บทที่ 6 ตอนที่ 5
ลี่ซื่อหมิงควบม้ามาที่จวนอ๋องสี่ซึ่งเป็นที่พักของตระกูลตนเองค่อนข้างเป็นตระกูลใหญ่และเลื่องลือไปทั้งลั่วหยาง มีทั้งอำนาจทางทหารและมั่งคั่งด้วยตำลึงทอง ลี่ซื่อหมิงลงจากม้าเดินเข้ามาในจวนมองหญิงวัยกลางคนรับสาส์นจากม้าเร็วทางยามะที่คำนับหมุนตัวกลับเดินสวนทางกับลี่ซื่อหมิง
“มาพอดี ข้าจะจัดงานแต่งให้เจ้าแทนใต้เท้าเอง” จีเหนียง หญิงวัยกลางคนผู้มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้และดูแลจวนทั้งหมดแทนสามีเอ่ยด้วยรอยยิ้มม้วนสาส์นถือค้างไว้
“ท่านป้าอยากทำอะไรก็ทำไป ข้าไม่อาจปฏิเสธ” ลี่ซื่อหมิงตอบด้วยความเหนื่อยหน่ายเดินเข้าด้านในตรงดิ่งไปที่ห้องส่วนตัวทันที จีเหนียงเหลียวหลังมองตามก่อนหันกลับมาเมื่อมีหญิงสาวเดินเข้ามา
“ซื่อหมิงกลับมาแล้วหรือเจ้าคะฮูหยินชาง” ฝางแฟหยิน องค์หญิงสามจากแคว้นฉีสะใภ้ใหญ่ลูกชายคนโตของอ๋องสี่ถามหญิงวัยกลางคนเมื่อเหลือบเห็นชายผมยาวเดินเข้าไปด้านใน
“ท่านหญิงส่งสาส์นฝากจัดการเรื่องงานแต่งของลี่ซื่อหมิง ขบวนเจ้าสาวน่าจะมาถึงไม่นานเกินรอ”
“แต่งงาน! ” ฝางแฟหยินหลุดอุทานเสียงดังเบิกตาโตตกใจแต่ที่ตกใจกว่าคือผู้เป็นสามีกำลังเดินอ้อมเข้าจวนถึงกับต้องเดินเข้ามาหาทันที
“ใครจะแต่งงาน หรือข้า! ” เปยลี่ติงชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยตาลุกวาว
“ที่มีอยู่สิบกว่าคนไม่พอรึ” ฝางแฟหยินเอียงหน้ามองผู้เป็นสามีอย่างเบื่อหน่าย
“ข้าก็นึกว่าท่านลุงจะประทานหญิงมาให้อีก ว่าข้าก็ไม่ถูกนะฮูหยิน ข้าจำเป็นต้องรับไว้” เปยลี่ติงฉีกยิ้มหวานส่งกลับ
“เห็นทีข้าต้องขอให้เจ้าทั้งคู่ช่วยงานนี้แล้วละ” จีเหนียงมองหน้าสองสามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า
“ยินดีท่านป้า ข้าอยากรู้จริงๆ หญิงงามที่ไหนจะจับจองน้องชายหัวแข็งของข้าได้”
“หากหัวอ่อนเรื่องสตรีคงจะเป็นแบบท่านสินะ” ฝางแฟหยินตวัดหางตามองเปยลี่ติง
“ฮูหยิน...เจ้าตั้งครรภ์รึ อารมณ์แปรปรวนตั้งแต่กลับมาจากแคว้นฉีรูหูข้าแฉะไปหมดแล้ว” เปยลี่ติงยกมือจับหูมองหน้าฝางแฟหยินอย่างยียวน
“หึ ท่านนี่จริงๆ เลย ฮูหยินชางข้าจะช่วยท่านอีกแรงแล้วกัน หวังพึ่งแม่ทัพแถวนี้คงไม่ได้อะไร” ฝางแฟหยินมองค้อนใส่เปยลี่ติงก่อนเดินไปที่ครัวใหญ่ เปยลี่ติงเอามือจับคางฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์มองตามแล้วหันมามองจีเหนียงที่ฉีกยิ้มให้กับการใช้ชีวิตคู่ของหลานสามี
