บทที่ 4 4
“อะไรของนกเนี่ย อยู่ดีๆ ทำไมต้องมาถามคำถามไร้สาระแบบนี้กับพี่ด้วย” รนิดาจับตามองน้องสาวอย่างจริงจัง “มีอะไรก็บอกพี่มาตรง ๆ เลยนก พี่ไม่ชอบอ้อมค้อม มันเสียเวลา”
อารียามองหน้าพี่สาวด้วยสายตาเคร่งเครียด ใจหนึ่งก็อยากพูดออกไปตรงๆ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของพี่สาวขึ้นมา กลัวว่าเธอจะทำใจยอมรับไม่ได้จนถึงขั้นช็อกเพราะรู้ว่าเธอนั้นรักแฟนหนุ่มมากเพียงใด
“บอกพี่มาเถอะนก ไม่ต้องปิดบังพี่หรอก”
“คนอื่นมาแล้ว เอาไว้คืนนี้นกจะโทรหาพี่หงส์ดีกว่าจ้ะ” อารียานึกดีใจที่พี่และน้องอีกสามคนเดินเข้ามาถูกจังหวะพอดี อย่างน้อยก็ขอเวลาเรียบเรียงคำพูดและสืบดูอีกสักหน่อยก่อนดีกว่า
รนิดายอมหยุดเอาไว้แต่เพียงแค่นี้ หลังจากนั้นจึงแยกย้ายกับน้องๆ ทั้งสี่เพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอบ้านแพ้ว ไปนอนเป็นเพื่อนมารดาอย่างที่บอกกับพวกเธอเอาไว้
ยามค่ำคืนในบรรยากาศที่เย็นสบายเพียงแค่เปิดพัดลมหนึ่งตัวไม่ได้ช่วยให้หญิงสาวเข้าสู่ห้วงนิทราได้เลย เพราะจิตใจของเธอกำลังเป็นกังวลกับท่าทางของน้องสาวคนที่สองเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเธอยังไม่ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายนั้น และเธอก็เป็นประเภทที่ไม่ชอบโทรจิก จึงเฝ้ารอคอยอย่างใจจดจ่ออยู่เงียบๆ แต่การกระทำที่เธอคิดว่าเงียบเชียบพอ หาได้รอดพ้นสายตาของผู้เป็นมารดา
“นอนไม่หลับเหรอหงส์” ท่านพลิกตัวขยับขึ้นมานั่งมองลูกสาวคนโตด้วยสายตาเปี่ยมรัก ไม่มีแววง่วงงุนแม้สักนิด
“แม่ยังไม่หลับอีกเหรอจ๊ะ”
“แม่จะนอนหลับได้ยังไงในเมื่อลูกสาวของแม่เอาแต่นอนถอนหายใจอยู่แบบนี้”
“หงส์ถอนใจด้วยเหรอแม่” เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอถอนหายใจดังจนรบกวนการนอนของมารดา “หงส์ขอโทษนะจ๊ะแม่ หงส์เครียดเรื่องงานนิดหน่อยก็เลยเผลอถอนหายใจแรงไปนิด แม่นอนเถอะจ้ะ หงส์จะไม่รบกวนแม่แล้ว”
“เครียดเรื่องเงินหรือเปล่า ถ้าใช่ก็บอกแม่ได้นะ” ท่านรู้ว่าช่วงนี้ลูกสาวต้องใช้เงินเยอะเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน จึงยินดีที่จะให้เธอหยิบยืมเงินไปใช้หมุนเวียนก่อนอย่างเต็มใจ “แม่ไม่บอกเตี่ยเขาหรอก”
“เปล่าหรอกจ้ะแม่ หงส์ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินหรอกจ้ะ หงส์กำลังเครียดกับการปรับเปลี่ยนตารางเรียนพิเศษต่างหาก”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นแม่ก็คงช่วยอะไรลูกไม่ได้หรอกนะเพราะแม่ไม่เก่งเหมือนลูก”
“ใครว่าแม่ของหงส์ไม่เก่ง แม่ของหงส์เลี้ยงลูกมาตั้งหกคน แต่ละคนก็เรียนจบสูงๆ กันทั้งนั้น แบบนี้จะเรียกว่าไม่เก่งได้ยังไงจ๊ะแม่” ขณะที่เธอกำลังออดอ้อนกับมารดาอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ร้องดังขึ้นมาพอดี “แม่นอนไปก่อนนะ หงส์ขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่งก่อน” เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปขณะเดินออกไปจากห้องนอนของบุพการี.. และไม่ได้กลับมานอนในห้องอีกเลย
