บทที่ 4 บทที่ 3 คนเก่งของสาขา
หลายวันต่อมา...
ชานนท์นั่งอยู่บนม้านั่งโดยมีเพื่อนอีกสี่คนนั่งอยู่ด้วย วันนี้พวกเขามารวมกลุ่มกันครบทั้งห้าคน เพราะมีนัดที่อู่ของเฮียหนุ่มในช่วงเย็น
"เย็นนี้ดื่มกันที่ร้านเฮียหนุ่ม ว่าแต่พวกเราจะซื้ออะไรไปดื่มกันดีฉลองสักหน่อย"
"ฉลองอะไรอีกล่ะ กูมีงานต้องทำนะเว้ยไม่ได้มีเงินเหมือนพวกมึง เลิกพากูเที่ยวบ้างเถอะให้กูได้ทำงานหาเงินบ้าง ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองนะ"
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ทุกวันนี้เขาต้องไปเรียนแล้วก็กลับมาทำงานที่อู่ของเฮียหนุ่มทุกวัน เพราะเขาจำเป็นจะต้องหาเงินเพื่อส่งตัวเองเรียน เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่คอยเลี้ยงดูก็ต้องขยันหน่อย แต่ภาพลักษณ์ที่คนภายนอกมองก็เป็นได้แค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า เกเร เอาแต่ต่อยตีกัน ไม่รักดี แต่เขาไม่เคยคิดที่จะแก้ตัวเพราะพูดไปก็เท่านั้น
"เอาน่าพวกกูก็แค่อยากจะฉลองให้มึง อุตส่าห์ไปประกวดชนะรางวัลไม่คิดที่จะฉลองหน่อยหรือไง"
"ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวพวกกูเป็นคนจ่ายเอง มึงอะพักซะบ้างเถอะเอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาไปเที่ยวกับพวกกูเลย"
"ทุกวันนี้กูแทบจะไม่ได้พักอยู่แล้ว พวกมึงพากูไปแดกเหล้าทุกวัน เฮ้อ! แล้วมึงไปรู้มาจากไหนว่ากูประกวดชนะรางวัลมา ยังไม่ได้บอกใครเลยนะเว้ย"
เขาหันไปมองใบหน้าของเพื่อนทั้งสี่คนก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เขายังไม่ได้บอกเพื่อนคนไหนเลยว่าไปประกวดชนะรางวัลมา ไอ้พวกนี้หูตาเร็วเกินไปแล้ว
"แหม่! อาจารย์เขาลือกันทั่ววิทยาลัยว่าเด็กเรียนเก่งของสาขายานยนต์ไปประกวดได้รางวัลมา เรื่องแค่นี้ทำไมพวกกูถึงไม่รู้ล่ะ"
พัฒน์ยื่นมือไปแตะบ่าเพื่อนก่อนจะเอ่ยชมไม่ขาดปาก ในบรรดาทั้งห้าคนชานนท์ถือว่าเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุด เนื่องจากว่าเขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเพื่อที่จะได้ทุนเรียนฟรีจนจบปวช. 3 ถึงแม้ว่าเฮียเจ้าของอู่จะรับอุปการะเลี้ยงดู แต่ค่าใช้จ่ายในการเรียนยานยนต์ไม่ใช่น้อย เขาจะต้องขวนขวายหาเงินด้วยตัวเองเพื่อที่จะได้ร่ำเรียนได้อย่างสบายใจ จึงทำให้ตัวเองต้องตั้งใจเรียนแถมยังต้องตั้งใจทำงานเพิ่มอีก ทั้งที่ถูกชาวบ้านนินทาว่าเป็นเด็กเกเรไม่เอาไหน แถมยังถูกใส่ร้ายว่ามั่วสุมอาจจะติดยาด้วย แต่เพื่อนก็ไม่เคยแก้ตัวหรือเอามาใส่ใจ ซึ่งเขาบอกว่าตัวเราเองรู้ดีที่สุดว่าเป็นยังไง เพราะฉะนั้นอย่าไปแคร์คำคนเลย
"แล้วจะฉลองอะไร พวกมึงจะเลี้ยงถูกไหม"
"ก็แน่นอนสิ เดี๋ยวเย็นนี้พวกกูซื้อของไปกันเองแหละ มึงก็รอดื่มด้วยก็แค่นั้น"
"ไม่ต้องไปคิดเยอะพวกกูมีเงิน ถ้าอย่างนั้นแยกย้ายไหมหรือยังไง"
ทั้งห้าคนหันมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า ตอนนี้ไม่มีเรียนในช่วงบ่ายทุกคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน แล้วเดี๋ยวช่วงเย็นก็นัดเจอกันที่อู่ของเฮียหนุ่ม ซึ่งเป็นสถานที่นัดเจอกันของแก๊งพวกเขา
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกูไปเจออาจารย์ก่อน ให้เรียกไปหาที่ห้องพักอาจารย์ เอาไว้เจอกันช่วงเย็นนะเว้ย"
"โอเคมึงเจอกัน"
"โอเคเจอกันเพื่อน"
ชานนท์หันไปโบกไม้โบกมือให้เพื่อนก่อนจะยกกระเป๋าเป้มาสะพายไว้ที่ไหล่ จากนั้นก็เดินออกไปจากม้านั่งตรงไปยังห้องพักของอาจารย์
และเมื่อมาถึงเขาก็เปิดประตูเข้าไปข้างในซึ่งตอนนี้อาจารย์กำลังนั่งคุยกันอยู่ และเมื่อเห็นใบหน้าของรัชชานนท์ลูกศิษย์ดีเด่นของวิทยาลัยพวกเขาก็ยิ้มทักทายก่อนจะผายมือเชิญให้มานั่งลงทันที
"นายรัชชานนท์มาแล้วเหรอมานั่งตรงนี้เร็ว"
"อาจารย์เรียกผมมีอะไรหรือเปล่าครับ"
เขาเอ่ยออกไปก่อนจะเดินมานั่งลงตรงโซฟา ซึ่งตอนนี้อาจารย์หลากหลายคนกำลังยืนรุมเขาอยู่ทำเอาเกร็งไปหมด
