บทที่ 3
วิเวียนผุดลุกขึ้นตบหน้าเอ็มม่าฉาดใหญ่ “อีร่านปีศาจ! แกมันก็แค่อิจฉาที่แมตต์อยากอยู่กับคนอย่างฉันมากกว่า!”
“แล้วแกมันก็แค่อีเลวที่หาผู้ชายเป็นของตัวเองไม่ได้ นี่มันแฟนคนที่สี่แล้วมั้งที่แกไปฉกเขามา หัดมีชีวิตเป็นของตัวเองซะบ้างสิ!”
วิเวียนดูเหมือนจะเจ็บใจอยู่บ้าง หล่อนสวนกลับด้วยการกระชากผมเอ็มม่า ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ความโกรธที่เอ็มม่าอัดอั้นมาทั้งวันไม่อาจเก็บกดได้อีกต่อไป ด้วยฤทธิ์เหล้าเป็นใจ เธอก็พุ่งเข้าใส่วิเวียน ทั้งสองเปิดศึกตบตีกันอุตลุด ต่างฝ่ายต่างข่วน ตบ และดึงทึ้งกัน เอ็มม่ารู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธออยากให้วิเวียนเจ็บปวดเหมือนที่เธอกำลังเจ็บ เธอเงื้อมือจะตบอีกครั้ง แต่แมตต์กระโดดเข้ามายืนขวางระหว่างทั้งสอง
“หยุดนะ!” เขาตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวทั้งสองถอยห่างออกจากกัน ความโกรธแค้นยังคงเดือดพล่านในสายเลือดของเอ็มม่า เธออยากจะกระชากหัวอีนั่นออกมาทีละเส้น แต่ความโกรธที่เธอมีต่อแมตต์นั้นมันคนละระดับกันเลย ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขา วิเวียนอาจจะยั่วยวนเขา แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนเลยถ้าเขาไม่ต้องการมันด้วย
“ออกไปจากฉันนะ!” เอ็มม่าปัดมือเขาออก
“เธอต้องขอโทษวิเวียนนะ” แมตต์พูดกับเธอ
“ว่าไงนะ?”
“ที่เธอพูดมันโหดร้ายและไม่สมควรพูดเลย ฉันเข้าใจว่าเราหักหลังเธอ แต่เธอต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อย ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำกับวิเวียนแบบนี้ ขอโทษซะ”
เอ็มม่าจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง เธอรู้สึกราวกับว่าเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรก ความทรงจำอันอ่อนหวานในช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน บัดนี้แปดเปื้อนไปด้วยความทรงจำใหม่ๆ เขาไม่ใช่พระเอกในเรื่องราวของเธอ เขาไม่ใช่เจ้าชายรูปงามที่จะมาฉุดเธอให้พ้นจากชีวิตอันเลวร้าย ไม่มีใครจะทำแบบนั้น ไม่มีใครกำลังจะมาช่วยเธอ เธอต้องช่วยตัวเองเท่านั้น
ในชั่วขณะนั้น เธอรู้สึกทั้งขยะแขยงและสมเพชคนทั้งสอง แต่ถึงจะโกรธมากเพียงใด เธอก็แตกสลาย หัวใจของเธอแหลกละเอียด น้ำตาคลอหน่วยที่ดวงตา ก้อนสะอื้นจุกขึ้นมาที่ลำคอ
“อยากให้ฉันขอโทษวิเวียนเหรอ? ได้สิ นี่ไงล่ะ” เธอกล่าวพลางมองไปที่วิเวียน “ฉันขอโทษนะที่เธอมีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ ถึงได้เที่ยวไปไล่จับแต่ผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว ฉันขอโทษด้วยนะที่เธอจะไม่มีวันมีเพื่อนแท้เลยสักคน เพราะว่า...ฉันเสียใจด้วยจริงๆ...จะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเธอหรอก” เอ็มม่าพูดด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ?” แมตต์ถาม “นั่นมันไม่ใช่การขอโทษนะ! ขอโทษดีๆ สิ!” เขาสั่ง ดวงตาเย็นชาที่เขามองมาทำให้เธอเจ็บปวด แต่เธอจะแสดงความเจ็บปวดให้เขาเห็นอีกไม่ได้แล้ว เธอต้องจบเรื่องนี้และออกไปจากที่นี่
“ฉันไม่ใช่แฟนเด็กดีว่านอนสอนง่ายของนายอีกต่อไปแล้ว ฉันทิ้งนายไปแล้ว เมื่อสัก 10 นาทีก่อน จำได้ไหม?”
“มันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย!” วิเวียนตะโกน
“ขอให้พวกเธอทั้งสองโชคดีแล้วกัน” เอ็มม่าไม่สนใจเสียงโวยวายของวิเวียน “ไปลงนรกด้วยกันทั้งคู่เลยไป!”
