บทที่ 7 บทที่ 7.
“เป็นไงบ้างครับนายหัว”
เด่นดังถามนายหัวหนุ่มด้วยความอยากรู้ และเขากับเด่นดีก็แตกต่างกันอีกอย่างคือ เด่นดัง นั้นเป็นคนช่างพูดช่างคุยและกะล่อนขี้เล่น ในขณะที่เด่นดีนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบขรึมและไม่ค่อยพูด แต่เรื่องความกวนป่วนได้ใจนั้นไม่แพ้แฝดน้อง เพียงแต่เด่นดีจะไม่ค่อยพูดเท่านั้นเอง เหมือนกับคำพูดที่ว่า พูดน้อยต่อยหนัก
“ฮื่อ” สั้นๆ แต่ได้ใจความที่มีแค่สองพี่น้องนี้เท่านั้นที่เข้าใจ นายหัวเหมันต์ พูดน้อยและเงียบขรึมจนดูเหมือนหยิ่งและเย็นชา ยิ่งดวงตาสีน้ำเงินเข้มเกือบดำนั้น เวลาที่เจ้าตัวโกรธจัดมันจะมืดดำดูน่ากลัวจนคนที่ถูกมองเสียววาบเย็นไปถึงไขสันหลังเลยทีเดียว สองพี่น้องได้แต่มองหน้ากันอย่างปลงๆ กับความเย็นชาเสมอต้นเสมอปลายของนายหัวหนุ่ม ที่เป็นมาตลอดเกือบเจ็ดปี่ที่ผ่านมานับตั้งแต่เลิกรากับแฟนสาวสวยลูกครึ่งนามว่า แอนนิต้า รามอส นางแบบไฮโซที่ตอนนี้เธอแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวฝรั่งเศสหลังจากทิ้งเจ้านายเขาไปอย่างไม่ไยดี
เมื่อถึงบ้านพักหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรสุดหรู แถวชานกรุงนายหัวหนุ่มก็รีบขึ้นมาเก็บของเตรียมตัวกลับเกาะ เหมันต์ยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกเงาในห้องน้ำใบหน้าหล่อเหลาคมคร้ามด้วยอยู่กลางแจ้งเป็นนิจนั้นดูเย็นชา เงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกนั้น เป็นภาพภาพชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาเยี่ยงเทพบุตรพึงมี ใบหน้าเหลี่ยมหล่อเหลาเข้มคม สันกรามแกร่งมีรอยผ่าบุ๋มที่คางบึกบึน จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากหยักหนาสีเข้ม ผิวสีแทนสวย แผงอกกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามดั่งรูปปั้นนักรบโรมันผู้ห้าวหาญ แต่แววตาสีน้ำเงินเข้มนั้นกลับเย็นชาแม้เจ้าตัวเองยังรู้สึกได้ เขากลายเป็นคนเย็นชาแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ตั้งแต่ตอนนั้นสินะ...
เกาะส่วนตัวเล็กๆ ในทะเลตอนใต้ของประเทศ เป็นเกาะส่วนตัวที่มีเนื้อที่กว้างประมาณหกกิโลเมตรความยาวรอบเกาะราวสิบสองกว่ากิโลเมตร โดยด้านหน้าเกาะนั้นเป็นเวิ้งอ่าวสวยงามมีท่าเรือที่สามารถจอดเรือได้ ชายหาดสวยที่มีทรายละเอียด ขาวสะอาดและชายฝั่งเหมาะแก่การเล่นน้ำและพักผ่อน
เกาะพราวแสงจันทร์เป็นเกาะส่วนตัวและค่อนข้างเงียบสงบถึงแม้จะมีรีสอร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวแต่ที่นี่จะเปิดให้เฉพาะแขกระดับวีไอพีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และผู้ที่มาพักต้องเป็นคนที่รักธรรมชาติและสันโดษด้วย และไม่ใช่ทุกคนจะสามารถใช้เงินเพื่อเข้ามาพักได้ เพราะเจ้าของเกาะจะต้องขออนุญาตผู้เข้ามาพักในการตรวจสอบประวัติและจุดประสงค์ของการมาพักที่นี่อย่างเข้มงวด