บทที่ 3 ตอนที่ 2
“ชิงหรง…” ฮวาเจินเดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังชิงหรง
“คุณหนู” ชิงหรงหมุนตัวกลับมาก้มหัวให้ฮวาเจินอย่างหนักใจ
“เรากลับก่อนแล้วกัน หากไม่เกิดอันใดขึ้นหวังว่าจะพบกันอีกครั้ง” ฮวาเจินหันมาบอกตงซวนก่อนก้มหัวลาเดินออกไป ชิงหรงเหลือบมองนายแล้วย้อนกลับมามองหน้าตงซวน
“เดินทางธรรมแล้วอย่าก้าวก่ายเรื่องทางโลก หึ ที่ท่านบวชไม่ใช่เพราะคุณหนูหรอกรึ” ชิงหรงเหยียดยิ้มหมุนตัวกลับเดินออกไปทิ้งคำท้ายให้ตงซวนนิ่งคิดหมุนตัวเดินมานั่งทำสมาธิผ่อนลมหายใจยาวก่อนหลับตาลง
ฮวาเจินเดินออกมานอกศาลกวาดสายตามองหาหญิงรับใช้ด้วยความแปลกใจก่อนชำเลืองมองชิงหรงเดินมายืนอยู่ด้านหลัง
“คนของท่านโชกุน…”
“กลับไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงกลับมาพวกนางเลยถอดใจถอยกลับ ท่านหญิงไม่ยอมให้คุณหนูข้องเกี่ยวกับท่านโชกุนแน่เจ้าค่ะ”
“เสียงใดจะคัดค้านอำนาจท่านโชกุนได้” ฮวาเจินสีหน้าสลดเศร้าหมองเสียงอ่อนลง
“ข้าน้อยเชื่อว่าท่านหญิงต้องช่วยคุณหนูได้ อดทนนะเจ้าค่ะ”
“ได้ เราจะอดทน ไปพบท่านหญิงกันเถอะ” ฮวาเจินพยักหน้าช้าๆ อย่างจำใจดวงตาเศร้าหมองก็ยังไม่จางหายลมหายใจแฝงด้วยความหนักใจที่แสนหนักอึ้งเต็มประดาในทรวงอกจนไม่อาจผ่อนออกมาหมด ชิงหรงเดินตามฮวาเจินเหลือบมองท้องฟ้ามืดครึ้มอาทิตย์อัสดงลับขอบฟ้า
ฮวาเจินเดินเข้าห้องที่หญิงชราเลื่อนเปิดให้อย่างต้อนรับ หลังจากก้าวพ้นประตูก็ปิดลง ฮวาเจินคุกเข่าช้าๆ โน้มลงคำนับ ‘ฮิเมโกะ’ หญิงวัยกลางคนผู้งามสง่าที่สวมชุดกิโมโนอมยิ้มบางๆ จับพู่กันเขียนบางอย่างลงบนสาส์น
“ฮวาเจิน…” น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยขึ้น
“เจ้าค่ะ” คนฟังตอบรับพร้อมเงยหน้าวางมือลงบนหน้าขาอย่างสุภาพ
“สิ่งที่เราจะกล่าวต่อไปนี้ อยากให้เจ้าไตร่ตรอง เราไม่ต้องการการบังคับเพียงแต่อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แด่เจ้า เจ้าเองเป็นดั่งหลานสาวที่เราอบรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย นี่ไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณแต่เป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับเจ้า”
“เจ้าค่ะ” ฮวาเจินมองหน้าฮิเมโกะด้วยความฉงน
