บทที่ 1 บทที่ 1.

พื้นที่ราวหนึ่งไร่เศษที่ร่มรื่นด้วยต้นมะม่วง กระท้อน และส้มโอ ที่เก่าแก่เกินกว่าจะออกดอกออกผลแล้วนั้นได้รับการดัดแปลงเป็นร้านขายต้นไม้และร้านกาแฟสด ชื่อว่า “ร้านต้นไม้และกาแฟอิ่มรัก”

โดยมีเจ้าของร้านนามว่า อรุณนารี หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดปีที่มักมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้ารูปหัวใจน่ารักอยู่เป็นนิจอย่างคนอารมณ์ดี เธอรู้สึกเสียดายและสงสารต้นไม้เหล่านั้นที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจะต้องถูกโค่นทิ้ง จึงขอพื้นที่แห่งนี้จากบิดาแล้วดัดแปลงเพื่อทำร้านขายต้นไม้และดอกไม้ตามความชอบของเธอที่รักต้นไม้ดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจและโชคดีที่ทางเส้นนี้ก็มีการตัดถนนผ่านเป็นเส้นทางสายรองเลี่ยงเมืองจึงทำให้ทางเส้นนี้มียวดยานและผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสายเหมือนถนนเส้นหลักและยังร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่มีให้เห็นอยู่มาก เกาะกลางถนนถูกตกแต่งสวยงามด้วยดอกไม้ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดี

“ไงแม่แมงปอทำไมวันนี้มาช้านักล่ะแกรู้มั้ยวันนี้ฉันต้องเป็นแม่ค้าขายต้นไม้ให้หล่อนจนเมื่อยไปหมดแล้วนะเนี่ย”

เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาจากปากของหญิงสาวร่างสูงโปร่งสมส่วน ใบหน้ารูปไข่นวลเนียนนั้นประดับด้วยดวงตากลมโตดำขลับวาววับจมูกโด่งเชิดอย่างคนดื้อรั้น ริมฝีปากรูปกระจับอิ่มแดงเรื่ออย่างคนสุขภาพดีล้อมกรอบหน้าสวยด้วยผมซอยสั้นทันสมัยรับรูปหน้าคล้ายดาราเกาหลีที่กำลังฮิตของ เนตรนารา แสนเสนา สาวสวยสุดเท่อารมณ์ติสต์ ที่ตอนนี้หน้าสวยเริ่มหงิกงอเพราะวันนี้ลูกค้าเข้าร้านแต่เช้าทั้งร้านกาแฟและร้านต้นไม้จนเธอหัวหมุน

“ทำไมน้า...ฉันต้องมาช่วยแกด้วยทั้งๆ ที่วันนี้มันวันหยุดฉันน่ะ”

“ฉันแวะไปส่งน้องอิ่มอุ่นแล้วก็เอาไอ้สีเทาเข้าอู่น่ะแก ขอโทษจริงๆ ว่ะ” อรุณนารีตอบเพื่อนสาวคนสวยพลางยิ้มให้อย่างน่ารักแบบว่าขอโทษนะจ๊ะเพื่อนสาว

“ยัยอ้อนไปเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ไปตั้งอาทิตย์แน่ะแก ฉันก็ต้องดูลูกน่ะ”

เธอบอกเพื่อนซึ่งก็พยักหน้าเข้าใจในเหตุผล เมื่อลูกสาวที่พูดถึงนั้นคือ น้องอิ่มอุ่น หรือ เด็กหญิงอัจฉรียาพร  เด็กหญิงตัวกลมป้อมตาโตปากนิด จมูกหน่อยแก้มแดงเหมือนเชอร์รี่ ผมหยิกสลวยวัยห้าขวบซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้านลูกสาวของ อโนมา พรภักดี หรือ อ้อน คุณแม่ยังสาวและสวยหวานซึ้ง ต้องไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานเทศกาลอาหารไทยพื้นเมืองที่โรงแรมห้าดาวสุดหรูที่เชียงใหม่ เนื่องจากหญิงสาวเป็นอาจารย์สอนทำอาหารแสนสวยที่มีลูกศิษย์มากมายโดยเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นชายทั้งที่โสดไม่โสด พ่อบ้านเมียเผลอและไม่เผลอที่ขยันมาสมัครเรียนกันไม่เว้นแต่ละวัน

อโนมานั้นเป็นสาวน้อยจากภาคเหนือพ่อแม่รับราชการตำแหน่งเล็กๆ อยู่ในส่วนราชการของจังหวัดแต่ด้วยความที่รักดีเรียนเก่งเธอจึงสามารถสอบชิงทุนจากรัฐบาลได้เรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลและได้มาเจอกันในวันรับน้องถึงแม้เรียนคนละคณะแต่ด้วยชะตาต้องกันและนิสัยความชอบที่เหมือนกันทำให้ทั้งสองเข้ากันได้ง่ายและด้วยวาทศิลป์และรอยยิ้มอันแจ่มใสจริงใจของอรุณนารีที่ชักชวนอโนมาให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านสวนย่านชานเมืองได้ไม่ยาก เพราะใครๆก็หลงรักรอยยิ้มพิมพ์ใจของแม่แมงปอตัวน้อยที่ขยันยิ้มประจบอยู่ทุกวัน และด้วยเหตุผลของเธออีกข้อที่ขยันยกมากล่าวอ้างทุกครั้งคือ

“ไม่คิดบ้างหรือว่านี่คือฟ้าลิขิตให้เรามาเจอกันและใช้ชีวิตร่วมกัน คิดดูสิขนาดชื่อเรายังขึ้นต้นด้วย อ.อ่างเมือนกันเลย อโนมา อรุณนารี”

และอโนมาจะกล่าวล้อเลียนทุกครั้งเหมือนกันด้วยคำพูดที่ทำให้คนชวนงอนเสมอๆ คือ

“นี่แมงปอชวนเพื่อนไปอยู่ด้วยที่บ้านเหมือนหนุ่มขอสาวแต่งงานเลย แกแอบรักฉันแบบนั้นรึเปล่าเนี่ย”

แล้วคนใจอ่อนอย่างอโนมาก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านนับแต่นั้นมาก็เกือบสิบปีแล้ว

“ถึงเชียงใหม่แล้วนะดูแลลูกสาวดีๆ ล่ะแม่แมงปอแล้วจะเอาขนมอร่อยๆ กลับมามาฝาก” อรุณนารีกดดูข้อความที่เข้ามาในเครื่องโทรศัพท์เครื่องเล็กของตัวเองแล้วถอนใจคิดว่าเย็นนี้รถคันเก่งของเธอจะซ่อมเสร็จทันไปรับลูกสาวตัวน้อยหรือไม่

“วันนี้ไอ้สีเทามันรวนอีกแล้วล่ะแกไม่รู้จะซ่อมทันไปรับน้องอิ่มอุ่นรึเปล่า”

เธอบ่นถึงรถโฟล์คสีเทาคันเก่งของเธอที่เป็นเพื่อนเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาวจนเป็นสมบัติที่ตกทอดมาถึงเธอและก็เป็นพาหนะที่ใช้ดีใช้ทนแต่มาช่วงหลังๆ ที่ขยันรวนบ่อยเหลือเกินเหมือนจะบอกว่ามันแก่เกินไปเสียแล้ว

“เฮ้อ...ทำไงดีเนี่ย”

“เฮ้ยแกบ่นเป็นยายแก่ไปได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยเดี๋ยวฉันไปรับน้องอิ่มอุ่นเป็นเพื่อนแกก็ได้เพราะเย็นนี้จะไปธุระแถวนั้นอยู่พอดี”

“จริงเหรอเนตร โห...โชคดีจังเลยขอบใจแกมากเพื่อนสาว น่ารักมากๆ เลยแก”

คนเล็กพูดพลางหยิกแก้มเพื่อนสาวอย่างหยอกเย้าพลางทำหน้าตาให้น่ารักสุดๆ

“ไม่ต้องทำมาประจบเลยแก ไหนล่ะข้าวกะเพราทะเลสุดแซบของฉันน่ะ”

“งกซะไม่มีนังหมวยมหาภัย เห็นแก่กินชะมัดเลย”

หญิงสาวบ่นแต่ก็เอาข้าวออกจากปิ่นโตใส่จานจัดให้เพื่อนเรียบร้อย เนตรนาราพอเห็นของโปรด ก็รีบล้างมือนั่งลงตกข้าวเข้าปากคำโตจนคนเป็นเพื่อนรีบท้วง

“เฮ้ยไอ้เนตรแกจะรีบกินไปไหนเนี่ยไม่มีใครแย่งหรอกน่า นี่พอแม่ฉันรู้ว่าแกมาเป็นยามเฝ้าร้านให้ก็รีบทำของโปรดแกไว้ซะเต็มปิ่นโตแถมยังทำน้ำพริกอ่องใส่กระปุกไว้ให้แกเอากลับบ้านอีกแน่ะ”

บทถัดไป