บทที่ 3 บทที่ 3

มธุรสไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นเปลือยเปล่าไปหมดตั้งแต่เมื่อใด รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเรียวลิ้นร้อนสากแตะแต้มเข้ากับกลีบกุหลาบตูมเต่งดอกงาม ที่ยังไม่มีหมู่ภมรได้เชยชมเลยสักครั้ง และภมรหนุ่มที่กำลังจะเชยชมเธออยู่นี้ ก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจะได้เป็นภมรตัวแรก และอาจจะเป็นตัวเดียวที่เธอให้เชยชม ร่างบางแอ่นหยัดโค้งตัวขึ้นดุจคันศร เพียงปลายลิ้นสัมผัสตวัดกวัดแกว่งไม่นาน น้ำหวานก็ซึมออกมาให้ภมรได้ลิ้มลอง

ราฟาเอลยันตัวขึ้น และปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่รัดรึงออก จนร่างกายกำยำเปลือยเปล่า ชายหนุ่มเข้าหาร่างบางอีกครั้ง กดคลึงสัดส่วนความเป็นชายกับกลีบกุหลาบดอกงาม ก่อนจะกดเข้าไปช้าๆ

“อ๊าย...” มธุรสกรีดร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บปวด ร่างบางเจ็บร้าวราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาใสๆ ไหลออกมาทางหางตาทันที

ราฟาเอลเองก็ชะงักค้างอย่างตกใจ สาวน้อยที่เขาคิดว่าเธอร้อนแรงเหมือนชุดที่สวม แต่เขาคิดผิด ร่างบางใต้ร่างของเขาเป็นสาวพรหมจรรย์จริงๆ เธอไม่ได้ใส่จริตมารยาเพื่อโก่งค่าตัว แต่เขาเองที่โง่หลงใหลความงามตรงหน้า จนมองไม่ออกว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์จริงๆ

“สาวน้อย นี่เธอ...พระเจ้า...” ราฟาเอลถึงกับเรียกหาพระเจ้า เขาอธิบายไม่ถูกว่าตอนนี้ตนรู้สึกยังไง ดีใจหรือเสียใจ แต่ที่แน่ๆ เขาหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว

ราฟาเอลขบกรามแน่น เมื่อผลักดันเข้าไปจนสุดในครั้งเดียว หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง น้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตดึงดูดความสนใจจากเธอ เขาแช่ตัวเองในความนุ่มนิ่มอบอุ่นนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มขยับตัวเนิบนาบ ปากก็พูดพร่ำปลอบโยนระดมจูบดึงดูดความสนใจไปทั่วดวงหน้าสวยหวาน ร่างเปลือยเปล่าสองร่างขับกล่อมดนตรีแห่งปรารถนาอย่างไพเราะเพราะพริ้ง มธุรสเองก็หลงลืมความเจ็บปวดที่ได้พานพบ ตอนนี้เธอเสียวซ่านมากกว่าเจ็บปวด หัวใจดวงน้อยหวิวๆ ชอบกล ขนในกายลุกชันขึ้นทั้งตัวเหมือนมีพายุพัดท่ามกลางเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ

มธุรสจิกปลายเล็บลงกับหัวไหล่หนา เมื่อความสุขแปลกใหม่มาเยือน ร่างบางเกร็งกระตุกก่อนที่หัวสมองจะขาวโพลนไปหมด ราฟาเอลควบขับร่างหนาตามติดหญิงสาวไปเยือนดินแดนวิมานฉิมพลีด้วยกัน

“เธอชื่ออะไร” ราฟาเอลถาม เมื่อลมหายใจเป็นปกติ

“มธุรสค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา ร่างบางสะอื้นฮัก เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเสียไปให้กับชายแปลกหน้าคนนี้ เธอไม่ได้เจ็บปวดแต่เสียใจที่ไม่อาจรักษาสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตสาวเอาไว้ได้

“มีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้มั้ย” เขาถามเสียงขุ่น ไม่ชอบได้ยินเสียงร้องไห้เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซาตานร้าย ที่ชอบทำร้ายคนบริสุทธิ์ยังไงไม่รู้

“น้ำผึ้งค่ะ”

“นี่...หยุดร้องไห้ซะทีได้มั้ย ฉันเกลียดที่สุดในเวลาที่ร่วมรักเสร็จแล้วผู้หญิงร้องไห้” ราฟาเอลตะคอกเสียดุอย่างลืมตัว ยิ่งทำให้มธุรสร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณไม่พอใจ” มธุรสบอกปนเสียงสะอื้น ก่อนจะทรงตัวขึ้นนั่ง มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลป้อยๆ

