บทที่ 4 แม่ทัพ...เจิน
พอรู้เรื่องว่าตัวเองนั้นถูกทำร้ายจากสตรีนามว่าหนิงเซียง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนรักของคู่หมั้นคู่หมายตัวเอง แต่การทำร้ายคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นแทนที่คนทำผิดจะถูกทำโทษ แต่กลับพากันไปเสวยสุขอยู่ที่อื่น ถงหลานเฟยจึงวิ่งหาม้าพร่ำว่าจะตามไปอาละวาดคนทั้งสองเพื่อทวงหาความยุติธรรม ชุนเหยียนที่พยายามห้ามปราบก็ดูจะทำอะไรไม่ได้มาก
"คุณหนูเจ้าคะ รอให้ท่านแม่ทัพกลับจากชายแดนค่อยคุยกันก็ได้นี่เจ้าคะ จะตามไปให้ลำบากทำไม อีกอย่างคุณหนูขี่ม้าเป็นเสียที่ไหนกัน" เสียงหญิงชราที่พยายามจ้ำเท้าตามนายตัวน้อยที่สาวเท้าตรงไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย เธอหวังว่าจะได้เจอกับม้าสักตัวแล้วควบตามคนร้ายไป แม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชายแดน ที่ว่านี้คือที่ไหนกัน
"เสียงดังอะไรกันหรือชุนเหยียน" คุณหนูเจินที่เดินกลับมาที่เรือนของถงหลานเฟย เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นภาพของหญิงชราร้องเรียกเจ้านาย ซึ่งเดินหายไปจากเรือนแล้ว
"คุณหนู...คุณหนูเจ้าค่ะ"
"เสี่ยวถงเป็นอะไร?" เจินลี่หลัวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เมื่อหญิงชราเอาแต่พูดอึกอักสลับกับหอบเหนื่อยจากการเดินตามเจ้านายของตน
"คุณหนูจะตามท่านแม่ทัพไปชายแดนเจ้าค่ะ"
"ตามไปทำไมกัน" ไม่ทันที่จะได้คำตอบจากชุนเหยียน คุณหนูเจินก็รีบจ้ำเท้าตามถงหลานเฟยไปกระทั่งมาเจอเจ้าตัวยืนนิ่งอยู่ที่ทางแยก เพราะไม่รู้ว่าควรต้องเลี้ยวทางไหน
"เสี่ยวถง...เจ้าหายดีแล้วหรือ?" เมื่อได้ยินเสียงหวานของใครบางคน ร่างบางที่ยืนงุนงงอยู่ก็หันหลังกลับมาทันที สีหน้าของอีกฝ่ายดูเป็นกังวลชัดเจน ทำให้คนที่เดินออกมาจากเรือนของตัวเองรู้สึกผิด
"หากไม่นับเรื่องที่จำอะไรไม่ได้ ก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วเจ้าค่ะ" เจินลี่หลัวถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ก็ยังกังวลเรื่องที่อีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้อยู่ เพราะเธอต้องการรู้ว่าถงหลานเฟยตกลงไปในบ่อได้อย่างไร แต่พอเจ้าตัวยืนยันว่าจำอะไรไม่ได้แบบนี้ คำตอบที่ต้องการรู้ก็คงจะไม่ได้ง่ายๆ
"ชุนเหยียนบอกว่าเจ้าจะตามแม่ทัพเจินไปชายแดน จริงหรือ?" หญิงสาวเพียงพยักหน้ารับแทนคำตอบ ส่วนคนถามนั้นเมื่อได้คำตอบก็ทำให้ประหลาดใจอยู่มาก ถงหลานเฟยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมีนิสัยตามติดแม่ทัพเจินอย่างสตรีอีกนาง ที่ไม่ว่าแม่ทัพเจินจะไปที่ใด ก็จะขอตามติดไปเสียทุกที่
"เจ้าจะตามไปทำอะไรหรือ?"
