอื้อมจับมือเพื่อน อีกฝ่ายเลยรีบส่งมือขวาให้และเป็นอย่างที่คิดเธอไม่รู้สึกอะไรเลย หรือมือซ้ายเธอมีผล สงสัยจนอยากทดลองแต่กลัวว่ามันจะเกิดเรื่อง
เพื่อนสาวสองคนมาถึงห้องเรียนเต็มเดือนหันมองแล้วเบ้ปาก มิรินแสดงสีหน้าไม่พอใจตอนมีเรื่องกันเธอยังไม่ได้แจ้งทางโรงเรียนเพราะมัวแต่ห่วงพลอย แต่ตอนนี้ถ้ายังหาเรื่องกันอีกจะจัดการฟ้องครูแน่ จบชั่วโมงโฮมรูมเพื่อนร่วมห้องมหาภัยเดินเข้ามาหา
“มาหาเรื่องอะไรอีกละเต็มเดือน!”มิรินกันไว้ทันที
“เมื่อไหร่แม่แกจะเลิกยุ่งกับพ่อฉัน!”เต็มเดือนตวาดถาม