ถ้าผู้มาพักตกลงยินยอมและเจ้าของตกลงก็อันเป็นว่าเข้ามาพักผ่อนที่เกาะแห่งนี้ได้ และแม้ว่าการเข้ามาเที่ยวพักผ่อนที่เกาะพราวแสงจันทร์จะดูยุ่งยากและเจ้าของเกาะจะดูเหมือนว่าเรื่องมากสักเท่าใด ก็ยังมีคนที่ต้องการเข้ามาสัมผัสและชมความงดงามของน้ำทะเลสีมรกต ชายหาดขาวสะอาด และพักผ่อนเพลินเพลินไปกับการชมเกาะที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่ใดๆ ในโลก ผู้คนเหล่านั้นก็ยินดีที่จะทำตามกฎที่ตั้งขึ้นของที่นี่อย่างไม่อิดออด และก็มีนักท่องเที่ยวมาพักไม่ขาดสายและที่สำคัญที่เกาะแห่งนี้จะรับนักท่องเที่ยวให้เข้าพักแค่ช่วงปีใหม่ถึงเดือนเมษายนเท่านั้น หลังจากนั้นทางเกาะจะปิดรับนักท่องเที่ยวทันที
ครอบครัวหิรัญวารินทร์ เจ้าของเกาะพราวแสงจันทร์โดยมีหัวหน้าครอบครัวคือ นิคลอส (มาร์ติเนซ คาร์เตอร์)หิรัญวารินทร์ นายใหญ่เลือดผสมไทย สแปนิช-อเมริกัน แม้จะมีเชื้อสายต่างชาติและหน้าตาก็ไม่มีส่วนไหนเหมือนคนไทยเลยสักนิดนั้น แต่นายใหญ่แห่งเกาะพราวแสงจันทร์ก็เลือกที่จะใช้นามสกุลของมารดาและอยู่ที่เมืองไทยกับภรรยาที่รักยิ่งนั่นคือนายหญิงวาริน สาวงามผู้เป็นดั่งดวงใจมากกว่าจะไปใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายกับครอบครัวฝ่ายบิดาซึ่งเป็นถึงมหาเศรษฐีติดอันดับโลก อย่างตระกูล มาร์ติเนซ คาร์เตอร์
นายใหญ่นิคลอส และนายหญิงวาริน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และไม่รู้ว่าเรื่องบังเอิญหรือชะตาลิขิตลูกชายทั้งสามคนจะเกิดในช่วงฤดูกาลสามฤดู ลูกชายคนโตคือ เหมันต์ นายหัวหนุ่มวัย 36 ปี ที่ตอนนี้เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดการบริหารงานทุกอย่างในเกาะพราวแสงจันทร์ เนื่องจากเขาเกิดในฤดูหนาวที่ตอนนั้นเกาะพราวแสงจันทร์เกิดภาวะอากาศหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งๆ ที่ในแถบจังหวัดภาคใต้ของไทยแทบจะไม่มีฤดูหนาวเลยก็ว่าได้ แต่คราวที่เหมันต์เกิดนั้นก็เกิดสภาวะที่หนาวมากจนน่าอัศจรรย์ใจ เขาจึงได้ชื่อว่าเหมันต์ หรือนายหัวมาร์ค
บุตรชายคนที่สองคือ คิม หรือคิมหันต์ หิรัญวารินทร์ มาร์ติเนซ คาร์เตอร์ ชายหนุ่มวัย 29 ปี เจ้าชายแสนสำราญและเร่าร้อนดั่งอากาศอันร้อนแรงของเดือนเมษยน เขาเป็นนักรักผู้เร่าร้อนและเนื้อหอม ซึ่งตอนนี้บริหารงานของวาริน กรุ๊ปด้านการแปรรูปอาหารเพื่อการส่งออกของครอบครัวและตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้และดูงานด้านการบริหารอยู่อเมริกากับผู้เป็นปู่ซึ่งเขายินยอมที่จะใช้นามสกุล มาร์ติเนซ คาร์เตอร์ ของผู้เป็นปู่แทนผู้เป็นบิดา เพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นบิดากับผู้เป็นปู่ เพราะเนื่องด้วยในอดีตนายใหญ่นิคลอสเคยถูกทอดทิ้งไร้การเหลียวแลจาก ตระกูลมาร์ติเนซคาร์เตอร์ แต่สุดท้ายนายใหญ่ก็ยอมให้บุตรชายคนกลางใช้นามสกุลของตระกูล มาร์ติเนซ คาร์เตอร์และคิมหันต์เองก็ยินดี
