บทที่ 5 ตอนที่ 4
ชายหนุ่มใบหน้างดงามดุจสตรียืนดักรออยู่ที่หน้าทางเข้าศาลเจ้า ฮวาเจินหยุดยืนมองหน้าชายดังกล่าวเช่นเดียวกับชิงหรง
“ชุนเฟิน” ฮวาเจินเรียกนามของชายหนุ่มด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ไม่เจอกันนาน ข้าไม่เห็นคุณหนูไปโรงละคร เลยคิดว่าน่าจะมาที่นี่” ชุนเฟิน ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสวยงามเปี่ยมด้วยเสน่ห์เดินมายืนอยู่ตรงหน้าฮวาเจิน สบตาหญิงสาวช้าๆ พร้อมสะบัดพัดกางออกโบกพัดให้นาง ชิงหรงก้าวถอยหลังหมุนตัวเดินไปยืนพิงกำแพงทำทีไม่สนใจ
“เราคงไม่ได้อยู่ชมการแสดงของท่านอีกแล้ว” ฮวาเจินสูดลมหายใจเข้าช้าๆก่อนผ่อนออกอย่างหนักใจ
“ทำไมละ” ชุนเฟินขมวดคิ้วสงสัยมองหน้าฮวาเจินชนิดไม่ลดสายตาไปทางอื่น
“คุณหนูต้องไปลั่วหยางเพื่อแต่งงานกับบุตรชายของท่านหญิง” ชิงหรงตอบแทนเหลือบมองชุนเฟินที่เลิกคิ้วเหลียวมองคนที่ยืนพิงกำแพงก่อนหันกลับมามองฮวาเจินอีกครั้ง
“ตามที่ชิงหรงกล่าว เราจำเป็นต้องไป”
“หากเป็นเช่นนั้นคุณหนูควรรีบไป เพราะที่นี่ทำให้คุณหนูทุกข์ทน” ชุนเฟินอมยิ้มบางๆ สะบัดพัดเก็บก่อนก้มหัวคำนับเดินเลี่ยงออกไป ฮวาเจินก้มหัวคำนับลาส่งเช่นกัน ก่อนมองทางเข้าศาลเจ้าที่เงียบสงบ ชิงหรงเดินตามเจ้านายเข้ามาในศาลก่อนพบตงซวนเดินออกมาพร้อมของใช้ในถุงผ้า
“ท่านจะไปไหน” ฮวาเจินเดินเข้ามาใกล้ตงซวนพร้อมมองถุงผ้าในมือ
“ข้าจะไปลั่วหยาง แล้วท่านละ”
“เราก็กำลังจะไปลั่วหยาง” ฮวาเจินค่อยๆ ฉีกยิ้มส่งให้ตงซวนที่พยักหน้ารับอมยิ้มตอบกลับ
“แล้วเจอกัน” สิ้นคำตงซวนก้มหน้าโค้งลาเล็กน้อยเดินถือลูกประคำก้าวออกไปทันที ชิงหรงกอดอกยืนมองก่อนกระตุกยิ้มส่ายหน้าไปมา ฮวาเจินหันกลับมามองสาวใช้คนสนิทที่ปลดมือลงอมยิ้ม
“อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ไปอย่างโดดเดี่ยว จริงไหม”
“เจ้าค่ะ”
“ไปเตรียมตัวกันเถอะ” ฮวาเจินหมุนตัวกลับเดินออกไป
“เจ้าค่ะ” ชิงหรงตอบรับแล้วก้าวตามไปพร้อมหันหลังมองศาลเจ้าอีกครั้งด้วยรอยยิ้มชอบใจ “หึ หลวงจีนบ้า”
การควบม้าผ่านภูเขาผ่านป่าเพื่อย่นระยะทางให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด เมื่อเข้าสู่เขตลั่วหยางเป็นอันปลอดภัย ลี่ซื่อหมิงหยุดม้าอยู่หน้าโรงเตี๊ยมมองทหารลั่วหยางยืนเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าก่อนลงจากม้าเดินเข้าไปด้านในทันที ทหารลั่วหยางยืนล้อมทั้งชั้นล่างและชั้นบน สายตาเหลือบมองหนุ่มใหญ่ที่กำลังเดินตีคู่มากับชายหนุ่มผู้เป็นพี่ต่างมารดา
“กลับมาแล้วรึองค์ชาย” หนุ่มใหญ่ยิ้มแหย่ลี่ซื่อหมิงที่เดินเข้ามาคำนับ
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ยามะนานกว่านี้เสียอีก” เปยลี่ติง ชายผู้เป็นพี่ต่างมารดามองหน้าน้องชายอย่างแปลกใจก่อนยกมือป้องปากกระซิบ “อย่าบอกฮูหยินว่าพบข้าที่นี่นะ”
“ข้าไม่ใช่องค์ชาย ท่านจวิ้นอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ส่วนเรื่องฮูหยินเปยข้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“รู้เรื่องยกเว้นเรื่องตนเองสินะ” เปยลี่ติงยิ้มยียวนเอามือลูบคาง
“นั่นสิ เจ้าควรมีคนข้างกายได้แล้ว องค์หญิงลั่วหยางมากมายเกี้ยวพาสักคนบัลลังก์ลั่วหยางไม่สั่นครอน” หนุ่มใหญ่อย่างจวิ้นอ๋องอี๋หยวนเหว่กระทุ้งศอกแหย่ลี่ซื่อหมิง
“ในเมื่อราชกิจเสร็จแล้วข้าขอตัว” ลี่ซื่อหมิงตอบปัดๆ เดินสวนทางขึ้นบันได
“แล้วนั่นเจ้าจะไปไหน ไม่กลับจวนรึ” เปยลี่ติงเอียงหน้ามองลี่ซื่อหมิงที่เหลียวมองช้าๆ
“ข้ามีธุระเชิญพวกท่านกลับไปก่อน ไม่ต้องรอ” ว่าจบก็เดินไปห้องใหญ่ที่เป็นห้องเถ้าแก่ เปยลี่ติงมองหน้ากับจวิ้นอ๋องอี๋หยวนเหว่อย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายพากันเดินออกจากโรงเตี๊ยม ทหารถอนกำลังกลับตามนายไปทันที
ลี่ซื่อหมิงเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะมองจอกสุรายื่นส่งให้อย่างเป็นเกียรติโดยสองสามีภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยม
“ยินดีต้อนรับบุตรชายคนเล็กท่านอ๋องสี่ มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ”
“ข้าต้องการหญิงงามที่ฉลาดหลักแหลมหนึ่งคน เถ้าแก่จะหาให้ข้าได้หรือไม่” ลี่ซื่อหมิงหยิบถุงตำลึงมาวางตั้งไว้บนโต๊ะ
“ไม่มีปัญหาเลยเจ้าค่ะ เลียวเซียง…งงงง” ผู้เป็นภรรยาฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจตะโกนเรียกหาใครคนหนึ่งทางด้านนอกก่อนเดินไปเปิดประตูรับหญิงงามย่างกรายเข้ามาย่อตัวคำนับลี่ซื่อหมิงพร้อมหว่านเสน่ห์สบตาชายหนุ่ม
“ข้าน้อยเลียวเซียง ยินดีรับใช้นายท่าน” เลียวเซียงหญิงงามที่เลื่องลือเข้ามารินสุราใส่จอกอย่างรู้งาน ลี่ซื่อหมิงลุกขึ้นเอามือไพล่หลังมองเจ้าของโรงเตี๊ยม
“ข้าจะให้คนที่จวนมารับเมื่อถึงเวลา” พูดจบตัดบทเสร็จเรียบร้อยหมุนตัวเดินออกจากห้อง เลียวเซียงชำเลืองมองตามอย่างหลงใหลหยิบจอกยกซด
“วาสนาเจ้ามาแล้วนะเลียวเซียง คุณชายท่านนี้เป็นถึงบุตรท่านอ๋อง ไม่เคยข้องเกี่ยวกับหญิงใด ขึ้นอยู่ที่วาสนาของเจ้าแล้วละทำให้เต็มที่” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมกล่าวอย่างพึงพอใจเดินมาหยิบถุงตำลึง
“ถึงมือข้าแล้ว ยากจะปล่อยไป ข้าไม่รับแขกคนอื่นแล้วกัน ข้าจะรอคนจากจวนท่านอ๋อง” เลียวเซียงฉีกยิ้มกว้างบอกสองสามีภรรยาก่อนเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