ลี่ซื่อหมิงนอนก่ายหน้าผากอยู่ในห้องยกคิ้วขมวดอย่างหนักใจหวนนึกถึงหญิงงามในดวงใจจนต้องหลับตาลง ภาพหญิงงามผมขาวยืนอยู่ในสนามรบหันมองตนเองช้าๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนล้มลงเพราะหอกเสียบทะลุอกจนเซล้มลงในอ้อมอก
อึก แฮ่ก แฮ่ก
ลี่ซื่อหมิงสะดุ้งเฮือกเด้งตัวลุกนั่งก่อนชะงักเมื่อมีคนห้าคนอยู่ในห้องสี่คนสวมชุดสีดำปิดมิดชิดทั้งตัวเหลือเพียงดวงตาและอีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งรินสุราใส่ถ้วยอย่างอารมณ์ดีเกินเหตุเหล่มองน้องชายที่เหงื่อออกท่วมตัว
“ฝันดีสินะเหงื่อท่วมเชียว” เสียงเปยลี่ติงทำคนที่นอนต้องเดินเข้ามาหาพร้อมยกถ้วยซดแล้ววางลงอย่างแรงเอียงหน้ามองชายชุดดำเรียงคน
“มาทำอะไรที่นี่”
“ท่านหญิงสั่งให้พาท่านไปรับขบวนเจ้าสาวขอรับ” ชายชุดดำคนแรกตอบกลับพร้อมก้มหัวคำนับ
“เจ้าจะใจร้ายตั้งแต่เริ่มไม่ได้นะซื่อหมิง นางไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้า การกระทำของเจ้าจะฆ่าหญิงงามทางอ้อม” เปยลี่ติงสมทบรินสุรากรอกปาก
“ข้ายกให้” ลี่ซื่อหมิงแย่งจอกสุราจากเปยลี่ติงมายกรินใส่ปาก “นางไม่ได้งามถึงขนาดต้องยกย่อง”
“เจ้าก็แค่รับไว้ทำตามพิธี ส่วนเรื่องอื่นก็ปล่อยไปตามวิถีชีวิต ไม่ยากเกินกำลังชาย” เปยลี่ติงเกลี้ยกล่อมน้องชายที่นั่งลงตรงข้ามยกมือเช็ดปากไม่ใส่ใจสิ่งใด
“ผู้ใดอย่างรับก็รับไป ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่มีทางทรยศไป่ซิน”
“ก็ดีอย่างน้อยก็ไม่ได้รอพระชายาแคว้นฉี เพราะต่อให้เจ้ารอนาง ก็แยกนางออกจากฟงฟู่หยางไม่ได้ หากเจ้าเปิดใจบางทีอะไรอาจง่ายขึ้น”
“ข้าไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น” ไม่ว่าผู้เป็นพี่จะเกลี้ยกล่อมเพียงใดผู้เป็นน้องยังคงยืนกร้านหัวแข็งไม่สนใจสิ่งใด
“งั้นข้าไปรับขบวนเจ้าสาวเข้าลั่วหยางเองแล้วกัน อย่างน้อยมีแม่ทัพอย่างข้าไปรับก็ไม่ได้เป็นการหมิ่นเกียรติเจ้าสาวจากยามะ” เปยลี่ติงลุกขึ้นมองลี่ซื่อหมิงที่ลุกขึ้นเดินกลับไปนอนต่ออย่างไม่คัดค้านแถมไม่แยแส เปยลี่ติงถอนหายใจยาวเดินนำชายลึกลับสี่คนออกไป
