บทที่ 11 คุณฆาตกร!

ลลิตาลุกขึ้นทันทีแล้วรีบเดินตามคนรับใช้ขึ้นไปชั้นบน

เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาจึงถามคนรับใช้ว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

คนรับใช้ทำหน้าตาแปลกๆ ทั้งยังหลบเลี่ยงเหมือนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเธอ “ฉันไม่ทราบค่ะ คุณหนูรองไปดูเองเถอะค่ะ”

ห้องที่คนรับใช้พาไปคือห้องที่อยู่ด้านในสุดของชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องของวัชรพล

ลลิตาขมวดคิ้วทันที พลางบี้ปลายนิ้วตัวเอง ในใจยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

คนพวกนี้รีบร้อนตามหาเธอขนาดนี้ หรือว่าวัชรพลเกิดเรื่องอะไรขึ้น? แต่การรักษาของเธอก็ราบรื่นดีนี่นา หรือว่าณัฏฐ์เป็นคนสร้างเรื่องกันแน่?!

พอเดินไปถึงหน้าประตู การปรากฏตัวของเธอก็ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันที

อรุณีพุ่งพรวดเข้ามาทันที จ้องลลิตาด้วยดวงตาแดงก่ำแล้วตวาดเสียงดังว่า “ลลิตา เธอบอกว่าฝีมือการรักษาของเธอดีนักไม่ใช่เหรอ?”

“นี่น่ะเหรอที่ดีของเธอ? บ้านเราไปติดหนี้อะไรเธอ ถึงได้มาทำร้ายพลของบ้านเราแบบนี้หา!”

พิสิษฐ์ถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว จ้องลลิตาอย่างฉุนเฉียว “นี่น่ะเหรอคำรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะที่เธอบอกกับฉัน?”

“เธอบอกว่าเธอรักษาพลให้หายได้ไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่ามั่นใจกับอาการป่วยนี้มากเหรอ?”

เสียงด่าทอที่สาดเข้ามาทำให้ลลิตางุนงง เธอมองอรุณีที่ทำท่าเหมือนอยากจะบีบคอเธอให้ตาย แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ?”

แต่ในใจก็เริ่มกังวลขึ้นมา ถ้าวัชรพลเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ คงจะยุ่งยากแน่!

พิสิษฐ์สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาชี้ไปที่วัชรพลบนเตียงแล้วพูดว่า “เธอดูกับตาตัวเองสิ!”

“ก่อนหน้านี้พลยังปกติดีอยู่เลย แต่พอเธอรักษาสองสามวัน เช้านี้ก็มีเลือดออกทวารทั้งเจ็ดแล้ว!”

ลลิตารีบเดินเข้าไป บนใบหน้าของวัชรพลเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ทั้งมุมปาก รูจมูก หรือแม้แต่ในหูทั้งสองข้างก็มีเลือดไหลออกมา

แม้ตอนนี้จะมีคนเช็ดรอยเลือดออกไปแล้ว แต่ตามซอกเล็กๆ ก็ยังคงมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่

คฤหาสน์อนุชิตเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ และพิสิษฐ์ก็ชอบให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ดังนั้นคนในตระกูลกิตติเจริญส่วนใหญ่จึงอาศัยอยู่ที่นี่ พอเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาก็ได้ยินและพากันมาที่นี่

ณัฏฐ์เดินมาเร็วที่สุด เขากวาดสายตามองบรรยากาศที่ตึงเครียดภายในห้อง เหลือบมองสีหน้าที่ทั้งเคร่งขรึมและเจือปนด้วยความโกรธของคนทั้งสอง

มุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างซ่อนเร้น ในแววตามีความสนุกสนานที่ได้ดูเรื่องวุ่นวาย แต่ใบหน้ากลับแสดงความกังวล “ทำไมพลเลือดออกเยอะขนาดนี้ล่ะครับ?”

“ผมไม่เคยได้ยินว่าเจ้าชายนิทราที่นอนอยู่บนเตียงจะมีเลือดออกด้วย” เขาหันไปมองพิสิษฐ์ที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดสุมไฟ “พ่อครับ ผมบอกพ่อแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ่อก็ยังปล่อยให้เธอรักษาพลตามอำเภอใจ”

“เป็นไงล่ะครับทีนี้? ผมบอกแล้วว่าเธอเชื่อถือไม่ได้”

ณัฏฐ์พึมพำไปพลาง มองคราบเลือดที่ไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของวัชรพลไปพลาง อารมณ์ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ

ถ้ารู้ว่าฝีมือการรักษาของลลิตาห่วยแตกขนาดนี้ เขาคงจะรีบให้เธอมาทำการรักษาตั้งแต่แรกแล้ว และคงจะยกมือทั้งสองข้างเห็นด้วยเลยล่ะ

ดูจากสภาพของวัชรพลแล้ว ใบหน้าก็ยิ่งซีดเผือดลง ดูเหมือนคนใกล้จะตายเต็มที

เขามองลลิตาที่ยังคง “ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย” ขณะกำลังตรวจดูดวงตาของวัชรพล แล้วเลิกคิ้วพูดว่า “ลลิตา ถ้าเธอตรวจไม่เป็นก็หลบไปข้างๆ เถอะ เดี๋ยวหมอประจำตระกูลก็มาแล้ว”

“อย่ามาทำให้เขาเสียเวลาเลย ด้วยฝีมือการรักษาอย่างเธอ อย่าทำให้พลเป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย”

อรุณีพอได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปจะดึงตัวลลิตาออกมา

หลานชายของเธอยังพอมีลมหายใจรวยรินอยู่ ถ้าให้ลลิตารักษาต่อไป แล้วเกิดตายขึ้นมาจะทำยังไง?

มุมปากของณัฏฐ์อดไม่ได้ที่จะยกขึ้น คราวนี้ดีล่ะ พอวัชรพลตาย ลลิตาก็จะถูกไล่ออกไปทันที

บ้านหลังนี้ก็จะเป็นโลกของเขาไม่ใช่หรือ?

เหลือแค่เด็กคนนั้น ซึ่งไม่น่ากลัวเลยสักนิด

“ปล่อยพลเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอย่างร้อนรนของอรุณี ลลิตาก็ปล่อยมือ มุมปากของเธอกระตุกยิ้มขึ้น

อรุณีเบิกตากว้างทันที เธอมองหลานชายบนเตียงสลับกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาจุกอก เธอจ้องลลิตาแล้วกัดฟันกรอด “เธอหมายความว่ายังไง? หลานฉันเป็นขนาดนี้แล้ว เธอยังจะมายืนยิ้มอยู่อีกเหรอ?”

“ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของเธอ เธอกล้ายิ้มออกมาได้ยังไง?”

ไม่แน่ว่าลลิตาอาจจะโกรธแค้นตระกูลกิตติเจริญที่ให้เธอแต่งงานกับเจ้าชายนิทรา เลยมาระบายความแค้นทั้งหมดลงที่หลานชายของเธอ!

ทุกคืนที่นอนกับหลานชายของเธอ ก็ไม่รู้ว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรกับหลานของเธอบ้าง!

“ฉันว่าเธอไม่ได้มีเจตนาดีแน่ๆ เธอใช้การรักษาบังหน้าเพื่อจะได้ทำร้ายพลของฉันได้สะดวกขึ้นใช่ไหม?”

“เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีการลงโทษทางกฎหมายพ้นเหรอ? ฉันจะบอกให้ ไม่มีทาง!”

อรุณีโกรธจนมือสั่น “เธอรออยู่ตรงนี้เลย ฉันจะให้คนมาจับเธอเข้าคุกในข้อหาฆาตกรรม”

“นังฆาตกร!”

ในแววตาของลลิตาวาบประกายเย็นเยียบ เธอมองอรุณีที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือเหมือนกำลังจะโทรหาใครบางคน แล้วค่อยๆ พูดขึ้น

“คุณอรุณีคะ ใครบอกว่าเลือดออกทวารทั้งเจ็ดจะต้องเป็นอาการของโรคที่ทรุดลงเสมอไปล่ะคะ?”

มือของอรุณีชะงัก เธอหรี่ตามองลลิตา “เธอหมายความว่ายังไง?”

“ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอาการของคุณวัชรพลคือการถูกวางยาพิษ ไม่ใช่เจ้าชายนิทรา!”

ลลิตาเหลือบมองวัชรพล “ส่วนอาการในตอนนี้ คือเขากำลังขับสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นข่าวดีอย่างยิ่งค่ะ”

“เมื่อกี้ฉันจับชีพจรดูแล้ว อาการของเขาดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก ใกล้จะทำการรักษาขั้นสุดท้ายได้แล้วค่ะ”

“รักษาขั้นสุดท้ายเหรอ?” สุพัตราพูดขัดขึ้นมาทันที “พูดไปใครจะเชื่อ? เธอบอกว่าตรวจแล้ว แต่เมื่อกี้ยังไม่ได้จับชีพจรเลย จะหลอกใครกัน?”

“คุณป้าสุพัตราคะ คิดให้ดีก่อนพูดนะคะ”

ลลิตาขี้เกียจจะโต้เถียงกับพวกเขาอีกต่อไป “การแพทย์แผนจีนมีการตรวจดู ฟังเสียง ดมกลิ่น ถามอาการ และการจับชีพจร การจับชีพจรเป็นเพียงหนึ่งในวิธีเหล่านั้นเท่านั้นค่ะ”

“แล้วก็ขอให้ทุกคนรีบออกไปก่อน เว้นที่ว่างไว้ให้ฉันทำการรักษาขั้นสุดท้ายด้วยค่ะ”

การรักษานี้ต้องใช้ความละเอียดอ่อน การมีคนอยู่ข้างๆ จะส่งผลกระทบได้

“ไม่ได้นะ เธอจะรักษาต่อไม่ได้!”

อรุณีไม่ฟัง ทั้งยังคว้ามือของเธอไว้ “อย่าคิดจะทำร้ายพลอีกนะ!”

นังเด็กนี่คงคิดจะทำร้ายพลของเธอมาตลอด พอครั้งนี้เธอจับได้ ก็เลยตัดสินใจแตกหัก คิดจะไล่ทุกคนออกไป เพื่อที่ตัวเองจะได้ลงมือขั้นสุดท้าย!

ไม่แน่ว่า แค่เธอออกไปแป๊บเดียว พลของเธอก็อาจจะตายในห้องนี้ก็ได้!

“คุณอรุณีคะ ให้หมอคนอื่นมารักษาก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน สู้ให้ฉันลองดูสักตั้งไม่ดีกว่าเหรอคะ? อีกอย่าง ผลลัพธ์ที่ผ่านมาคุณก็เห็นกับตาไม่ใช่เหรอคะ?”

“สีหน้าของคุณวัชรพล ดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหมคะ?”

วัชรพลนอนอยู่บนเตียง ก่อนที่ลลิตาจะมา ใบหน้าของเขาซีดขาวริมฝีปากม่วงคล้ำ แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับแดงระเรื่อ ริมฝีปากเป็นสีแดง ดูมีสุขภาพดีขึ้นมาก

อรุณีลังเลขึ้นมาทันที ในแววตาของณัฏฐ์ฉายแววรำคาญใจ

เขาแค่นเสียง “เธอจะหลอกใคร? บ้านไหนสีหน้าดีขึ้นแล้วเลือดออกทวารทั้งเจ็ดกัน?”

“พ่อครับ แม่ครับ เราโดนนังเด็กนี่หลอกไปครั้งหนึ่งแล้ว จะยอมให้มันหลอกอีกครั้งเหรอครับ?”

“จะปล่อยให้เธอทำให้พลอาการแย่ลงไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับ!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป