บทที่ 7 ว่าที่เจ้าสาวมาแล้ว
“ค่ะ เจอกันที่งานปาร์ตี้สละโสดของเรานะคะ...แต่ตอนนี้ฉันง่วงจนตาจะปิดแล้ว”
“ก็ได้ที่รัก งั้นผมไม่รบกวนแล้ว แต่ห้ามปิดเครื่อง ห้ามไม่รับสายอีก ไม่งั้น ผมจะ...ลงโทษคุณให้หนักเลย”
เธอกดวางสายจากเขา ก่อนที่โทรศัพท์จะล่วงหล่นจากมือลงไปตั้งอยู่บนพื้น
“เมฆ...คุณจะทำฉันจริง ๆ เหรอ?” น้ำตาของเธอไหลออกมาด้วยความเสียใจ “คุณจะไม่ปล่อยฉันจริง ๆ ใช่มั้ย”
เธอร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนักอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่เสียงท้องร้องเพราะความหิวจะทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว
“ลูก...จริงสิ” เธอลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองอย่างเบามือ ทะนุถนอม “แม่จะไปงานนี้นะ...เราไปด้วยกันนะ แม่แค่อยากรู้ว่าพ่อเขาโกรธอะไรแม่ แม่แค่อยากรู้ว่าพ่อเขาทำแบบนี้ทำไม ที่สำคัญ ถ้าเขาโกรธอะไรแม่ แม่ก็อยากให้มันจบแค่นั้น หลังจากนี้ไป พ่อจะได้ไม่มายุ่งกับแม่อีกนะ”
หลังจากคิดมาเกือบทั้งวัน เธอก็ได้ข้อสรุปให้ตัวเอง เธอไม่คิดจะหนี หากเขาต้องการให้เกมมันจบที่งานปาร์ตี้สละโสด ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทุกคน เธอก็ยินดีที่จะจบเกมที่นั่น ตามที่เขาต้องการ และเมื่อเขาได้สมปรารถนาแล้ว เธอจะขอคุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย
บัวบูชาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พยายามเข้มแข็งให้ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วจัดการล้างหน้าล้างตา ล้างคราบของความเสียใจออกจากใบหน้าจนหมดจด
“เราจะไม่เป็นอะไร เราจะไม่เป็นอะไรนะบัว”
เวลาราวหนึ่งทุ่มตรง เธอตัดสินใจออกจากห้องพัก ลงไปหากอบกุลที่ชั้นสี่
“อ้าวยัยบัว แกกลับมาจากกรุงเทพฯแล้วเหรอ?”
กอบกุลในชุดแซ็กสีเหลืองอ่อนสวยตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนรักยืนอยู่หน้าประตูห้อง
“อืม ทำอะไรอยู่?”
“ลองชุดอยู่น่ะสิ ยัยตาก็อยู่นะ”
“เฮ๊ว่าที่เจ้าสาว!”
ลลิตาตะโกนมาจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เจ้าหล่อนสวมชุดสีขาวสวย แบรนด์เดียวกับที่เขาซื้อให้เธอเลยล่ะ
ลลิตาเดินออกมาคว้ามือเธอ ลากพาเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้นเปี่ยมสุข “มาช่วยดูหน่อยเร็ว ฉันใส่ชุดนี้เป็นไง สวยเกินหน้าเกินตาเจ้าสาวรึเปล่า???”
“สวยสิ แกใส่ชุดไหนก็สวยตา ชุดนี้ดูน่ารักเหมาะกับแกมากเลยนะ”
“แล้วฉันล่ะ” กอบกุลหมุนตัวให้เพื่อนรักดูความงามของตัวเองที่แสนภูมิใจ “สวยพอกับปาร์ตี้ไฮโซมั้ย”
“สวย ใช้ได้เลย สีนี้เข้ากับแกมากเลยกุล”
“แล้วแกล่ะบัว ได้ข่าวว่าชุดแพงมากเว่อร์” ลลิตาแซวเพื่อนใหญ่ “แต่ก็นะ ว่าที่สามีของแกทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น คิดแล้วอิจฉา อยากมีผู้ชายเปย์แบบนี้บ้างจัง”
“อย่างแกต้องหาผู้ชายเปย์อีกเหรอ” กอบกุลพูดด้วยความหมั่นไส้ “ทั้งสวยทั้งรวยขนาดนี้แล้ว จะเลือกผู้ชายแบบไหนก็ได้นี่นา”
“แหม ถึงฉันจะสวยและรวยเว่อร์ แต่ฉันก็ไม่ได้ผู้ชายดีเว่อร์แบบคุณอิศรามาครอบครองเหมือนยัยบัวนะ มีแต่พวกไม่เอาไหนทั้งนั้น นี่แหละนะ ที่เขาเรียกว่าวาสนาใครวาสนามัน แข่งเรือแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาไม่ได้”
คำพูดของเพื่อนรักทำให้บัวบูชาพูดไม่ออก หากสองคนนี้ได้รู้ว่ามันเป็นแค่เกมสนุกของคนกลุ่มนั้น ก็คงจะได้รู้ว่าเธอนั้นมันไร้วาสนากว่าใคร แถมยังโชคร้ายไม่มีใครเกิน
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าแก๊งของเรา ยัยบัวจะได้แต่งงานก่อนใคร ทั้งที่ควรจะเป็นฉัน” ลลิตเข้ามาสวมกอดบัวบูชาจนแนบแน่น “ดีใจด้วยนะแก ขอให้แกมีความสุขมาก ๆเลยนะ”
“ขอบใจมากนะตา” เมื่อผละออก บัวบูชาพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้เพื่อนได้เห็นความสุขที่จอมปลอมของเธอ “อีกไม่นาน ตาเองก็จะได้เจอกับผู้ชายที่ดี”
กอบกุลเห็นดวงตาของว่าที่เจ้าสาวรื้นออกมา ก็ปลาบปลื้มจนอดร้องไห้ออกมาไม่ได้
“ฉันก็ดีใจมากนะบัว ที่แกจะได้แต่งงานกับคนที่แกรัก เขาโชคดีมากเลยที่ได้แกเป็นเมีย เพราะแกเป็นคนสวย เป็นคนดี เป็นคนน่ารัก และเป็นคนกตัญญู คนอย่างแกสมควรจะได้ของขวัญราคาแพงจากสวรรค์อยู่แล้ว”
บัวบูชายิ้มให้เพื่อนรักทั้งสองคน “ฉันเชื่อว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันมีเหตุผลของมัน...มันมีเวลาของมัน...ฉันเชื่อว่าสวรรค์กำหนดมาแล้ว”
“ให้แกเป็นคู่กับเขา” ลลิตาเสริมให้
“ให้เขารักแกมากขนาดนี้” กอบกุลคว้ามือเย็นเยือบของเพื่อนรักมาจับแน่น “หลังจากนี้ ชีวิตจริงมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว แกต้องเตรียมรับมือกับการเป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่ให้ดี ๆนะบัว”
“อย่างยัยบัว ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็เมตตา”
“หยุดชมได้แล้ว ตัวลอยจะติดเพดานอยู่แล้วเนี่ย พวกแกลองชุดกันไปเถอะนะ ฉันขอไปคุ้ยหาอะไรในตู้เย็นกินหน่อย ตอนนี้หิวมากเลย”
“อย่ากินเยอะนะแก เดี๋ยวพุงออก ใส่ชุดแต่งงานไม่สวยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า สวยไม่สวยเขาก็แต่งงานกับฉันอยู่ดี แต่ตอนนี้ ขอกินก่อนดีกว่า”
บัวบูชาเดินตรงไปยังตู้เย็นหลังใหญ่ตรงมุมห้อง จากนั้นก็รื้ออาหารทั้งคาวหวานออกมาจากตู้เย็นจนแทบไม่เหลือ เจ้าหล่อนนั่งโซ๊ยอาหารเหมือนคนตายอดตายอยากมาจากไหน จนทำให้เพื่อนรักทั้งสองถึงกับงงและแปลกใจ