แมตต์กับวิเวียนจ้องมองเธอด้วยความตกตะลึงเงียบงัน เอ็มม่าเคยเป็นเด็กสาวที่แสนจะเรียบร้อยและเงียบขรึม ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดุดันและร้อนแรงอย่างที่เห็นตรงหน้านี้ เหนือสิ่งอื่นใด วิเวียนโกรธมาก มันไม่ควรจะออกมาเป็นแบบนี้ เอ็มม่าควรจะต้องอ้อนวอนขอให้พวกเขาอย่าทำแบบนี้กับเธอสิ เธอควรจะต้องร้องไห้ขอให้แมตต์อย่าทิ้งเธอไป วิเวียนต้องการเห็นความพังพินาศที่เธอก่อขึ้นในชีวิตของเอ็มม่า นั่นคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตหล่อน และตอนนี้หล่อนก็จะไม่ได้เสพสมมันอีกแล้ว แต่อย่างน้อยหล่อนก็ยังพอใจที่ได้เห็นเอ็มม่าผู้โศกเศร้าเปียกปอนมาอาละวาดในสถานที่โปรดของหล่อน เธอจะไม่มีวันกลับมาที่นี่ได้อีก และเอ็มม่าก็รู้ดี
เอ็มม่าวิ่งออกจากร้านเทรเมนส์ เธอวิ่งฝ่าสายฝนที่ตกหนักจนกระทั่งรู้สึกว่ามาไกลพอที่จะปล่อยโฮออกมาได้ อะดรีนาลีนและแอลกอฮอล์ผสมปนเปกันในร่างกายของเธอ เธอมึนงงด้วยอารมณ์ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนี้ก็สั่นคลอนเธออย่างรุนแรง แสงไฟ สายฝน และน้ำตาทำให้ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว และทุกความรู้สึกที่เธอกดเก็บไว้ก็ถูกปลดปล่อยออกมา
เอ็มม่าถูกแม่เลี้ยงขาย ถูกเพื่อนร่วมห้องหลอกลวง และถูกแฟนหนุ่มหักหลัง ไม่มีที่ไหนให้เธอไปอีกแล้ว บ้านในวัยเด็กของเธอคือรังแห่งการถูกทอดทิ้งและทารุณกรรม แต่เธอจะปล่อยให้เจนขายมันไปไม่ได้ ก่อนที่แม่ของเธอจะจากไป เอ็มม่าได้สัญญาไว้ว่าจะทะนุถนอมบ้านของพวกเขาและความทรงจำอันสวยงามที่เคยมี ณ ที่แห่งนั้น เธอสัญญาว่าจะดูแลพ่อของเธอ เธอสัญญาว่าจะปกป้องครอบครัว และนั่นคือความรักที่เธอมีต่อแม่
เธอไม่สามารถกลับไปที่หอพักได้ เธอไม่สงสัยเลยว่าวิเวียนต้องล็อกห้องไม่ให้เธอเข้าแน่ ซาบริน่ากลับไปบ้านพ่อแม่ช่วงสุดสัปดาห์ เธอจึงไปหาซาบริน่าไม่ได้ เธอติดอยู่ในพายุฝน ปัญหาของเธอสามารถแก้ไขได้ด้วยคำเพียงคำเดียว... เงิน เงินที่จะช่วยรักษาบ้านของเธอไว้ เงินที่จะช่วยตัวเธอเอง
ด้วยความโมโห เธอจึงบอกเจนว่าจะหาเงินก้อนนั้นมาด้วยตัวเอง
“ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย?” เธอร้องออกมา “แล้วฉันจะไปหาเงินนั่นมาจากไหน?” เอ็มม่าเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนน มึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา
จะมีใครสักคนไหมที่จะช่วยเธอได้? เธอจะไปหาเงินห้าหมื่นดอลลาร์มาจากไหนกัน?
ความอดกลั้นที่เธอมีต่อความทุกข์ทรมานพังทลายลง และเธอก็ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความปวดร้าว ไม่ใช่แค่เรื่องของวันนี้ แต่เป็นเรื่องของการถูกทารุณกรรมที่เธอทนมานานหลายปี เอ็มม่าไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ เธอไม่เคยอยากเป็นภาระของใคร ความปรารถนาที่จะปลดปล่อยทุกอย่างมันท่วมท้นในใจเธอ แต่เธอก็ต้องก้าวต่อไป เธอเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนราวกับเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง
“ฉันต้องป่วยแน่ๆ” เธอสูดน้ำมูก “บางทีฉันควรจะโบกรถไปนะ” แต่เธอจะไปที่ไหน เธอก็ไม่รู้เลย
เอ็มม่ายืนอยู่ข้างถนน พยายามโบกรถ ไม่มีใครจอดรับเธอเลย รถบางคันก็ขับผ่านไปพร้อมกับสาดน้ำใส่เธอ เธอไม่สามารถเปียกไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ทุกอณูบนตัวเธอชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝน เอ็มม่าตัวสั่นเมื่อความเย็นของน้ำซึมเข้ากระดูก ปัญหาต่างๆ รุมเร้าเข้ามาหาเธอ ดูเหมือนว่าความวุ่นวายในชีวิตของเธอจะไม่มีวันสิ้นสุด แต่ในตอนนั้น สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือการได้อาบน้ำอุ่นๆ และความเมตตาสักเล็กน้อย เธอพยายามโบกรถต่อไป แต่ก็ไม่มีใครจอด ในชั่วขณะแห่งความสิ้นหวัง เธอกระโดดออกไปกลางถนนขวางทางรถที่กำลังวิ่งมา
รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเธอ แสงไฟหน้ารถสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันใกล้เข้ามา เอ็มม่าไม่ถอยหนี ถ้าชีวิตเธอจะจบลงแบบนี้ ก็ให้มันเป็นไป เธอไม่สนใจแล้ว บางทีแบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้ เธอหลับตาลง กางแขนออก และพร้อมรับความดับสูญ
รถคันนั้นเบรกจนตัวโก่งแล้วหยุดนิ่ง เอ็มม่าลืมตาขึ้น เห็นรถสปอร์ตสีดำมันวาวคันหนึ่ง ราวกับว่าสายฝนไม่สามารถแตะต้องมันได้ มันเป็นรถที่หรูหราที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา ก่อนที่เอ็มม่าจะทันได้ขยับตัว คนขับก็ลดกระจกรถลงแล้วตะโกนใส่เธอจากข้างใน
“ทำบ้าอะไรของเธอวะเนี่ย?!” เป็นเสียงของผู้ชาย เอ็มม่าเดินอ้อมไปที่ประตูรถ จากที่เธอมองเห็นเขาเพียงเล็กน้อย เขาดูหล่อเหลาและมีรัศมีของความร่ำรวย
“ขอโทษนะคะ พอจะรบกวนขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ?”
