บทที่ 7 บทที่ 7
“กรุณาหยุดพูดเรื่องบ้าๆ เถอะนะคะคุณเอเดน” สาวน้อยรีบห้ามปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรลึกซึ้งมากไปกว่านั้น
“ถ้าคุณไม่อยากฟังก็กดวางสายแล้วปิดโทรศัพท์หนีผมสิ”
“นิ่มมีมารยาทพอที่จะไม่ทำแบบนั้น”
“แสดงว่าคุณก็ชอบฟังสิ่งที่ผมพูดเหมือนกันใช่ไหม” เอเดนหัวเราะมาตามสาย แต่น้ำเสียงเขาช่างน่าฟังเหลือเกินในความรู้สึกของรดาดาว
“ไม่จริงค่ะ”
“อย่าปฏิเสธเลยรดาดาว คุณอยากเมกเลิฟกับผม เหมือนอย่างที่ผมก็อยากเมกเลิฟกับคุณ ออกมาหาผมสิสาวน้อย ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้”
“หยาบคายที่สุด นิ่มไม่เคยมีความคิดแบบนั้นในสมอง”
“เรื่องเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องหยาบคายเลยแม่สาวเวอร์จิ้น แต่เป็นเรื่องของความปรารถนาล้วนๆ ผมเชื่อว่าถ้าคุณได้ลองคุณต้องชอบ คิดดูสิแค่จูบยังให้ความรู้สึกซาบซ่านขนาดนั้น แล้วถ้าได้เมกเลิฟกันจริงๆ มันจะให้ความรู้สึกที่วิเศษขนาดไหน”
“หยุดระรานนิ่มเถอะนะคะ ถ้าไม่อย่างนั้นนิ่มจะขออนุญาตวางสายแค่นี้” เสียงหวานขอร้องเขาไปตามสาย ด้วยความเป็นกุลสตรีที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีจึงกระดากที่จะพูดและฟังเรื่องแบบนี้
“เดี๋ยวก่อนสิรดาดาว” เขาทอดเสียงให้นุ่มน่าฟังกว่าเดิม
รดาดาวรู้สึกสับสนไปหมด ผู้ชายคนนี้ช่างมากชั้นเชิงเหลือเกิน เมื่อครู่นี้เขากำลังก่อกวนอารมณ์ของเธออยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนออดอ้อน
“คุณมีอะไรจะคุยกับนิ่มอีกคะ” เมื่อเขาพูดดีด้วย คนที่ไม่เคยโกรธใครจริงจังก็เลยต้องพูดดีตอบ
“ผมบอกตรงๆ นะ ผมไม่พร้อมจะแต่งงาน แต่ถ้าเรื่องเซ็กซ์ผมไม่เกี่ยง”
“นิ่มก็ไม่ได้มาที่อเมริกาเพราะเรื่อง เอ่อ...เรื่องเซ็กซ์ค่ะ”
“ดูเหมือนความต้องการของเราจะไม่ตรงกันนะ”
“ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับนิ่ม นิ่มก็ไม่ว่าอะไรนะคะ นิ่มก็แค่ทำตามที่ผู้ใหญ่เห็นว่าสมควร” รดาดาวยืนยันคำพูดเดิมของตัวเอง ถึงเขาจะทำให้เธอใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตากัน และเขาก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างที่ผู้เป็นอาพร่ำบอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะดึงดันแต่งงานกับเขาให้ได้
“ก็ดี พูดง่ายดี”
เขาตอบกลับมาห้วนๆ คล้ายไม่พอใจคำพูดของเธอนัก ความจริงเขาน่าจะดีใจไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ทำเสียงหงุดหงิดแบบนั้น คนอะไรเข้าใจยากจริงๆ
“คุณมีอะไรอีกไหมคะ”
“ไม่”
“ถ้าเช่นนั้นนิ่มขออนุญาตวางสายนะคะ” รดาดาวไม่รอให้เขาอนุญาต พูดจบเธอก็วางสายทันที
“บ้าชิบ!”
เอเดนสบถด้วยความหงุดหงิด แม่สาวกุลสตรีทำให้ความขัดแย้งในตัวเขารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เธอมาที่นี่ตามใบสั่งของมาดามแทลลีย์ และทำท่าว่าจะชื่นชอบรสจุมพิตสวาทของเขา แต่เมื่อเขาบอกว่าไม่อยากแต่งงานด้วย เธอก็รับฟังอย่างสงบ และเหมือนไม่ได้แยแสต่อเสน่ห์ของเขาแต่อย่างใด
ร่างอรชรที่มีผ้ากันเปื้อนคล้องคอเอาไว้ยืนสาละวนหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่ในห้องครัวด้วยท่าทางคล่องแคล่วตั้งแต่เช้ามืด กระทั่งในที่สุดก็ได้ถั่วเขียวซึ่งกวนจนได้ที่ จึงตักใส่ถาดอะลูมิเนียม นำมาวางบนโต๊ะ ผึ่งให้เย็น แล้วลงมือปั้นเป็นรูปผลไม้เล็กๆ หลากหลายชนิด เสียบใส่ไม้เอาไว้เตรียมระบายสี
“ทำอะไรอยู่คะน้องนิ่ม”
ในขณะที่กำลังเพลินอยู่กับการทำขนมไทยอยู่นั่นเอง เสียงของผู้เป็นอาก็แว่วดังขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างๆ เข้ามา และมองสิ่งที่รดาดาวกำลังทำอยู่อย่างสนใจ
“นิ่มกำลังทำลูกชุบค่ะอาชม”
สีหน้าและน้ำเสียงยามตอบผู้เป็นอายังคงหวานใสเช่นปกติ รดาดาวเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะเจอเรื่องไม่สบายใจอะไรมา เธอก็ไม่เคยแสดงอาการทุกข์ร้อนให้ใครเห็น สาวน้อยตัดสินใจจะไม่บอกผู้เป็นอาเรื่องที่เอเดนคุยกับเธอ เพราะคิดว่าถ้าเขาอยากจะปฏิเสธการแต่งงาน เขาก็คงจะคุยกับผู้ใหญ่เอง
“ดีเลยทำเยอะๆ นะจ๊ะ ทำเสร็จแล้วน้องนิ่มเอาไปฝากคุณจูเลียด้วย คุณจูเลียชอบลูกชุบมาก เดี๋ยวอาจะบอกแม่บ้านให้เรียกแท็กซี่ให้”
“แล้วอาชมไม่ไปด้วยหรือคะ”
“อาก็อยากไปเป็นเพื่อนน้องนิ่มนะ แต่อาต้องไปรับสองหนุ่มจากโรงเรียนน่ะสิ อาเขยของน้องนิ่มก็ยังไม่กลับจากสวิตเซอร์แลนด์ อาเลยต้องไปรับเอง ไม่อย่างนั้นเจ้าลิงสองตัวนั่นงอนอาแน่ๆ”
ลิงสองตัวของชมพูนุชก็คือ ‘ดีแลนด์’ และ ‘เดฟ’ ลูกชายฝาแฝดที่เรียนอยู่โรงเรียนประจำ เธอต้องไปรับกลับบ้านในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือถ้าวันไหนไม่ว่างก็จะให้สามีเป็นคนไปรับแทน โดยดาร์เลนสามีของชมพูนุชทำธุรกิจนำเข้าปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซลจากเอเชียและส่งต่อให้กับโกลเดนกรีนกรุ๊ป
“ถ้าอย่างนั้นอาชมไปรับน้องเถอะค่ะ เดี๋ยวทำลูกชุบเสร็จแล้ว นิ่มจะเอาไปให้คุณป้าจูเลียเอง”
“น่ารักมากหลานสาวของอา งั้นอาไปล่ะนะ”
คล้อยหลังผู้เป็นอา รดาดาวก็จัดการปั้นลูกชุบต่อจนเสร็จ แล้วค่อยระบายสี และชุบวุ้นตามลำดับ หลังจากทำเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อคอกระเช้าแบบยืดแขนกุดสีขาว สอดชายเข้าไปในกระโปรงสีน้ำตาลอ่อนสั้นแค่เข่า อวดปลีน่องเรียวสวย ก่อนจะลงมาบอกให้แม่บ้านเรียกแท็กซี่ให้ ความจริงก็ประหม่าอยู่บ้างที่ต้องไปคฤหาสน์โกลเดนกรีนเพียงลำพัง เพราะเกรงว่าจะเจอเอเดนเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด เขาคงไม่ได้ไปทำงาน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่สนใจการไปการมาของเธอสักเท่าไหร่ เพราะเขาก็ประกาศชัดอยู่แล้วว่าไม่ต้องการจะแต่งงานกับเธอ