“เราจะยกเจ้าให้ตบแต่งกับคาชิระบุตรชายของเรา ศักดิ์ของคาชิระคือองค์ชายไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าท่านโชกุนเท่าไหร่นัก อีกทั้งคาชิระยังหนุ่มแน่นไร้คู่ครอง ถึงเวลาแล้วที่ลูกเราต้องมีหญิงข้างกาย” ฮิเมโกะวางพู่กันลงม้วนสาส์นมองหน้าฮวาเจินที่มีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด “เรารู้ว่าเจ้าไม่ได้ต้องการสิ่งนี้ แต่นี่คือสิ่งเดียวที่จะปกป้องเจ้าได้ เจ้าจะหลุดพ้นจากยามะเป็นคนลั่วหยาง จงนำสิ่งที่เสนอไปไตร่ตรอง เราจะรอฟังคำตอบในยามสาย อีกไม่นานคาชิระจะมาถึง”
“ท่านหญิง…” ฮวาเจินได้แต่มองหน้าหญิงวัยกลางคนอย่างพูดอะไรไม่ออกภายในหนักอึ้งเหมือนเห็นแสงสว่างที่มาพร้อมหอกเสียบเข้ากลางอก
“เราเชื่อว่าเจ้าจะดูแลบุตรชายเราได้เช่นเดียวกับคาชิระที่จะปกป้องรักเจ้าเพียงผู้เดียว”
“เจ้าค่ะ” ฮวาเจินโน้มตัวลงคำนับก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้อง เหลือบมองหญิงรับใช้มากมายที่นั่งคำนับอยู่หน้าห้อง ชิงหรงยืนพิงต้นไม้ด้านนอกเหลือบมองสบตาฮวาเจินที่ค่อยๆ ก้าวขาเดินลงอย่างช้าๆ
“คุณหนู” ชิงหรงเดินเข้ามาประคองแขนฮวาเจินที่ก้าวขาช้าลงคล้ายจะหมดแรง
“ไม่ว่าจะเลือกสิ่งใด ก็ต้องจากที่นี่อยู่ดี”
“ข้าน้อยจะเฝ้าติดตามคุณหนูตราบสิ้นแรงลมหายใจเจ้าค่ะ”
“ขอบใจนะ” สิ้นเสียงฮวาเจินก็หมดสติจิตดับวูบโดยมีชิงหรงแบกพากลับห้อง
ดวงจันทร์ลับตาอาทิตย์ลอยขึ้นสว่างแยงตาเสียงวิ่งวุ่นวายเข้าออกห้องห้องหนึ่ง ฮวาเจินมองสาวใช้นั่งออรอรับใช้ถืออ่างใส่น้ำคนละมือ ชะเง้อมองด้านในที่มีชายชุดดำเดินออกมาก่อนเดินจากไปอย่างไม่พูดจา
“ฮวาเจิน…” เสียงฮิเมโกะดังลอดออกมาเรียกฮวาเจินที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“เจ้าค่ะ”
“เข้ามานี่สิ”
“เจ้าค่ะ” ฮวาเจินตอบรับก่อนเลื่อนประตูเข้าไปแล้วเลื่อนปิดช้าๆ หมุนตัวคุกเข่าคำนับฮิเมโกะพลางเหลือบมองร่างที่นอนแน่นิ่งเส้นผมสีขาวดุจหิมะทำฮวาเจินแปลกใจมองหน้าฮิเมโกะทันที
“นี่แหละคาชิระ บุตรชายของเรา หากสกัดพิษไม่ทันคงเข้าสู่ขั้วหัวใจ”
“เจ้าค่ะ” ฮวาเจินชำเลืองมองร่างชายหนุ่มผู้งามสง่าครองเส้นผมสีขาวดุจหิมะแม้แน่นิ่งก็ยังคงสง่าผ่าเผยก่อนหมุนตัวรีบเลื่อนประตูออกวิ่งลงไปที่ครัวทันที ฮิเมโกะมองตามก่อนจับแขนชายหนุ่มที่นอนสลบด้วยรอยยิ้ม ฮวาเจินควานหาสมุนไพรมาดมทีละอย่างก่อนเด็ดใส่หม้อต้ม สักพักจึงรีบตักยาต้มใส่ถ้วยเดินเข้ามาหาฮิเมโกะพร้อมยื่นถ้วยยาให้
“สมุนไพรแก้พิษเจ้าค่ะ”
“เราฝากลูกเราด้วยนะ” ฮิเมโกะฉีกยิ้มก่อนลุกขึ้นเดินผ่านฮวาเจินออกไปพร้อมเลื่อนประตูปิด ฮวาเจินมองตามอย่างประหม่าใจแล้วเหลือบมองชายหนุ่มผมขาวตรงหน้าที่นอนหมดสติ ฮวาเจินขยับเข้ามานั่งลงข้างร่างที่แน่นิ่งก่อนตัดสินใจเอื้อมมือประคองคอป้อนยาในถ้วยช้าๆ