ชายคนนั้นมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วแค่นเสียง
“ฉันไม่ได้มองหาเพื่อนร่วมทาง” เขาเลื่อนกระจกขึ้นแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เอ็มม่าถูกทิ้งไว้กลางถนน ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำรอบตัวเธอ ทุกสิ่งที่เธออดกลั้นไว้ในวันนั้นระเบิดออกมาจากข้างใน เธอล้มทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กลางถนน แม่เลี้ยงขายเธอ แฟนนอกใจเธอ เพื่อนร่วมห้องหักหลังเธอ เธอกำลังจะเสียบ้านไป พ่อของเธอก็จมดิ่งกับการเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ต้องหาเงินห้าหมื่นดอลลาร์มาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
จิตใจของเธอแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
เมื่อเขาขับรถเล่นในคืนนั้น เขาไม่คิดว่าจะเกือบขับรถชนใครตาย แต่เธอก็ยืนอยู่ตรงนั้น กลางถนน เปียกโชกไปด้วยน้ำฝน เขาปักใจเชื่อว่าเป็นหญิงขายบริการที่โชคไม่ดี เขาขับรถหนีเธอไป แต่ก็หยุดรถเมื่อเห็นเธอล้มลงกลางถนน
มีบางอย่างในสถานการณ์นั้นสะกิดใจเขา
“ไม่ฉันก็เป็นไอ้โง่ที่สุดในโลก” เขาพูดกับตัวเอง “ก็หล่อนนั่นแหละที่เป็นนักแสดงที่เก่งที่สุดในโลก ฮึ่ย ฉันต้องเสียใจกับเรื่องนี้แน่ๆ” เขาถอยรถกลับไปหาเธอ ดูเหมือนเธอจะประหลาดใจจริงๆ ที่เห็นเขากลับมา เขาลงจากรถแล้วกางร่มให้เธอ
“ขึ้นมา”
เอ็มม่ามองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ อ...อะไรนะคะ?
นี่จักรวาลกำลังส่งสัญญาณอะไรให้เธอหรือเปล่า? เขาดูร่ำรวย แผนการบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเธอ เธอรีบวิ่งขึ้นรถ และชายคนนั้นก็ทำหน้าเหมือนรังเกียจ
“จะให้ฉันไปส่งที่ไหน?”
“เอ่อ...” เอ็มม่ายังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น ตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนที่เธอจะไปได้ “ฉันไม่รู้ค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากไป”
ชายคนนั้นจ้องมองเธอ เอ็มม่าจ้องตอบเขา และคิดอีกครั้งว่าเขาดูร่ำรวยเพียงใด เขามีเงินและไม่กลัวที่จะแสดงมันออกมา บางทีเธออาจจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ ความคิดนั้นทำให้เธอรู้สึกรังเกียจตัวเองทันทีที่มันผุดขึ้นมา แต่จิตใจที่แตกสลายของเธอไม่สามารถคิดอะไรได้ไกลกว่าสถานการณ์ตรงหน้า และในตอนนั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอต้องการ สิ่งเดียวที่จะแก้ปัญหาของเธอได้
เงิน เอ็มม่ารู้ว่าเธอจะต้องเกลียดตัวเองสำหรับเรื่องนี้ แต่...
“เอ่อ... คุณรวยหรือเปล่าคะ?”












































































































































