“จะไปไหน”

“ถ้าเสร็จงานของน้ำผึ้งแล้ว น้ำผึ้งคงต้องขอตัวค่ะ”

ร่างบางถูกกระชากกลับลงนอนหงายบนที่นอนนุ่มอีกครั้ง และถูกกักตัวไว้ด้วยอ้อมแขนกำยำของราฟาเอล

“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะงานของเธอยังไม่จบ สำหรับเธอครั้งเดียวคงไม่พอ ฉันบอกแล้วไงว่าชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้เธอเป็นคนแรกแบบนี้ยิ่งติดใจจนไม่อยากปล่อยให้เธอเป็นของใครอีก เธอจะเรียกเท่าไหร่ ถ้าฉันจะซื้อตัวเธอไปอยู่กับฉัน เป็นของฉันคนเดียว ไม่ต้องเปลืองตัวให้คนอื่น”

“คุณ...ว่าอะไรนะคะ” มธุรสคิดว่าตัวเองหูฝาด จริงอย่างที่มณีรัตน์พูด เธออาจจะมีเสี่ยกระเป๋าหนักรับเลี้ยงไว้เลย แต่ผู้ชายคนนี้ห่างไกลจากคำว่าเสี่ยมากนัก เพราะเขาไม่อ้วนลงพุงเหมือนบรรดาเสี่ยๆ ที่เธอเคยเห็น แถมเขายังรูปหล่ออีกต่างหาก

“ฉันจะพาเธอไปอยู่กับฉันที่ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ไปเป็นผู้หญิงของฉัน ผู้หญิงของราฟาเอล โปราซซีนี่”

“อิตาลี...ฟลอเรนซ์...” มธุรสคราง หัวสมองน้อยๆ กำลังคิดทบทวนไปมาถึงผลได้ผลเสีย เธอจะได้ไปจากที่นี่ แถมไปไกลถึงอิตาลี แต่...อนาคตที่ยังไม่รู้จะเป็นยังไงต่อทำให้เธอต้องฉุกคิดอีกครั้ง

“ใช่ ถ้าเธอไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงที่นี่ ฉันอยากให้เธอไปกับฉัน และรับรองว่าฉันจะเลี้ยงดูเธออย่างดี และดีไม่ดีฉันอาจจะยกทรัพย์สมบัติที่มีให้เธอบ้าง ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ”

มธุรสไม่ตอบแต่มองสบตาสีครามอย่างคิดทบทวนไปมา เธอไม่ได้คิดถึงทรัพย์สมบัติ แต่เธอกำลังคิดถึงอิสรภาพมากกว่า อิสระจากแม่เลี้ยงใจยักษ์

“ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิด ฉันจะให้เวลาเธอคิดจนกว่าฉันจะออกจากห้องนี้”

ราฟาเอลบอก ก่อนจะเริ่มบทรักครั้งใหม่อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง เวลาที่เขาบอกว่าจะให้มธุรสได้คิด แทบจะไม่มีเลย เพราะความคิดและสติของหญิงสาวถูกฉุดกระชากขึ้นสู่วิมานฉิมพลีครั้งแล้วครั้งเล่า

“ว่ายังไง เธอจะให้คำตอบฉันได้หรือยังสาวน้อย” ราฟาเอลถาม เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ไปค่ะ” มธุรสตอบอย่างมั่นใจ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปตายเอาดาบหน้า ในเมื่อที่นี่เธอเองก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว

ราฟาเอลเดินเข้ามาหา และแบมือใหญ่ให้สาวน้อย มธุรสมองมือนั้นอย่างชั่งใจ ถ้าเธอวางมือลงบนมือหนานี้ ชีวิตเธอก็จะเปลี่ยนไปทันที สาวน้อยถอนหายใจบอกมาแรงๆ ก่อนจะวางมือเล็กลงบนฝ่ามือใหญ่ ที่กุมมือน้อยของเธอทันที

“ไม่ต้องกลัวสาวน้อย ต่อไปนี้ฉันจะดูแลเธอเอง” ราฟาเอลบอกและฉุดร่างบางให้ยืนขึ้น

“เอ่อ...น้ำผึ้งยังไม่รู้จักคุณเลยค่ะ” เธอถามซ้ำ เพราะเมื่อครู่ที่เขาบอกนั้น เธอฟังไม่ค่อยถนัดนัก

“ฉันชื่อราฟาเอล โปราซซีนี่ หรือราฟ จำเอาไว้ให้ดีสาวน้อย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป