บทที่ 11 สามีภรรยาเข้าป่าล่าสมบัติ

อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน สองสามีภรรยาหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ตระเตรียมข้าวของสำหรับขึ้นเขา ตะกร้าสะพายหลัง เตรียมอาหารและน้ำดื่มเสร็จสรรพ เดินขึ้นเขาทันที วันนี้ตั้งใจว่าจะเข้าไปในป่าให้ลึกอีกหน่อย เพื่อที่จะหาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่านพ่อและท่านแม่ ส่วนสัตว์ที่ล่าได้วันนี้จะไม่นำไปขาย

เนี่ยหลิงนางตั้งใจว่าจะเริ่มสะสมเสบียงให้มากหน่อยนางตั้งใจว่าจะเอากลับไปให้บ้านฝั่งมารดาของนางเองด้วย เนื่องจากไม่ได้กลับไปเลยตั้งสองปีแล้วด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่าง ตอนนี้นางตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวฝั่งสามีและฝั่งมารดาของนางได้ผ่านพ้นหน้าหนาวไปได้และต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ถึงแม้บิดาของนางจะเป็นนายพรานที่เก่งกาจแต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ท่านพ่อของนางเองก็แก่ชรามากแล้ว ท่านแม่เองก็สุขภาพไม่ค่อยดี ที่บ้านมีเพียงน้องชายที่ยังไม่ได้แต่งภรรยา อายุ

16 หนาวแล้ว คงต้องเร่งหาเงินและหาเสบียงให้มากหน่อย

“ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าว่าจะเข้าไปในป่าชั้นกลางเพื่อที่จะหาสมุนไพรมาบำรุงร่างกายให้ท่านพ่อและท่านแม่ของท่าน อีกส่วนหนึ่งข้าจะแบ่งไปให้ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าด้วยนะเจ้าคะ

“มันจะดีหรือน้องหญิง มันอันตรายมากนะ หากว่าเจอกับสัตว์วิญญาณจะทำเช่นไร”

“ข้าจะไม่เข้าไปลึกมากเจ้าค่ะ และข้ามีเรื่องจะบอกให้ท่านพี่ทราบด้วย”

เนี่ยหลิงตัดสินใจจะบอกถึงการมีอยู่ของแหวนมิติและความสามารถของธนูให้สามีฟังเพราะนางตั้งใจจะล่าสัตว์ไปเป็นเสบียงจำนวนมาก ลำพังแค่นางกับสามีคงไม่สามารถขนกลับไปได้หมด

“เรื่องอะไรหรือน้องหญิง”

“วันที่ข้าพลัดตกเขา ข้าได้ตกลงไปในหุบเขาแล้วข้าหมดสติไป พอฟื้นขึ้นมาข้าได้เดินมาเจอถ้ำ ๆ หนึ่งเพื่อหาที่นั่งพักข้าเลยลองเข้าไปดูก็พบกับหีบหนึ่งใบ ธนูที่ข้าสะพายมาด้วยอันนี้และลูกธนูและมีแหวนมิติอีกหนึ่งวงเจ้าค่ะ”

“เจ้าว่าอะไรนะ แหวน แหวนมิติรึข้าได้ยินแต่คำบอกเล่า

ไม่นึกว่าจะมีจริง ๆ เรื่องนี้เจ้าห้ามแพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เด็ดขาด มันอันตรายมากนะน้องหญิง”

“ข้าทราบเจ้าค่ะ ในหีบยังมีตำราฝึกปราณ ตำราฝึกยุทธ์ และวิธีเปิดจุดชีพจรเพื่อฝึกปราณ และตำราปรุงโอสถด้วยเจ้าค่ะ”

“สวรรค์เมตตาครอบครัวเราแล้ว ตอนนี้เรายังอ่อนแอ

ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ใครรู้เป็นเด็ดขาด”

“และธนูนี้สามารถยิงสัตว์ให้ตายได้ทันทีแม้จะไม่โดนจุดตายของสัตว์ตัวนั้น”

“เช่นนั้นเจ้าทำอะไรอย่าได้ประมาทและระวังให้มาก”

“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะท่านพี่”

ทั้งสองคนเดินเข้ามาจนถึงป่าชั้นกลาง ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ เดินมาประมาณครึ่งชั่วยามก็เจอกับฝูงกระต่ายแสงจันทร์

สัตว์วิญญาณระดับต่ำ เนี่ยหลิงขึ้นสายธนูและยิงออกไปโดยเล็งที่

จ่าฝูง ฟิ้วววว ปั๊ก เจ้ากระต่ายเคราะห์ร้ายล้มลงทันที กระต่ายตัวอื่น ๆ เมื่อเห็นจ่าฝูงล้มลงก็หนีเข้าป่าทันที เนี่ยหลิงจัดการเก็บกระต่ายเข้าแหวนมิติทันที

“นะ น้องหญิง ธนูของเจ้าช่าง วิเศษนัก” หยางหลงเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ

“ไปกันเถอะท่านพี่ เวลาไม่ช้าแล้วเราจะกลับมืดค่ำเอาได้”

ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าชั้นกลางเรื่อย ๆ ในป่าเงียบสงบและดูวังเวงพิกล สองตาสอดส่ายมองหาสมุนไพรพลันสายตาก็ไปหยุดที่ตรงพุ่มไม้เตี้ย ๆ สีแดงส้ม ๆ ประมาณ 5-6 ต้น นางแทบจะกรี๊ดลั่นป่า สองเท้าสาวเข้าไปทันที

