บทที่ 1: ตายก็ไม่แต่งงานกับเธอ

เมื่อเอิร์นก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นอันกว้างขวางของบ้านตระกูลศิริบูรณ์ เธอก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เรียกว่าถูกบีบบังคับจนจำใจเป็นครั้งแรก

คุณชายทั้งสองของตระกูลศิริบูรณ์กำลังมองเธอที่สวมเสื้อเชิ้ตลายดอกด้วยสายตาที่ทั้งสูงส่งและดูแคลน แสงที่เปล่งประกายในดวงตาของพวกเขาราวกับเข็มที่ทิ่มแทงอยู่บนร่างของเอิร์น

เอิร์นรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อถูกพวกเขามองสำรวจ

ไมล์ขยับจมูกฟุดฟิด แล้วพูดกับไนน์ผู้เป็นพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

“นี่น่ะเหรอ? คู่หมั้นที่คุณปู่จัดหามาให้เรา?”

ไนน์พยักหน้า “ใช่ ปู่ให้รูปมาแล้ว ฉันตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของเธอแล้ว ไม่ผิดตัวแน่นอน”

ไมล์กุมหัวตัวเอง ทำท่าทุบตีอกชกหัวอย่างโอเวอร์

“นี่ฉันไปทำอะไรให้พระเจ้าผู้สูงส่งโกรธเคืองหรือไง? ถึงได้ส่งผู้หญิงบ้านนอกคอกนาขนาดนี้มาให้ฉันสร้างความสัมพันธ์ด้วย?”

“ฉันขออยู่เป็นโสดดีกว่า ฉันไม่อยากอยู่แล้ว...”

ไมล์ไม่ได้ปิดบังความรังเกียจที่เขามีต่อเอิร์นเลยแม้แต่น้อย

ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะการแต่งตัวของเอิร์นในวันนี้ ขนาดหมูตัวผู้เห็นแล้วยังต้องเดินหนี

เสื้อเชิ้ตลายดอก กางเกงขาก๊วยสีน้ำเงินเข้ม แถมยังเอาชายเสื้อเชิ้ตยัดเข้าไปในขอบกางเกงอีก

แค่นั้นยังไม่พอ ลองดูหน้าของเธอสิ ดำปิ๊ดปี๋ ไม่รู้ว่าทาครีมยี่ห้ออะไรมา

บวกกับผมเปียสองข้างหนาเตอะที่ติดฟางข้าว ดูแล้วเหมือนมนุษย์ยุคหินไม่มีผิด

ปฏิกิริยาของไมล์ทำให้น้องชายอย่างไนน์รู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่ง

เขาลูบหน้าตัวเอง จ้องเอิร์นอยู่สามวินาที ก่อนจะคว้าถังขยะที่อยู่ตรงหน้ามาโก่งคออ้วกอย่างสุดกลั้น

ขณะที่อ้วกก็ยังบ่นไม่หยุด “น่าเกลียด น่าเกลียดจริงๆ! น่าเกลียดชนิดที่หาใครเปรียบไม่ได้ในโลกหล้า”

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่บังคับให้ฉันมารับเธอ ต่อให้ตายฉันก็ไม่ชายตามองเธอเด็ดขาด”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคุณชายทั้งสองแห่งตระกูลศิริบูรณ์แบบนี้ ในใจของเอิร์นกลับรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก พวกเขาคิดว่าเธออยากจะมาสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขามากนักหรือไง?

เธอก็มาเพราะเห็นแก่หน้าคุณปู่ เห็นแก่สมบัติในอนาคตไม่ใช่หรือไง?

ถุย! พวกเขามองเธอแวบเดียวก็จะอ้วกตายอยู่แล้ว หารู้ไม่ว่าเธอก็ไม่อยากจะอยู่กับพวกเขาสักนาทีเดียวเหมือนกัน

ที่ยังทนอยู่ก็เพราะเห็นว่าหน้าตาพวกเขาพอใช้ได้ ไม่อย่างนั้นเอิร์นคงหันหลังกลับไปตั้งนานแล้ว ไม่ขอทนรับใช้อีกต่อไป!

แต่คุณปู่ของเธอบอกไว้ว่า ถ้าเธออยู่ที่ตระกูลศิริบูรณ์ไม่ครบหนึ่งปีแล้วหนีไป เธอก็จะไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ

เพื่อสิ่งนั้น เอิร์นจึงต้องยอมประนีประนอม

เมื่อเห็นว่าไนน์อ้วกจนเกือบหมดไส้หมดพุงแล้ว เอิร์นก็เหลือบตามองอย่างระอา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา

เธอพูดกับไนน์ว่า “อ้วกหนักขนาดนี้ ท้องเหรอ?”

คำพูดของเธอทำให้ทั้งห้องนั่งเล่นเงียบกริบไปสามวินาที ทันใดนั้น เจย์ที่กำลังกุมหัวอยู่ก็ชี้นิ้วไปที่ไนน์แล้วหัวเราะลั่น

“น้องไนน์ เธอบอกว่านายท้อง เธอบอกว่านายท้องว่ะ...”

เอิร์นได้ยินเสียงของไมล์ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดอย่างซื่อๆ ว่า “ในทีวีเขาก็เล่นกันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

ไนน์ถูกคำพูดของเอิร์นยั่วโมโหจนแทบบ้า เขาขว้างถังขยะในมือทิ้ง แล้วตะคอกใส่หน้าเอิร์น

“ยัยโง่ ฉันเป็นผู้ชาย ผู้ชายจะท้องได้ยังไง?”

“อ๋อ... ที่แท้ก็เป็นไก่ตัวผู้ที่ไข่ไม่เป็นนี่เอง?”

คำสวนกลับทันควันของเอิร์นทำเอาไนน์โกรธจนแทบอยากจะซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอ

แต่พอนึกถึงคำพูดของคุณปู่ หมัดที่ง้างขึ้นก็จำต้องลดลง

“เธอ... นี่เธอจะกวนประสาทให้ฉันตายเลยใช่ไหม?”

เอิร์นมองไนน์ที่กำลังโกรธจัด แล้วถามกลับยิ้มๆ “กฎหมายมีข้อไหนบอกว่า กวนประสาทคนอื่นจนตายแล้วจะผิดกฎหมายเหรอ?”

ไนน์นิ่งเงียบ

เอิร์นยั่วโมโหเขาต่อ “อีกอย่าง ฉันได้บอกให้นายตายซะที่ไหนล่ะ? เป็นนายเองไม่ใช่เหรอที่เลือกจะโกรธ”

“เธอนี่มันปากดีจริงๆ!”

“ส่วนนายก็ปากเหม็นเหมือนส้วมแตก!”

เอิร์นเปิดฉากปะทะคารมกับไนน์ทันที เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนทำท่าจะลงไม้ลงมือกัน ไมล์ที่ชอบดูเรื่องสนุกก็รีบเข้ามาห้าม

“น้องไนน์ เขาเพิ่งมาวันแรก เราไปมีเรื่องกับเขาไม่ดีหรอก”

“ถ้าคุณปู่รู้เข้า เดี๋ยวเราก็โดนด่าเปิงอีก พี่เจย์ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าให้เราดูแลต้อนรับเธอดีๆ?”

เมื่อได้ฟังคำเตือนของพี่ชายอย่างไมล์ ไนน์จึงยอมสงบสติอารมณ์ลง

ไมล์ชี้ไปที่ห้องชั้นบน แล้วพูดกับเอิร์นว่า “ห้องของเธออยู่ชั้นสอง ตรงหัวมุม เดินทางมาเหนื่อยๆ หลายวันแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ...”

เมื่อได้ยินคำพูดของไมล์ เอิร์นก็ยักคิ้วอย่างขี้เล่น แล้วลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองขึ้นไปชั้นบน

ก่อนจะไป ยังไม่ลืมหันมาสั่งสองพี่น้องที่อยู่ข้างล่าง “ฉันต้องซื้อของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย เดี๋ยวจะเขียนรายการให้พวกนาย จำไว้ว่าต้องซื้อมาให้ครบนะ ไม่ต้องขอบคุณ”

เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยโสของเอิร์น ไนน์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“พี่ไมล์ พี่ดูเธอสิ นี่เธอเห็นเราเป็นคนใช้หรือไง? ดูทำท่าเข้าสิ?”

“เอาน่า น้องไมล์ อย่าบ่นไปเลย นี่เป็นคนที่คุณปู่ส่งมานะ หยิ่งหน่อยเราก็ทนๆ ไปเถอะ ยังไงซะ สุดท้ายแล้วก็ต้องมีใครคนหนึ่งในพวกเราสามคนแต่งงานกับเธออยู่ดี”

ไมล์พูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน

ไนน์เบ้ปาก “ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ต่อให้ตายฉันก็ไม่แต่งกับเธอ”

ไมล์เห็นด้วย “ฉันก็เหมือนกัน เธอน่าเกลียดขนาดนั้น เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง...”

“แล้วจะทำยังไงล่ะ?”

“จะทำยังไงได้ล่ะ? ก็ต้องโยนไปให้พี่เจย์ของเราน่ะสิ!”

“หา? ถ้าพี่เจย์รู้เข้า ไม่บีบคอเราตายเหรอ?”

“ไม่ต้องกลัว อย่างที่เขาว่ากันไง ถ้าเขาไม่ลงนรกแล้วใครจะลง? ฉันชี้ทางให้ยัยน่าเกลียดนี่ไปที่ห้องพี่เจย์แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด... หึๆ”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไมล์และไนน์

เอิร์นลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองไปยังห้องนอนชั้นบน เธอถอดเสื้อผ้าสกปรกออก แล้วลงไปแช่น้ำอุ่นอย่างสบายอารมณ์

การเดินทางไกลทำให้เธอเหนื่อยล้ามากจริงๆ เธอดึงผ้าห่มบางๆ สีเขียวอมฟ้าขึ้นมา แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มอย่างไม่เกรงใจใคร

เธอหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมา แล้วส่งข้อความไปหาสุชาดา เพื่อนสนิท

สุชาดาถามว่า: [ทางนั้นเป็นไงบ้าง? พวกคุณชายตระกูลศิริบูรณ์ไม่ได้แกล้งอะไรเธอใช่ไหม?]

เอิร์นพิมพ์ตอบอย่างรวดเร็ว: [แค่ตระกูลศิริบูรณ์ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!]

อาจจะเพราะเหนื่อยเกินไป เอิร์นจึงไม่ได้ลงไปกินข้าวเย็นด้วยซ้ำ พอหัวถึงหมอน เธอก็หลับเป็นตาย

เมื่อราตรีมาเยือน ขณะที่เธอกำลังหลับสนิท จู่ๆ เธอก็สังเกตเห็นเงาของชายคนหนึ่งไหล่กว้างเอวสอบปรากฏขึ้นในห้องของเธอ ด้วยความระแวดระวังที่เป็นนิสัย เธอจึงตื่นจากฝันดีในทันที

ในห้องไม่ได้เปิดไฟ ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตว่ามีเอิร์นอยู่

เขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก สวมเพียงเสื้อคลุมนอนบางๆ แล้วเดินตรงมาทางที่เอิร์นนอนอยู่ ก่อนจะเปิดผ้าห่มขึ้น...

บทถัดไป