บทที่ 4 ลูกสาวพระอาทิตย์
"เรื่องมันมีอยู่ว่า..."
เสียงแม่ขึ้นต้นเช่นทุกครั้งเวลาเล่าที่มาของพิณตะวัน เด็กหญิงหางเปียวัยสิบสองปี นอนหนุนตักแม่เล่นที่นอกชานของบ้านพักคนงานของเกาะนางรัง ลมทะเลพัดเอื่อยกำลังเย็นสบาย บ้านกระท่อมหลังกะทัดรัดขนาดสองห้องนอน อยู่กลางดงมะพร้าว สร้างแข็งแรงแน่นหนาจากไม้บนเกาะนี่เอง บ้านคนงานอยู่กันกระจายตามความกว้างของเกาะ
พ่อวัฒน์ของพิณตะวันเป็นหัวหน้าคนงานของเกาะแห่งนี้ ซึ่งมีคนงานอยู่ประจำนับร้อย เจ้าของเป็นเศรษฐีตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยในกรุงเทพฯ พิณตะวันวิ่งเล่นซนไปทั่วเกาะตั้งแต่รู้ว่าเท้ามีไว้สำหรับเดินและวิ่ง เจ้าตัวมีเพื่อนเป็นเด็กชาวเลเต็มไปหมด... แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กน้อยเกลียดก็คือการถูกล้อว่าเป็น...เด็กที่พ่อกับแม่เก็บได้จากถังขยะ! ถูกล้อว่าเป็นฝรั่งขี้นกบ้าง บ้างก็ล้อว่าเป็นเด็กเก็บตก และอีกสารพัด
สาเหตุก็เป็นเพราะหน้าตาของพิณตะวันนั้นไม่มีส่วนไหนคล้ายผู้เป็นพ่อกับแม่เลยนั่นเอง นายวัฒน์กับนางจินดานั้น มีผิวสีน้ำตาลเข้มเพราะเกิดอยู่กับทะเล แต่ลูกสาวกลับมีผิวขาวละเอียด ใบหน้าเรียวเล็กมีเค้ากระเดียดไปทางเลือดผสมแม้ไม่มาก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เจ้าตัวถูกล้อว่าเป็นลิงเผือกเพราะผิวขาวจัดถ้าหากเปรียบเทียบกับเด็กชาวเกาะที่กำเนิดกลางทะเลผิวเป็นสีดำแดงหรือที่เรียกว่าผิวสองสี บ้างก็ตัวดำเป็นเหนี่ยง ทำให้เด็กหญิงไม่พอใจจนมีเรื่องมีราวชกต่อยกับเด็กที่ล้อซึ่งเป็นเด็กผู้ชายอยู่เป็นประจำ ร่างเล็กเพรียวแข็งแรงแต่มีใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใครในวัยเดียวกัน สามารถต่อยเด็กผู้ชายจนร้องไห้วิ่งแจ้นไปฟ้องพ่อแม่ จนต่อมาเด็กเกเรทุกคนต่างขยาด ไม่กล้าล้อเลียนเด็กหญิงอีก และแถมยกให้เป็นหัวหน้าแก๊งด้วย
"ตอนนั้นพ่อกับแม่กำลังออกทะเลหาปลา ตะวันกำลังจะตกดิน สีส้มอร่ามสวยงามเหลือเกิน แม่กับพ่อก็กำลังรอเวลาจะเก็บแหที่ปักทอดเอาไว้ เย็นวันนั้นเราสองคนจอดเรืออยู่ใกล้โขดหินนั่งมองตะวันกันเพลิน แม่ไม่มีลูกก็นึกอธิษฐานขอกับพระอาทิตย์ ว่าขอให้ได้ลูกสักคนเถ๊อะ เจ้าประคุ๊ณ"
จินดาเล่าอย่างคล่องปากกับเรื่องนี้ที่เล่ามานับครั้งไม่ถ้วน เธอก้มมองใบหน้าเรียวเล็กด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู เจ้าตัวนอนหนุนตักใช้พัดใบตาลโบกให้แม่แย็บๆ ทั้งๆ ที่ลมทะเลก็พัดเย็นดี แต่เพราะเป็นเด็กที่มีนิสัยกตัญญู คอยดูแลเอาใจใส่แม่กับพ่อในสิ่งที่ตนพอจะทำได้ ซึ่งเห็นตัวเล็กแค่นี้ แต่ก็คล่องแคล่วปราดเปรียวและเป็นงานหลายอย่างแล้ว ต่างมือต่างเท้าได้ยามจำเป็น
พิณตะวันมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของแม่ด้วยดวงตาใสแป๋ว เพราะต่อไปจะเป็นตอนที่ชอบฟังที่สุด เพราะมันคือปาฏิหาริย์แห่งชาติกำเนิดของเจ้าตัว...
"ทันใดนั้น ขณะที่พระสุริยเทพกำลังทรงราชรถจะลาลับขอบฟ้า จู่ๆ ก็มีวัตถุกลมๆ ห่อด้วยผ้าขาวลอยลงมาจากท้องฟ้า หล่นลงมากลางแหของพ่อเข้าพอดี พระอาทิตย์ท่านได้ประทานลูกมาให้พ่อกับแม่ตามที่แม่ได้อธิษฐานเอาไว้อย่างไม่คาดฝัน ท่านศักดิ์สิทธิ์เหลือเกินลูกเอ๊ย แถมยังทรงประทานพิณลอยตามมาด้วย แม่กับพ่อถึงได้ตั้งชื่อให้หนูว่า พิณตะวัน ยังไงล่ะ"
เด็กน้อยยิ้มแก้มปริ ดวงตาคมขำ กลมโตใสเปล่งประกายวิบวับระยับงามเวลาชอบใจ แต่เวลาโกรธล่ะก็จะคมดุ จนคนที่โดนจ้องเขม็งต้องเมินสายตาไม่กล้าจ้องสบด้วยนานๆ
"เพราะตะวันเป็นเด็กวิเศษ เป็นลูกพระอาทิตย์ ตะวันเลยมีลักษณะไม่เหมือนเด็กคนอื่นแถวนี้ ตะวันเข้าใจแล้ว และก็รู้สึกสงสารไอ้ก้อง ไอ้โก้ ไอ้แหลม และอีกหลายไอ้ที่มันไม่รู้ ตะวันไม่โกรธพวกมันแล้วที่มันเคยล้อตะวัน คนไม่รู้เขาเรียกว่าฉลาดน้อย ตะวันฉลาดมากกว่า ก็จะต้องให้อภัยพวกมัน ตอนนี้พวกมันขึ้นมะพร้าวให้ตะวันทุกวัน ตะวันเลยให้อภัยมันทุกคนเลยจ้ะแม่ การให้อภัยเป็นสมบัติของคนดี ตะวันจำที่แม่สอนได้ทุกอย่างจ้ะ"
เด็กหญิงเอ่ยเสียงแจ่มใส จดจำสิ่งที่แม่สอนได้ขึ้นใจทุกข้อ จินดายิ้มเอ็นดูกับความฉลาดเฉลียว ปราดเปรียว คล่องแคล่วและกล้าแกร่งเกินวัยของลูกสาว