พอรุ่งเช้าก็รีบขับรถกลับไปที่สามพราน ตรงดิ่งไปยังห้องพักของคนรัก
ก๊อก ๆ ๆ
ธนายุทธมาเปิดประตูให้เธอในอาการงัวเงีย เขาเบิกตาโตเล็กน้อยพร้อมกับตั้งคำถามด้วยความสงสัย “ทำไมไม่โทรมาบอกผมก่อนล่ะครับว่าจะมา ผมจะได้ตื่นมาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้”
“หงส์ไม่ได้มาเพื่อจะทานอาหารเช้ากับติ๊กหรอกนะ แต่หงส์มาเพราะอยากแวะมาหาติ๊กเท่านั้น” เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บความอยากรู้เอาไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ยอมเดินเข้าไปในห้องของเขาตามแรงจูงของมือใหญ่ “อย่า”
“ทำไมล่ะ หงส์ไม่ได้คิดถึงแบบนี้เหรอครับ” ธนายุทธซุกปลายจมูกลงบนลำคอระหงที่พยายามหลบหลีก
“วันนี้หงส์ไม่มีอารมณ์หรอกติ๊ก อย่าทำแบบนี้กับหงส์” เธอผลักเขาออกสุดแรงแล้วจ้องเขาเขม็งอย่างลืมตัว
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงดูหงุดหงิดนักล่ะครับ”
“หงส์ขอโทษ หงส์อารมณ์ไม่ดี หงส์แค่อยากจะแวะมาบอกว่าพรุ่งนี้เรามีนัดถ่ายรูปแต่งงานอย่าลืมซะล่ะ” คนอย่างเธอไม่ชอบแหวกหญ้าให้งูตื่น และไม่เคยสนใจคำพูดของใครมากกว่าความคิดของตัวเอง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะคนที่พูดคือคนในครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นคนที่เธอรักและเชื่อใจมากที่สุด ถึงจะไม่เห็นกับตาแต่ก็เชื่อไปแล้วเก้าในสิบส่วน อีกส่วนก็คือตามหาความจริง
‘ถ้านกไม่เห็นติ๊กกับนักศึกษาคนนั้นเดินกอดเอวกันไป นกก็คงไม่คิดลึกหรอกพี่หงส์ ท่าทางแบบนั้นมันไม่ใช่ลักษณะของคนรู้จักแน่ๆ จะว่าเป็นน้องสาวก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะติ๊กเขามีแต่พี่น้องผู้ชายไม่ใช่เหรอพี่หงส์’
คำพูดของน้องสาวคนที่สองยังดังก้องอยู่ในสมองอันน้อยนิดของเธอ
“ไม่ลืมหรอกครับ เมื่อคืนเราก็คุยเรื่องนี้กันแล้วนี่ครับ” เขารั้งเธอมากอดเอาใจ แต่เธอกลับฝืนกายถอยหนี
“หงส์กลับก่อนนะ พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงเราจะเจอกันที่สตูเลยหรือว่าติ๊กจะแวะไปรับหงส์ที่บ้าน” บ้านของเธอในครั้งนี้ก็หมายถึงอาคารพาณิชย์สี่ชั้นสองคูหา ที่เปิดเป็นฟิตเนสสองชั้นและใช้สอนพิเศษหนึ่งชั้น ส่วนชั้นที่สี่ทำเป็นห้องชุดสำหรับอยู่อาศัยและใช้เป็นห้องหอ “เจอกันที่สตูเลยก็ได้ติ๊ก เสร็จแล้วหงส์จะได้กลับบ้านแพ้วเลย”
“ทำไมช่วงนี้คุณกลับบ้านบ่อยจัง”
“ก็เตี่ยไม่อยู่นี่”
“แล้ววันนี้ล่ะ”
“วันนี้หงส์ก็ต้องกลับไปนอนกับแม่เหมือนกัน หงส์แวะมาบอกแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิครับหงส์” ธนายุทธดึงแขนเรียวของคนรักเอาไว้ ส่งยิ้มหวานตะล่อมใจให้เธอ “คุณลืมอะไรหรือเปล่าครับ”
เธอไม่ลืมการกอดลาพร้อมกับจูบหวานๆ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งก่อนแยกจากกัน แต่สำหรับวันนี้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะทำมันสักนิด และเธอก็ไม่ใช่ประเภทชอบทำอะไรฝืนใจตัวเองซะด้วยสิ
“อะไรหรือคะ”
“ติ๊กว่าหงส์ต้องงอนอะไรติ๊กแน่ๆ เลย”
