บทที่ 11 วาระสุดท้าย..ที่แสนหวานสินะ
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้วน่า!”
“เฮ๊ยเมฆ!” เสียงของราเมศตะโกนมาแต่ไกล เขาและวราลีจึงหันไปมองชายหนุ่มในชุดสูทหรู ที่ยืนคู่อยู่กับผู้หญิงคนนั้น
“อะ...บัว!”
“ว่าที่เจ้าสาวนายมาแล้ว!!!”
อิศราทั้งงงทั้งตกใจที่บัวบูชามาในชุดแม่ค้าตลาดสด มาในชุดธรรมดาไร้ราคา ไม่ใช่ชุดหรูหราที่เขาเตรียมไว้ให้
“บัว!”
วราลีถึงกับยิ้มเยาะและส่ายหน้าระอาใจ อดพูดดูถูกออกมาไม่ได้จริง ๆ “แม่ค้าก็คือแม่ค้า !”
บัวบูชายิ้มอบอุ่นให้แก่เขาอย่างที่เคยยิ้ม จ้องมองเขาด้วยสายตารักหลงอย่างที่เป็นมาตลอด ขณะเดินเข้ามาหาเขาด้วยความเต็มใจ...เต็มใจที่จะเดินเข้ามาในบ่วงที่เขาวางเอาไว้ ซึ่งเขาคงเตรียมจะกระตุกบ่วงนั้นในไม่ช้า
“เมฆ!”
“คุณ...ทำไม...” คำถามของอิศรากลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อโดนบัวบูชาประกบปากแล้วจูบอย่างดูดดื่ม
วราลีตกใจตาเหลือก ขณะราเมศ ธนินทร์ และทิวากรที่ตามขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน ต่างพากันยิ้ม และปรบมือให้กับความรักแสนหวานของหัวหน้าแก๊ง...ที่กำลังจูบตอบว่าที่เจ้าสาวอย่างร้อนแรง และโหยหาคลั่งไคล้...แสดงความรักออกมาได้สมจริงจนน่ากลัว !
“อืม...อือ...”
เธอกับเขาจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน อ้อยอิ่งเคล้าคลอ สัมผัสเลือดเนื้อและลมหายใจอุ่นซ่านของกันและกัน ดื่มด่ำถลำลึกอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานราวกับคู่รักที่มีใจเสน่หาต่อกันอย่างแท้จริง
“อ่า...” การตกลงไปในห้วงแห่งปรารถนาอันร้อนแรงนั้นมันก็ไม่ต่างกับการเต้นรำอยู่บนกองไฟ มันเป็นความหวานที่แสนทรมาน เป็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่มีพลังดึงดูดมากพอให้คนไม่กลัวตาย
“อือ...เมฆ...” เธอกระซิบเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกระเส่า จ้องมองเขาด้วยสายตาร้อนแรง สะกดเขาให้หลงใหลพลั้งเผลออยู่ในโลกของเธอและเขา
“ฉันเป็นของคุณ...” ในเมื่อเขาเกลียดเธอจับใจและอยากเห็นเธอทุกข์ทนอย่างแสนสาหัส เธอก็จะขอมอบช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้ายให้แก่เขา ด้วยการทำให้เขากระอักกระอ่วนใจยิ่งกว่า และขยะแขยงจนแทบสำลอกยามต้องฝืนตัวเองแสดงละครเป็นคู่รักกับเธอโดยไม่เต็มใจ
“เมฆ...จูบฉันสิ” เธอกระซิบบอกเขาที่ริมหูอย่างเร่าร้อนและยั่วเย้า พร้อมกับลูบไล้ต้นคอและท้ายทอยซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขาไปด้วย เพื่อจะทำให้เขากระอักเลือดตายเพราะความรังเกียจชิงชัง
“บัว...” เขาครวญชื่อเธอ พลางสวมกอดเธอไว้แน่น ราวกับรักเหลือล้น ราวกับว่าอยู่กันเพียงลำพัง ในโลกที่มีแต่เธอกับเขาเท่านั้น
วราลียิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจให้แก่ความรักจอมปลอมของหนุ่มสาวตรงหน้า เธอหันหลังให้แล้วเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนชายที่ยังยืนมองด้วยความสนใจ
“ไปเถอะ ก็แค่ละครลวงโลก”
ธนินทร์และราเมศเห็นด้วยกับวราลี ทั้งคู่เดินตามเจ้าหล่อนไปราวกับเป็นแมวเชื่อง มีเพียงทิวากรเท่านั้นที่ยังทอดสายตามองเพื่อนรักตัวร้ายและผู้หญิงคนนั้นแสดงความรักต่อกันอย่างดูดดื่มลืมโลกใบนี้
“วาระสุดท้ายที่...แสนหวานสินะ” ทิวากรจิบไวน์ในมือแล้วชูแก้วขึ้นเหนือศรีษะเพื่อฉลองให้กับคู่รัก ก่อนจะหันหลังให้แล้วจากไปอีกคน
ท่ามกลางแสงสีทองที่อาบคลุมไปทั่วบริเวณ และสายลมหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ดวงตาร้อนแรงของชายหนุ่มดั่งดวงตะวันที่กำลังลาลับ ยามทอดสายตามองใบหน้างดงามของหญิงสาวที่เขาเกลียดชัง หญิงสาวในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของเขา หญิงสาวคนแรกที่เขายอมจูบด้วย ซึ่งทำให้เขาค้นพบตัวเองว่าตัวเขานั้นยอมทำทุกอย่างได้เพื่อชัยชนะและเป้าหมายสำคัญ แม้แต่การสัมผัสกับสิ่งที่รังเกียจอย่างสุดหัวจิตหัวใจ
“ในที่สุด...วันนี้ก็มาถึง” ปลายนิ้วโป้งของเขาไล้แผ่วเบาตามร่องแก้มและริมฝีปากอิ่มสวยสีแดงเข้มราวกับดอกกุหลาบสีเลือด ก่อนจะก้มลงมาประทับรอยจูบอีกครั้งอย่างอบอุ่นอ่อนหวานราวกับรักเธอหมดใจ
“อือ...เมฆ...” เธอหลับตาพริ้ม แต่ไม่ได้อิ่มสุขเหมือนทุกครั้งที่จูบกับเขา หากแต่อิ่มความทุกข์ตรมขมขืนจนแทบจะสำลักออกมาแล้ว
“บัว...อือ...” เขาจูบหวานพร้อมสวมกอดเธอไว้แน่นมือไม่ยอมปล่อยสักวินาที ราวกับกลัวเธอจะหายไปจากชีวิตอันแสนหรูหราของเขา
เมื่อเขาผละออก ดวงตาร้อนแรงจ้องมองเธออย่างเต็มปรารถนา รอยยิ้มตรงมุมปากของเขาบ่งบอกถึงความสาสมใจอย่างเปิดเผย หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงตีความว่าเขาคลั่งไคล้เธอหนักหนา แต่พอวินาทีนี้ เธอรู้แล้วว่ามันคือการยิ้มเยาะให้กับความโง่เขลาของเธอต่างหาก
“เรากำลังจะแต่งงานกันใช่มั้ยบัว”
“เมฆอยากแต่งงานกับบัวจริงเหรอ”
“มาถามอะไรตอนนี้ วันนี้ต่อให้บัวปฏิเสธ เมฆก็ไม่มีทางยอมปล่อยบัวไปหรอก บัวฝืนชะตาฟ้าลิขิตไม่ได้แล้วนะ บัวเกิดมาเพื่อเมฆ เราสองคนเกิดมาเพื่อคู่กัน” นี่คืออีกหนึ่งบทเพลงซาตานที่เขาใช้กล่อมเกลาเธอจนเคลิบเคลิ้มมาแล้วจนนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ตอนที่เขาต้อนเธอขึ้นเตียงแล้วละเลงบทรักแสนหวานบนเรือนกายของเธออย่างนุ่มนวล แต่ร้อนแรงด้วยไฟปรารถนา “เราสองคนจะอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย”
“แล้วถ้าเกิดบัวตายขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ”
เขาขมวดคิ้วมุ่น “พูดอะไรน่ากลัวชะมัด ไม่เอาละ เราไปเตรียมตัวรับแขกกันเถอะ ตอนนี้เพื่อน ๆ มากันเยอะแล้ว แต่ก่อนอื่นคุณต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน”