"ชุนเหยียนเล่าให้ฟังว่า..." เรื่องที่มีข่าวลือ ว่าหนิงเซียงเป็นคนผลักตัวเองตกน้ำ ไม่มีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน หากหนิงเซียงปฏิเสธ แล้วแม่ทัพเจินเข้าข้างคนรัก ชุนเหยียนอาจจะถูกลงโทษเอาได้ คิดได้อย่างนั้น ถงหลานเฟยจึงได้เปลี่ยนประเด็นที่จะตามแม่ทัพเจินไปชายแดน
"ชุนเหยียนเล่าให้ฟังว่า แม่ทัพ...เจิน มีคนรักอยู่แล้ว แล้วยังจะมาหมั้นกับข้าอีก ถ้าไม่ได้รักกันจะแต่งกันไปทำ ข้าจะตามไปขอถอนหมั้นเจ้าค่ะ" หญิงชราที่เดินตามมาจนทันแล้วจะเป็นลมล้มพับลงไปบนพื้น เมื่อได้ยินประโยคที่นายของตนเพิ่งจะเปล่งออกมา แม้แต่คุณหนูเจินเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
"เจ้ารู้เรื่องหนิงเซียงตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแล้วมิใช่หรือ เหตุใดถึงเพิ่งจะมา...โกรธเคืองเอาตอนนี้" เจินลี่หลัวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยจริงๆ
"ก็...ก่อนหน้านี้ข้ารู้ แต่ข้าลืมไปแล้ว แล้วก็เพิ่งจะรู้ใหม่ เอ่อ..."
"คุณหนูเจ้าคะไปพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจินเจ้าคะชุนเหยียนขอประทานอภัยกับท่าทางแปลกๆ ของคุณหนูด้วยเถิดเจ้าค่ะ" ชุนเหยียนที่ยืนดูอยู่รีบเข้ามาแทรก เพราะกลัวเรื่องจะวุ่นวายไปมากกว่านี้
"เอาเถอะข้าเข้าใจว่าเสี่ยวถงยังบาดเจ็บอยู่ พานางไปพักผ่อนเถอะ" ถงหลานเฟยไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องยอมเดินไปที่เรือนตัวเองตามที่เจินลี่หลัวแนะนำ
สายตาคมมองดูร่างระหงที่เดินจากไป โดยมีหญิงชราคอยจับประคอง 'ดูแปลกไปจริงๆ' คนมองคิดในใจแต่ก็มิได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
"หรือว่าคุณหนูถงจะรู้เรื่องที่บ่าวลือกันว่า คนที่ผลักคุณหนูถงให้ตกบ่อ คือแม่นางหนิงเซียงเจ้าคะ" บ่าวรับใช้คนสนิทของเจินลี่หลัวออกความเห็น แม้ว่าเจ้านายจะไม่ได้โต้ตอบอะไรกับประโยคเมื่อครู่ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ เพราะชุนเหยียนน่าจะได้ยินมาเหมือนกัน แต่คนอย่างถงหลานเฟยต่อให้จำได้ว่าหนิงเซียงเป็นคนผลักตัวเองให้ตกลงบ่อ ก็ไม่มีทางที่จะไปเอาเรื่องอีกฝ่ายเป็นแน่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงเซียงมาระราน หลายครั้งที่เจินลี่หลัวต้องออกตัวแทน เพราะเจ้าตัวเอาแต่คิดว่าตัวเองนั้นมาแทรกแซงความรักระหว่างแม่ทัพกับหนิงเซียง
"ทำไมคุณหนูถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ" เมื่อเข้ามาถึงในเรือนของตนแล้ว ชุนเหยียนจึงได้เอ่ยถามเจ้านายของตน แต่คุณหนูถงตัวดีกลับตีมึนทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่
"พูดอะไร"
"ก็ที่บอกกับคุณหนูเจินว่าจะตามไปถอนหมั้นน่ะสิเจ้าคะ"
"
ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกนี่ เรื่องที่ชุนเหยียนบอกข้า ว่าผู้หญิงคนรักของแม่ทัพผลักข้าตกน้ำ มันไม่มีหลักฐาน ถ้าเกิดแม่ทัพเข้าข้างคนรักของเขา แล้วสืบหาตัวคนพูด ชุนเหยียนอาจจะซวยก็ได้ ข้าก็เลยนึกอะไรได้ก็พูดๆ ไปก่อน" คนเป็นนายอธิบายถึงเหตุผลแต่มันกลับทำให้แม่นมชราหลั่งน้ำตาแห่งความตื้นตันออกมาเสียอย่างนั้น ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ดูแลคุณหนูถงมา เธอได้รับการปฏิบัติจากผู้เป็นนายประหนึ่งว่าเป็นญาติคนหนึ่ง ต่างกับบ่าวคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