"วันมะรืนเราจะต้องไปรับรางวัลชนะเลิศ เตรียมตัวให้ดีเลยนะ รถไถไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของนายได้รับรางวัลมีแต่บริษัทใหญ่สนใจอยากจะซื้อลิขสิทธิ์ วันนั้นจะต้องมีคนมาติดต่อนายแน่นอน จะเป็นคนดังแล้วนะรัชชานนท์"
"นายนี่มันเป็นหน้าเป็นตาให้กับวิทยาลัยของเราจริง ๆ"
"แล้วก็ล่าสุดมีมหาวิทยาลัยดังระดับประเทศติดต่อมา จะให้นายเข้าไปเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขายานยนต์ ได้โควตาเข้าไปเรียนไม่ต้องสอบด้วยนะ"
"มหาวิทยาลัยนี้ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าได้นะ ส่วนใหญ่คณะนี้เขาจะติดต่อมาเอง ส่วนใหญ่ที่ได้เรียนก็จะเป็นคนที่ชนะเลิศรางวัลทั้งนั้น"
ชานนท์นิ่งเงียบไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มหาวิทยาลัยที่อาจารย์พูดถึงเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ ใครก็อยากเข้าไปเรียนที่นั่นทั้งนั้นเพราะการันตีว่าจบมามีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องการตัว แต่ด้วยความที่เขาไม่ได้มีเงินมากพอที่จะเข้าไปศึกษาตรงนั้น จึงทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจมันหมดลงเพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถผลักดันตัวเองไปให้ถึงจุดนั้นได้
"เอาเป็นว่าวันมะรืนนะครับผมจะได้เตรียมตัว"
"ใช่เจอกันตอนเจ็ดโมงเช้าที่นี่นะจะได้ออกไปด้วยกัน ทำไมดูไม่ดีใจเลยล่ะรางวัลนี้มีแต่คนอยากได้นะ"
อาจารย์เดินมาตบบ่าของลูกศิษย์ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ารัชชานนท์กังวลใจอะไร ก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนการศึกษา หรือแม้กระทั่งเงินที่ต้องใช้จ่ายในการเรียน เขาเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูเหมือนคนอื่น ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตที่ดีจึงจะอยู่รอดได้ในยุคนี้
"มันก็ดีใจแหละครับ แต่อาจารย์ก็อย่าลืมล่ะมหาวิทยาลัยชั้นนำค่าเทอมหลักแสน แค่ค่าเทอมหมื่นเดียวผมยังไม่รู้เลยว่าจะมีปัญญาหรือเปล่า ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยนั้นผมไม่กล้าคิดหรอก แต่ก็ช่างเถอะเอาให้รอดปวช 3 ก่อนก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นผมค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะเรียนต่อหรือเปล่า"
อาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันมามองหน้ากันทันทีด้วยความตกใจ รัชชานนท์เป็นเด็กที่เรียนเก่งมากที่สุดของสาขา ถ้าเกิดเขาตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อนั่นเท่ากับว่าเขากำลังตัดอนาคตของตัวเอง ซึ่งทางออกมันมีมากมาย ไหนจะโควตาเรียนฟรีสำหรับนักศึกษาที่เรียนเก่งมากอีก ทุกอย่างมันมีทางออกอยู่แล้วขอแค่เขาสู้ต่อไปโอกาสต้องมีหลายทางแน่นอน
"อย่าคิดแบบนั้นสิ มหาวิทยาลัยชั้นนำมีโควตาเรียนฟรีตั้งเยอะแยะ ตอนนั้นเราค่อยขอทุนก็ได้เราเรียนเก่งอยู่แล้วยังไงก็ต้องขอได้"
"มันไม่ได้มีแค่ค่าเทอมนี่อาจารย์ก็รู้ ไหนจะต้องค่ารายงานตัวอุปกรณ์การเรียนเสื้อผ้าต่าง ๆ ช่างมันเถอะผมไม่อยากจะคิดมากตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"
เขายกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ซึ่งอาจารย์ที่อยู่ภายในห้องนั้นถึงกับกุมขมับด้วยความเครียดหนัก ไม่รู้ว่าเขาจะตัดสินใจยังไงกับอนาคตของตัวเอง แต่เด็กที่เรียนเก่งและมีความสามารถแบบนี้เขาจะต้องได้รับโอกาสที่ดี ไม่ควรที่จะถูกปิดกั้นเพียงเพราะไม่มีเงิน
"เราจะช่วยเด็กคนนี้ยังไงดี"
"ยังมองไม่ออกเหมือนกัน เอาไว้ให้ถึงตอนนั้นก่อนเดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้ให้รัชชานนท์มีความสุขกับสิ่งที่ได้รับตรงหน้าก่อน"
"อืม ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมจองรถไว้เลย วันมะรืนเราจะพารัชชานนท์ไปรับรางวัลกัน"