“น้องหญิง นั่นเจ้าจะไปไหน”

“ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าว่าข้าเจอโสม เจ้าค่ะ”

“โสมรึ น้องหญิง “

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านพี่ช่วยข้าขุดเร็ว ๆ อย่าให้โดนรากนะเจ้าคะ ค่อย ๆ ขุด”

“ได้” หยางหลงรับคำและรีบลงมือขุด ถึงแม้มือจะสั่นไปบ้าง แต่เขาพยายามอย่างถึงที่สุดเพราะกลัวจะขุดโดนรากแล้วจะทำให้สมุนไพรเสียหายได้

เมื่อขุดเสร็จทั้งสองคนก็เดินต่อ ระหว่างทางพบเจอสัตว์บ้างประปราย แล้วเนี่ยหลิงก็ไม่พลาดที่จะล่าด้วยเช่นกัน หยางหลงเองก็ล่าได้ ทั้งไก่ป่า หมูป่า กระต่ายป่า ตอนนี้ในป่ามองไม่เห็นแสงของดวงอาทิตย์ เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาไหนแล้ว ทั้งคู่จึงหยุดพักทานอาหารด้วยความหิวโหย

“น้องหญิงพี่ว่า เราน่าจะเดินลงเขาได้แล้วพี่กลัวมันจะมืดค่ำ และเกิดอันตรายได้”

“เอาตามที่ท่านพี่ว่าเถอะเจ้าค่ะ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น สัตว์ป่าได้มาหลายตัวแล้ว และอีกสองวัน ข้าจะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ

ท่านแม่ข้านะเจ้าคะ จะเอาอาหารและของที่จำเป็นไปให้ด้วย”

“ได้ เอาตามที่น้องหญิงว่า พี่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้พาเจ้ากลับไปตั้งสองปี หวังว่าท่านพ่อตาและท่านแม่ยาย คงจะยกโทษให้เขยอกตัญญูเช่นพี่”

“ท่านพี่อย่าได้โทษตัวเองเลย ท่านพ่อ ท่านแม่ข้าเข้าใจดีที่สุดถึงความจำเป็นของครอบครัวท่านพี่เจ้าค่ะ”

เมื่อทั้งสองกินอาหารเสร็จก็เดินลงจากเขา ระหว่างทางก็

ล่าสัตว์และเก็บผักป่าและเห็ดไปด้วย เดินลงมาเรื่อย ๆ อยู่ ๆ เนี่ยหลิงก็หยุดเดินกะทันหัน หยางหลงเห็นผู้เป็นภรรยาหยุดเดินจึงหยุดเดินด้วย เขามองเห็นภรรยาอ้าปากค้าง ตาโต ชี้มือไปที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ และได้ยินเสียงพึมพำของผู้เป็นภรรยา

“ท่านพี่ ๆ นั่นมัน นั่นมัน หญ้าวานรเวหาใช่หรือไม่ สมุนไพรวิญญาณระดับกลางด้วย ท่านพี่ ๆ นี่ข้าฝันไปใช่หรือไม่”

หยางหลงไม่ได้ตอบเนี่ยหลิงเพราะเขาเองทำสิ่งใดไม่ถูก

ตาค้างอ้าปากกว้าง ยืนอึ้งนิ่งค้างไปตั้งแต่สายตามองเห็นหญ้า

วานรเวหาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว

“ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ”

“ฮะ ว่าเยี่ยงไรน้องหญิง”

“ท่านจะยืนอึ้งอีกนานหรือไม่ รีบช่วยข้าเก็บไว ๆ เจ้าค่ะ ข้าจะคอยคุ้มกันให้ อาจจะมีสัตว์วิญญาณที่เฝ้าหญ้าวานรเวหาอยู่ก็เป็นได้”

ไม่รอช้าหยางหลงรีบเก็บหญ้าวานรเวหาทันที วันนี้นับว่าโชคดีที่ได้พบกับหญ้าวานรเวหา ท่านพ่อ ท่านแม่จะได้มียาบำรุง และหายจากอาการเจ็บป่วยเสียที ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวของเขา และก็เป็นไปตามคาด หยางหลงเก็บสมุนไพรเสร็จพอดี

ทั้งสองกำลังจะหันหลังเดินออกมา หมีขนเหล็กก็พุ่งเข้าหาทั้งสองคนทันที มันอุตส่าห์เฝ้าสมุนไพรไม่ให้สัตว์ตัวอื่นมาเข้าใกล้ มันแค่ออกไปหาอาหารแป๊บเดียว มนุษย์ตัวเหม็นสองคนนี้กลับมาชุบมือเปิบเอาไป

ทั้งสองคนกระโดดหลบไปคนละทาง เนี่ยหลิงตกใจมาก

พอได้สติ ก็เล็งธนูใส่หมีขนเหล็กก่อนที่หมีจะตะปบสามีของนาง

ได้ทันท่วงที นางถอนหายใจอย่างโล่งอก ครั้งนี้นับว่าประมาทมากจริง ๆ เพราะอารามดีใจที่ได้สมุนไพรวิญญาณ นางเก็บหมีเข้าแหวนมิติ และรีบเร่งเดินออกจากป่าชั้นกลางทันที

“ท่านพี่รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”

“ได้” หยางหลง ที่ยังตกใจหน้าซีดเป็นกระดาษ รีบเดินตามภรรยาไปทันที พลางคิดในใจนึกว่าจะไม่รอดแล้ว

อันตรายจริง ๆ ป่าชั้นกลางน่ากลัวจริง ๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป